เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
62
ตอน
15K
เข้าชม
37
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
14
เพิ่มลงคลัง

 

 

 

 

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้น ตัวละครก็แต่งขึ้น สถานที่ก็แต่งขึ้น
แนวโรแมนติก ดราม่าบ้าง แต่ก็อยากให้คนอ่านมีความสุข ไม่รู้จะทำได้แค่ไหน เรื่องนี้เป็นการแต่งนิยายวายครั้งแรกของเราอ่ะ

(แอบตื่นเต้นตอนลง+ลุ้นตัวเองด้วยว่าจะเขียนให้จบได้ด้วยดี)

เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง


บทนำ


ณ โรงเรียนมัธยมต้นที่พอมีชื่อกะเขาแม้ว่าจะไม่ดังมากก็เหอะ
ที่ริมระเบียงทางเดิน เด็กนักเรียนชายตัวเล็กๆ2คนเดินคุยกัน ในอ้อมแขนของทั้งสองมีกองสมุดวาดเขียน ที่โดนครูใช้ให้เอาไปวางที่ห้องพักครู

“จบม.3นายไปจะต่อที่ไหน น่ะไข่” เวสป้าถามฟ้าใส เพื่อนที่สนิทกันแบบห่างๆ 555 ก็แบบสนิทรู้ใจคุยกันรู้เรื่อง แต่อยู่คนละกลุ่มเพื่อน
 ก็ฟ้าใสจะโดนชวนเดิน กินข้าวกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง แต่เวสป้าจะโดนชวนไปเดินกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่กลับบ้านด้วยกัน
 ฟ้าใสถอนหายใจ ทำปากมุ่ย ก่อนจะตอบว่า

“เฮ้อ...ยังไม่รู้ดิ...” พร้อมกันหันหน้ามามองหน้า เพื่อนที่เดินเคียงข้างกัน แล้วเลยเอ่ยปากถามต่อ

“แล้วเวสป้าล่ะ...คิดแล้วเหรอ”

“ฮื่อ...พ่อเรา เขาให้ไปสอบเข้าที่โรงเรียน ART R น่ะ” เวสป้าหันมาตอบอย่างเต็มเสียงด้วยความมั่นใจ
ใช่สิ เวสป้าเป็นลูกอาจารย์วสุ ที่นับว่าเป็นทั้งอาจารย์สอนศิลปะและศิลปินที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับนี่นา
ทั้งเวสป้าเองก็เก่งศิลปะได้คะแนนไม่เต็มก็เกือบเต็มทุกครั้ง ฟ้าใสกลับมานึกถึงตัวเอง เขาก็ชอบศิลปะและก็ทำได้ดีในวิชา
แต่เขาก็ชอบวิชาวิทยาศาสตร์และก็ทำคะแนนสูงๆด้วยเหมือนกัน แต่วิทย์ทำไมมันต้องคู่กับคณิตศาสตร์ด้วยนะ ก็เขามันห่วยจะตาย
ในพวกวิชาที่เกี่ยวกับตัวเลขทั้งหลาย สอบเก็บคะแนนคราวก่อน ถ้าไม่แอบเข้าไปแก้ไอ้ที่สอบๆไปกะพวกไอ้เปรี้ยวไอ้ดรีมจนโดนผีหลอก
วิ่งกระเจิง ผมคงสอบตก โดนแม่ด่าโดนจับให้เรียนพิเศษแน่

“เอ๊ย...ไข่! ถึงห้องจารย์แล้ว” เวสป้าส่งเสียงเรียกผม เมื่อเห็นผมทำท่าจะเดินไปคิดอะไรไปจนเลยห้องพักครูศิลปะ
“แหะ แหะ เออ เออ” ผมหัวเราะเก้อๆ เขินที่มัวแต่คิดอะไรเพลิน
“ขออนุญาต ครับ” ทั้งผมและเวสป้าส่งเสียงก่อนผลักประตูเข้าไป จึงเห็นอาจารย์แปปที่สอนศิลปะคุยกะเพื่อนอาจารย์ที่มาจากที่อื่นอยู่
พอเราสองคนวางสมุดบนโต๊ะเสร็จก็เตรียมเดินออก อาจารย์แปปก็เรียก

“นี่เธอสองคนนี่นะ ครูส่งจะไปวาดรูปประกวดแข่งกะเขานะ  เดี๋ยวรายละเอียดจะบอกอีกทีตอนเย็นมาพบครูที่ห้องนี้ด้วยล่ะ”
ระหว่างทางที่เดินกลับทั้งผมและเวสป้าเลยตื่นเต้นกันใหญ่ ไม่น่าเชื่อแฮะ อย่างผมเนี่ยนะจะโดนส่งไปประกวดอะไรอย่างงี้ด้วย ได้จริงก็ดีนานๆจะได้ทำอะไรอวดแม่ได้บ้างอ่ะ

เราสองคนพอกลับห้องก็ไม่พูดอะไรเรื่องนี้หรือบอกเพื่อนๆคนอื่นเลย

หลังจากเลิกเรียนตอนเย็น เราก็ไปหาอาจารย์ อาจารย์แปปก็บอกรายละเอียดให้เราไปวาดรูปภายใต้หัวข้อ”วิถีชีวิตวัฒนธรรมไทย”
มาส่งภายในวันที่25 ก็มีเวลาประมาณ2อาทิตย์กว่า แล้วเราก็ต้องไปแข่งวาดสดๆในงานด้วยในวันเสาร์ ถัดมา
ซึ่งที่อาจารย์คัดไปทั้งหมดประมาณ8คน ที่ผมเห็นมาคุยพร้อมกันก็มี จิ๊บ กับ กั๊ดจังห้อง 3/2
แล้วก็ เด็กม.2  อีก3คนม.1 หนึ่งคน แล้วอาจารย์จะทำจดหมายไปแจ้งขออนุญาตผู้ปกครอง

หลังจากงานประกวดผ่านไป ผมก็ได้รางวัลชมเชยมาเพียงคนเดียวในระดับม.ต้นของโรงเรียน
ซึ่งทำให้ผมพออวดกับคุยให้แม่กับพี่น้องฟังได้บ้าง
 แหมก็นานๆที แถมผมยังอวดแม่อีกนะว่า ขนาดเวสป้าลูกของอ.วสุยังไม่ได้รางวัลอะไรเลยนะ
ก็ใช่สิเวสป้ามันเนี๊ยบจะตาย คิดอะไรก็นานค่อยๆคิด มันทำงานช้าๆ พอไปเจอบังคับเวลา ไปนั่งทำงานรวมๆกันเป็นร้อยคน
 มันก็ทำไม่ออก งานมันเลยไม่เสร็จ ไม่เหมือนผม พอคิดออก ปิ๊งแล้ว ผมก็ทำๆไป เอาสีแสบซ่าเหนือจริงไปเลย
 มันเลยเด่น ถึงฝีมือจะสู้ไม่ได้ ก็เอาไอเดียสู้ก็ได้เฟ้ย

แล้วจากการประกวดผมเลยเริ่มคิดว่าจะเรียนต่อทางสายศิลปะ เฮ้อ...ทำไมโรงเรียนผมจะต้องมาย้ายพวกมัธยมปลาย
ไปอยู่มหาลัยวิทยาเขตด้วยน๊ะ
พวกเพื่อนๆเลยคิดจะพากันแยกย้ายไปต่อ ม.4กันที่อื่น ธรรมดาโรงเรียนพวกผมนี่จะมีครบตั้งแต่อนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย
 บรรดาเพื่อนๆจึงสนิทกันมากเพราะเห็นกันตั้งแต่อนุบาลแล้วก็เป็นโรงเรียนสห เด็กผู้หญิงผู้ชายก็ถือว่าเพื่อนๆกัน
เล่นขี่ม้าเข้าเมือง ไอ้เด็กผู้ชายสนิทกันแต่ตัวเล็กก็ขี่หลังเด็กผู้หญิงที่ตัวโตกว่าก็ไม่ถือกัน
 ตอนหลังๆนี่มีตัดถนน รถราคับคั่ง โรงเรียนเลยเปิดวิทยาเขตขึ้นที่ชานเมือง เอาพวกพี่มหาลัยไปก่อนบางคณะ
 จนปีที่แล้วให้ม.ปลายไปเรียนที่ ที่ใหม่ เห็นว่าอีกไม่กี่ปี ก็จะให้พวกม.ต้นย้ายไปด้วย เหลือแต่พวกประถม อนุบาล
 แล้ว ปริญญาโท กับพวกเรียนภาคพิเศษที่จะได้เรียนที่นี่
ก็อย่างแม่ผมที่เคยสอนที่นี่ ยังต้องย้ายไปสอนที่วิทยาเขตใหม่เลย  ผมถึงได้สิทธิ์ไป-กลับเอง

“พี่ส้มโอ...” ฟ้าใสเรียกพี่สาวที่สนิทกันยิ่งกว่าแม่ หลังจากเริ่มคิดเรื่องเรียนต่อ
“อะไร...มีอะไรเหรอ ไข” พี่สาวคนสวยเงยหน้าจากนิตยสารเกี่ยวกับหนังและดนตรีของต่างประเทศ มามองน้องชายผู้น่ารักเหมือนตุ๊กตาของตัวเอง ถึงแม้จะโตแล้วก็เถอะ เธอก็ยังคิดว่าเธอเป็นเจ้าของน้องคนนี้อยู่(ยิ่งกว่าแม่)
 ชื่อผมก็ฟังไม่ผิด พิมพ์ไม่ผิดหรอกครับ มันมาจากที่ตอนเด็กผมพูดไม่ชัดก็เรียกตัวเองว่าฟ้าไข ฟ้าไข
 แล้วพวกผู้ใหญ่ตัวดีก็ล้อเลียนเรียกฟ้าไขตามไปด้วย แต่แม่ผมเขาไม่เล่นด้วยหรอกนะ แม่ก็เรียกผม “ฟ้าใส” เต็มยศถูกต้องตามเดิมนี่แหล่ะ
แล้วพอผมเรียกตัวเองว่า “ไข” ไอ้โซดาหัวหน้าห้องมันเห็นผมชอบกวนเลยเรียก “ไข่กวน” แล้วก็เรียกย่อๆว่า “ไข่”
ผมเลยต้องเป็น “นายไข่” ของอาจารย์และเพื่อนๆ

“พี่โอว่าไขจะเรียนต่ออะไรดีอ่ะ” ฟ้าใสนั่งแปะลงตรงหน้าพี่สาวที่อยู่มหาลัยปี2แล้ว จ้องตาแป๊ว

****

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว