กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ฐานนะทางบ้านดี เธอมีชื่อว่า เรลล่า แต่ชีวิตกลับมาพลิกพัน เมื่อวันหนึ่งแม่ที่รักยิ่งป่วยด้วยโรคที่ไม่มีทางรักษาหายและแม่เรลล่าก็เสียชีวิตลงภายในสามเดือน พ่อจึงตัดสินใจแต่งงานใหม่เพื่อประคองกิจการของครอบครัว งานแต่งงานจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้เกียรติฝ่ายหญิงแม้ชาวบ้านจะนินทาเรื่องการแต่งงานอันไม่สมควรแก่เวลาแต่พ่อก็ไม่เคยสนใจพวกเขา หลังจากนั้นสามเดือนแม่เลี้ยงลูกติดหนึ่งคนก็ย้ายกลับเข้ามาอยู่บ้าน แม่เลี้ยงชื่อว่า ราเชล อายุราว 38 กว่าๆ อายุน้อยกว่าพ่ออยู่สามปี เธอเป็นผู้ดีเก่าทั้งสวยและเพียบพร้อม ความสวยของเธอเป็นที่เลื่องลือในหมู่นักธุรกิจหรือแม้แต่หนุ่มโสดทั่วไป ลูกสาวของราเชลชื่อว่า นาตาเซีย เป็นเด็กผู้หญิงเกือบสวยหรือ เธอไม่เอาไหนสักเท่าไหร่ และการใช้ชีวิตในแต่ล่ะวันของเธอช่างไร้สาระเอามากๆ แถมนิสัยชอบโวยวาย นี่คือสาเหตุอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ที่ทำให้ชีวิตของเรลล่าเปลี่ยนไป
“เรื่องราวของแกมันเหมือนซินเดอเรลล่าเลยอ่ะ เรลล่า”
“จะบ้าเหรอ!! นี่มันชีวิตจริงนะ”
เพื่อนสนิทฉันพูดขึ้นหลังจากที่เธอดูหนังเรื่องซินเดอเรลล่าในมือถือจบ พร้อมกับขยับเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆ แววตาใสซื่อ ใบหน้าจิ้มลิ้ม ผมสีบรอนซ์เข้ม ผิวขาวซีด เธอชอบเรื่องราวเทพนิยายรักของบรรดาเจ้าหญิงเจ้าชายอะไรพวกนี้ รวมๆแล้วเธอเป็นพวกเพ้อฝัน เธอชื่อว่า ไวโอเล็ต
“คิดดูซิ ซินเดอเรลล่า ชื่อของเธอคือ เรลล่า ”
ไวโอเล็ตมีสีหน้าครุ่นคิด เธอเอามือขึ้นมาลูบคางเบาๆก่อนจะก้มลงไปกดแต่มือถือคู่ใจ กริ๊งงงงงงง เสียงออดสุดท้ายดังสนั่นทั่วโรงเรียนเป็นการบอกลาเทอมสุดท้าย ฉันรู้สึกโล่งใจที่เรียนจบมัธยมปลายแต่ก็หนักใจเรื่องมหาวิทยาลัยเช่นกัน แซ่ด แซ่ด เสียงพูดคุยอื้ออึงทั่วทั้งห้องเรียน ทุกคนต่างพากันรีบลุกออกจากห้องเพื่อไปฉลองการสอบเสร็จ ฉลองวันสุดท้ายของการเป็นนักเรียน เหลือเพียงพิธีจบการศึกษาที่จะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ตอนนั้นทุกคนคงมีที่เรียนกันหมดแล้ว ฉันและไวโอเล็ตตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าอยากเรียนครู แม้การแข่งขันจะสูงแต่เพื่อความฝันฉันก็ต้องหาทางสอบให้ติดสักที่ให้ได้
“ไปเรียน ม.อา กันเถอะเรลล่า”
จู่ๆไวโอเล็ตก็ยื่นมือถือส่งมาให้ฉันดู มหาวิทยาลัยอาจัดเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นของประเทศ มีแต่พวกคนเก่งเรียนกันแถมค่าเทอมแพงสุดๆ
“ค่าเทอมแพงอ่ะ ฉันคงทำงานเกิน 20 ชม.”
ฉันตอบกลับไปทันที พร้อมคืนมือถือให้ไวโอเล็ต
“เฮ่อ นี่แกเห็นแค่ชื่อก็ตอบแบบไม่คิดเลยนะ ฉันให้ดูตรงทุนการศึกษาตรงนี้!!”
ไวโอเล็ตวางมือถือลงบนโต๊ะแล้วชี้ไปยังป้ายประกาศเล็กๆหน้าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย ป้ายที่แถบดูไม่ออกเลยว่าเป็นป้ายประกาศ กลับนึกว่าโฆษณาเสียมากกว่า ฉันกับไวโอเล็ตสมัครทุนการศึกษาคณะครุศาสตร์ทันที
“เห้ย!! สมัครเสร็จดันกำหนดสอบภายใน 3 วัน”
ไวโอเล็ตทำหน้าตาตกใจ พวกเรากำลังเดินลงมาจากตึกเรียนมุ่งหน้าสู่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน ฉันรู้สึกไม่ตกใจกับทุนดังกล่าวเท่าไหร่ เพราะคิดเอาไว้แล้วไม่น่าจะสอบติดง่ายๆ ข้อจำกัดของทุนคือต้องจ่ายค่าเทอมปีแรกเอง เป็นเงินทั้งหมดแปดหมื่นกว่าบาท สำหรับฉันคิดว่ามันเยอะมากเลยแค่คิดสมองก็จะระเบิดแล้วจะหาเงินจากไหนเพิ่มดี ถ้าติดจริงๆ
“เอาเถอะ 3 วันเจอกันที่ม.อานะ ขอให้แกโชคดี”
ไวโอเล็ตส่งยิ้มแล้วหันหลังเดินแยกจากกันข้ามไปอีกฝั่ง ฉันยังคงยืนรอรถเมล์อยู่ที่เดิม
“เช่นกันนะ”
ตื้ดๆ ตื้ดๆ มือถือสั่นระรัว ราวกับมันเร่งให้เรากดรับ
“ค่ะ คุณราเชล”
“แม่ไม่อยู่บ้าน แต่ฉันวันนี้จะไปดินเนอร์กับเพื่อนรีบกลับมาทำงานบ้านสะ ยัยคนใช้!!”
ปลายสายตระคอกเสียงใส่อย่างไร้มารยาท เป็นพี่สาวต่างสายเลือดที่ไม่น่ารักเอาสะเลย เมื่อก่อนเธอเป็นคนน่ารักนะแต่พอหลับหลังพ่อเท่านั้นแหละ เธอเปลี่ยนเป็นคนล่ะคนไปเลย เหมือนจงใจเล่นบทนางร้าย
“......”
ตลอดระยะเวลาที่แม่เลี้ยงพี่นาตาเซียย้ายมาอยู่กับพวกเรา บ้านไม่เคยมีความสุข ไม่ใช่สิฉันต่างหากที่ไม่มีความสุขแต่ก็ไม่อยากให้พ่อทุกข์ใจกับเรื่องเล็กน้อยอะไรยอมได้จึงยอม แต่กระนั้นการยอมทำตามใจคนพวกนั้นมากๆทำให้พวกเขามองฉันเป็นตัวขยะ ไม่เห็นว่าฉันเป็นสมาชิกคนหนึ่งในบ้าน เป็นลูกพ่อ มีสิทธ์เช่นเดียวกับพี่นาตาเซีย
“ยัยขยะ!! แกเงียบกวนประสาทฉันเหรอ!!”
“เปล่านิ พอดีมือถือไม่ค่อยดีอ่ะ เดี๋ยวจะรีบกลับไปค่ะ”
แม้ภายในใจอยากจะออกจากบ้านหลังนั้นเต็มทน แต่ก็ทำไม่ได้ รูปแม่ รูปครอบครัวจะลอยขึ้นมาหยุดความคิดบ้าๆของฉันทุกครั้ง เฮ่อ!!! เรลล่าถอนหายใจยาวแล้วหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอิ้ บรรยากาศยามเย็นชวนให้รู้สึกเหงานิดหน่อย
“เอาวะ ถ้าฉันเรียนจบ มหาลัยเมื่อไหร่จะออกจากบ้านนี้จะข่นของแม่ไปให้หมดเลยคอยดู”
บ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่ชานเมือง ไม่มีคนดูแล ไม่มีคนสวน ไม่มีแม่ครัว ทั้งที่เมื่อก่อนเคยมี นั้นก็เพราะราเชลแม่เลี้ยงสุดหน้าเลือดลดเงินเดือนพวกเขาจนพวกเขาทนไม่ไหวขอลาออกกันหมด ดังนั้นภาระทุกอย่างเลยตกมาอยู่ที่ฉันเพียงผู้เดียว เรล่ายืนเงยมองประตูบ้านใหญ่ นัยน์ตาฉายแววเศร้า บ้านที่เคยสดใส มีกลิ่นหอมจากดอกไม้ในสวนกลับกลายเป็นบ้านกึ่งล้าง ดูทรุดโทรมน่ากลัว
“ยืนเป็นหุ่นยนต์อยู่ได้ รีบมาล้างจานสิ เหม็นจะตายอยู่แล้วเนี่ย!!”
นาตาเซียเปิดหน้าตาก้มลงมาตระโกนเรียกเรลล่า เธอชอบทำเสียงหงุดหงิดและสติแตกทุกครั้งที่ขัดใจเธอแม้เพียงเล็กน้อย ฉันรีบไปจัดการทุกสิ่งอย่างให้เร็วที่สุด
เวลาผ่านไปเกือบสี่ทุ่มกว่าฉันแทบคลานกลับห้อง กว่าจะได้นอนอีกต้องดูแลแม่เลี้ยงที่เมาหัวราน้ำกลับมาตอนตีสองกว่า โอ้วชีวิตเรลล่าช่างน่าสงสาร
“แกไม่ต้องเรียนมหาวิทยาลัยนะ เสียเวลา เปลืองเงิน”
“ทำไมพี่นาตาเซียเรียนได้อ่ะคะ หนูอยากเรียนค่ะ คุณราเชล”
“เอ๊ะ!! ฉันจะเอาเงินจากไหนมาส่งแกสองคน ฉันไม่เอาเงินเก็บมาทุ่มเทอะไรเสียเปล่ากับแกหรอก อนาคตของนาตาเซียต้องมาก่อนเสมอ”
นั้นคือบทสนทนาก่อนเรียนจบมัธยมปลายเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แหวะ!! แม่เลี้ยงอ้วกใส่โซฟารับแขก สีหน้าบู๋บี้ไม่มีเรี่ยวแรง จะปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้ เพราะถ้าเธอสร่างเมาเมื่อไหร่เธอจะจำอะไรไม่ได้เลย
“ฉันต้องรวย เงินๆ”
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ”
แม่เลี้ยงพูดคำเดิมๆทุกครั้งที่เธอเมา
หลังจากทุกอย่างผ่านไปก็มาถึงวันที่ฉันไปสนามสอบมหาวิทยาลัยอา ไม่น่าเชื่อว่ามีนักเรียนมาสอบเกือบห้าพันคนคัดเหลือเพียงร้อยคน ไวโอเล็ตรอฉันอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยเธอไลน์มาเตือนพร้อมกับส่งสติกเกอร์รุปหมีโมโห
ไวโอเล็ต : เร็วๆหน่อย อีก 15 นาที ต้องเข้าห้องสอบแล้ว
เรลล่า : จ้าๆ กำลังวิ่งไป
ชะตาฟ้าลิขิตหรือชีวิตต้องกำหนดเอาเอง ผลลัพธ์มันจะเป็นรูปแบบไหนฉันก็พร้อมที่จะต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรค
‘ แม่คะ หนูจะต้องเรียนมหาวิทยาลัยดีๆให้ได้เลยค่ะ หนูจะเป็นครูเหมือนกับแม่ หนูจะต้องทำให้ได้ค่ะ รักแม่นะ รอหนูหน่อยนะ’