INTRO
ธาม
“ธาม พ่อจะส่งให้แกไปจีน เตรียมไปสอบด้วย”
“ห๊ะ?!! พ่อจะส่งผมไปทำไม ภาษาจีนผมก็พูดได้ตั้งแต่อยู่ ม.1 แล้วนะพ่อ!”
“ไม่รู้แหละ ยังไงแกก็ต้องไป ถ้าแกขัดคำสั่งฉัน ฉันจะบังคับให้แกเรียนหมอที่แกเกลียดแน่”
“โห่พ่อ!!”
“เลือกเอา จะปีเดียวหรือ 6 ปี”
“โธ่เว้ย!!” และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งราว 180 เซนติเมตรต้องมานั่งติดแหง็กอยู่ตรงที่นั่งโดยสารริมหน้าต่างของเครื่องบินลำใหญ่ที่กำลังเหินฟ้าสู่ประเทศจีน เสียงโวยวายของ ธนนท์ หรือธาม แม้จะไม่ดังมากนัก แต่ก็สามารถปลุกเพื่อนร่วมเดินทางข้างๆ ให้ตื่นจากความฝันได้
“เหี้ยธาม! โวยวายทำไมวะ?!” หนุ่มน้อยนามว่า กันต์ ที่ถูกเสียงคนข้างๆ ปลุกให้ตื่นหันไปโวยวายใส่ตัวต้นเหตุทันที แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่สนใจคำด่าของเพื่อนที่นั่งข้างกันสักเท่าไหร่นัก
“มึงยังไม่เลิกบ้าอีกเหรอ?! มึงขึ้นเครื่องมาขนาดนี้แล้วก็ทำใจเหอะว่ะ"
“แม่ง! ก็กูไม่อยากไปนี่ พ่อกูก็บังคับกูเหลือเกิน”
พวกเขาสองคนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากไทยไปประเทศจีนเพียง 2 คนเท่านั้นของโครงการ ABC โดยปกติแล้วโครงการนี้จะเปิดรับนักเรียนที่ต้องการไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีนปีละ 5 คน แต่ในปีนี้กลับเปิดรับเพียงแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้ธามรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เพราะสองคนจากทั่วประเทศน่ะ มันอิมพอสสิเบิ้ลที่เขาจะติด แต่สุดท้ายเขาก็อดสาปแช่งความฉลาดของตัวเองไม่ได้ เพราะเขาติดตัวสำรองอันดับที่ 1 แล้วไอ้คนก่อนหน้าดันเสือกสละสิทธิ์ไปอีก ทำให้ไอ้ธามคนนี้ถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นตัวจริงอันดับที่สองอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนอันดับหนึ่งอ่ะเหรอ? ก็อีคนที่เพิ่งตื่นมาด่าเขาเมื่อสักครู่นี้แหละ
“สัด เสียดายแทนไอ้บอสชิบหาย”
บอส คือผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมชั้นเรียนและเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของกันต์ ทั้งคู่วางแพลนว่าอยากจะหนีจากการเรียนที่แสนเครียด(?) ที่ประเทศไทยไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จีนด้วยกัน แต่โชคก็ไม่เข้าข้าง เพราะบอสดันสอบติดเป็นตัวสำรองอันดับที่สอง อยู่หลังไอ้ห่าธามเพียงแค่คนเดียว ทำให้มันหมดสิทธิ์ไปโดยปริยาย
กันต์เหลือบมองธามด้วยความหมั่นไส้ ถ้ามันไม่มาเพื่อนเขาก็ได้มาแล้ว ตอนแรกที่เจอธามครั้งแรกและเห็นท่าทีไม่อยากไปของมัน เขาก็อยากจะเอาตีนถีบหน้าสักสองสามที แต่ติดที่พอคุยๆ กันไปแม่งเป็นคนนิสัยดีนี่แหละ เลยทำไม่ลง
“แม่ง กูไม่อยากไปจริงๆ นะมึง”
“มึงจะกังวลห่าไรวะ ก็แค่ไปใช้ชีวิตอยู่นู่น อีกอย่างมึงพูดจีนได้อยู่แล้วนี่ กูสิต้องกังวล กูพูดเป็นแค่หว่ออ้ายหนี่เนี่ย!”
“มึงแม่งไม่เข้าใจ” ธามบ่นอุบ ไม่มีใครเข้าใจคนติดบ้านมากๆ อย่างเขาหรอก ตลอดชีวิตที่อยู่มา 17 ปีเขาออกไปนอนที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านตัวเองแทบจะนับได้...จะบอกว่าติดบ้านก็คงไม่ถูก เขาติดแม่ต่างหากล่ะ! ก็แม่ของเขาน่ะ ทั้งสวย ทั้งเก่ง ทำอาหารเป็น ทำงานบ้านได้ทุกอย่าง งานช่างก็ยังได้อีก...อยู่บ้านเขาแทบไม่เคยต้องทำอะไรด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำไป (?)
“เออกูไม่เข้าใจมึง และไม่ต้องการจะเข้าใจละ เครื่องลงแล้วปลุกกูด้วยล่ะ” เด็กหนุ่มตัดบทเพื่อนอย่างรำคาญ ก่อนจะหยิบหมอนรองคอมาสวมไว้ แล้วเข้าสู่นิทราไปอีกรอบ ร่างโปร่งเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่หลับไปแล้ว ก่อนจะลอบถอนหายใจ
“ขอให้ 1 ปีนี้มันผ่านไปเร็วๆ ด้วยเถอะ!”
.
.
.
ณ สนามบินปักกิ่ง
ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะมาเหยียบประเทศจีนเป็นครั้งแรกกำลังนั่งหัวเสียอยู่ตรงม้านั่งตัวยาวพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ ธามยกนาฬิกาที่เพิ่งปรับเวลาตามท้องถิ่นขึ้นมาดูเป็นรอบที่ร้อย โฮสของกันต์มารับเจ้าตัวกลับไปได้ร่วมสองชั่วโมงแล้ว แต่เด็กหนุ่มนามธามก็ยังคงนั่งกร่อยอยู่ที่เดิม มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่จากโครงการเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นั่งหงอยเป็นเพื่อน
“หิวไหม?” ร่างของคนอายุมากกว่าเอ่ยถามขึ้น ทั้งๆ ที่กำลังกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่งไม่หยุดหย่อน จางจิ้งเพิ่งจะมาทำงานเป็นอาสาสมัครให้กับโครงการนี้ในฐานะศิษย์เก่า เขาได้รับคำสั่งให้มารอรับกันต์กับธามจนกว่าผู้ปกครองที่จีนของเด็กสองคนนี้จะมา แต่นี่มันก็เลยเวลานัดมาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่มาอีก
“ไม่หิวหรอกครับ ว่าแต่ทำไมโฮสผมไม่มาสักที นี่มันเลยเวลามานานแล้วนะครับ” จางจิ้งหันไปมองหน้าคนเด็กกว่าด้วยความประหลาดใจ เขาก็พอรู้มาบ้างว่าเด็กคนนี้พูดจีนได้ แต่ไม่คิดว่าจะพูดได้คล่องขนาดนี้ แม้จะติดสำเนียงไทยอยู่บ้างก็เถอะ
“อ่า...พี่กำลังติดต่อเขาอยู่น่ะ เรารออีกแปปนึงนะ” ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์ต่อไม่หยุด ธามจ้องมองภาพของคนที่กำลังวุ่นวายกับโทรศัพท์ตัวเอง แล้วเผลอหลุดขำออกมา...ท่าทางเพิ่งจะมาเป็นอาสาสมัครครั้งแรกสินะ
“เห้อ ทำไมไม่รับสายนะ”
“โทรมาทำไมนักหนา” เสียงเข้มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ทั้งสองหันไปมอง ก็พบชายหนุ่มร่างสูงที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีดำทั้งชุด พร้อมกับแว่นกันแดดสีน้ำตาลเข้มกำลังยืนมองมาทางพวกเขาอยู่...ธามขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย ในขณะที่จางจิ้งรีบลุกขึ้นด้วยความดีใจ
“ในที่สุดคุณก็มาสักที ผมนึกว่าคุณลืมไปแล้ว”
“ก็บ้านฉันมันไกล อดทนรอหน่อยจะตายไหมล่ะ?” จางจิ้งสะอึกกับคำพูดไร้เยื่อใยของคนตัวสูง ในขณะที่ธามอยากจะอ้าปากด่าคนตรงหน้าใจจะขาด แต่ติดว่าจะทำให้เรื่องมันวุ่นวาย จึงได้แต่สงบปากสงบคำเอาไว้
“อ่า...ขอโทษทีครับ เออนี่ธาม นี่โฮสของเธอนะ...” จางจิ้งรีบขอโทษขอโพยแม้ตัวเองจะไม่ได้ผิดอะไรก็ตาม และด้วยความที่อยากจะพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ เขาจึงรีบแนะนำธามให้รู้จักกับอีกคนทันที
"....” ชายตัวสูงหันไปมองร่างโปร่งเล็กน้อย ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นว่าคนอายุน้อยกว่าพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่พอใจเต็มที่ มือหนายกขึ้นถอดแว่นกันแดดสีน้ำตาลเข้มออก เผยให้เห็นใบหน้าคมสวยได้รูปราวกับเทพบุตร ดวงตาคมกร้าวจ้องมองเด็กต่างชาติที่สูงน้อยกว่าเขาเพียงนิดเดียว ในขณะที่ธามผงะไปเล็กน้อย
...ถ้าจำไม่ผิด คนนี้คือคที่อยู่ในรูปที่ทางโครงการส่งมาให้ ลูกชายคนเดียวของโฮสแฟมิลี่ที่ตกลงรับเขาไว้...ชื่ออะไรนะ รู้สึกจะชื่อ...ฟังอี้ หรืออะไรสักอย่าง…เออใช่ ฟางอี้
“สวัสดีครับพี่ ผมธามครับ” เด็กหนุ่มก้มหัวให้อีกฝ่ายอย่างมีมารยาท แม้ว่าในใจจะรู้สึกเกลียดขี้หน้า "โฮสพี่” ตัวเองขึ้นมา
“ใครพี่มึง? กูไม่รับผู้ชายเป็นน้อง” คำพูดหยาบคายหลุดออกมา ทำเอาจางจิ้งหันขวับมามองด้วยความตกใจ เขารีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเมื่อเห็นมือเรียวของธามเริ่มกำเข้าหากันแน่นเหมือนพร้อมจะต่อยใครสักคนได้อยู่แล้ว
“อ่า...นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว เดี๋ยวคุณต้องขับรถอีกไกลนะครับ รีบกลับกันเถอะ” ฟางอี้เหลือบมองเจ้าหน้าที่อาสาสมัครเพียงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินออกไปโดยไม่รอธามเลยสักนิด
“เห้ย! จะรีบไปไหนล่ะ? รอด้วยสิ!” ร่างโปร่งรีบลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองตามร่างสูงที่ก้าวเท้าไวพอๆ กับเสือชีต้าร์ไปติดๆ จางจิ้งลอบถอนหายใจกับงานแรกของเขาที่ดูจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่
“เห้อ...โชคดีละกันนะ ธาม..”
.......................................
สวัสดีค่านักอ่านทุกท่าน
ถ้าอ่านแล้วชอบกัน ก็ช่วยกันกดถูกใจกดเม้นกันด้วยนะคะ หรือจะไปสกรีมกันที่ #คุณโฮสพี่ ในทวิตเตอร์ก็ได้ค่ะ