Time 00:00
พระจันทร์ที่ฉายแสงอยู่บนนภาในราตรี ได้มีความมืดแห่งรันติกาลเข้ากล้ำกลายบดบัง กลางคืนนี้ ที่ยาวนานและหนาวเหน็ด สัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่พากันเข้าที่พักแล้วหลับใหล แต่ทำไมกลางคืนที่หน้าสะพึงเช่นนี้ถึงได้มีหญิงสาวผู้หนึ่ง ซึ่งวิ่งออกมาจากเงาแห่งความมืดมิดกันเล่า หญิงสาวผิวขาวอมชมพูผมยาวที่ผมเผ้าลุงลังยั้งกับไปกัดกับสัตว์ที่ไหนมากับชุดสีขาวยาวระริ้วลายลูกไม้งดงามที่เปอะเปื้อนด้วยดินโคลนในระหว่างทางที่วิ่งมา
‘’ แควกะ ‘’
เสียงชุดสวยตัวดีที่ดันไปเกี่ยวกับกิ่งไม้เสียได้ ทำเอาสะแขนขวาของหญิงสาวเลือดซิบออกมาเพราะโดนหนามเกี่ยว แต่นั้นไม่ได้ทำให้เธอสนใจเลยแม้แต่นิดเธอเอาตาวิ่งต่อไปแบบตั้งหน้าตั้งตาวิ่งแบบไม่คิดถึงชีวิตจนเธอนั้นสะดุดขาของตัวเองจนล้มลง
‘’ แฮ่ก แฮ่กก ‘’
เสียงถอนหายใจที่ริบหรี่ของหญิงสาว เธอพยายามดันตัวเองให้ล้มขึ้นเพื่อเดินต่อไป แต่ขาของเธอนั้นเจ็บเกินที่จะฝืนยืนขึ้นไหว
‘’ ฟิ้วว ฟิ้ววว ครืน ครืนน ‘’
สายลมที่จู่ๆก็พัดมาแบบเบาๆทำให้เธอถึงกับหนาวสั่นพร้อมกับเสียงท้องฟ้าที่ร้องครวญครางแบบไร้สาเหตุ ทั้งที่เมื่อกี่อากาศยังปกติดีแท้ๆแต่ตอนนี้กับครึมสนิท หญิงสาวด้วยความเจ็บที่ล้มลงก็กับลุกขึ้นวิ่งต่ออย่างรวดเร็วโดยไม่สนแล้วกระทั้งที่ขาเจ็บเช่นนี้ เธอวิ่งไปแบบไรจุดหมายที่มองไปทิศไหนทางใดก็เจอแต่ป่าไม้พงไพรที่มืดมิด สิ้นแล้วไม่เห็นแม้แต่แสงไฟด้วยหัวใจที่หดหู่
‘’ ครืน เปรี้ยง ’’
จู่ๆก็มีสายฟ้าที่ฝ่าลงมานะที่ต้นไม้ด้านหลังของเธอ หญิงสาวกรี้ดร้องด้วยความตกใจ เธอหันไปมองต้นไม้ที่ถูกฟ้าฝ่าลงมาต้นไม้ต้นนั้นถึงกับไหม้เกรียมเป็นต่อไปเลย อะไรกันแค่ฟ้าฝ่าใส่ต้นไม้ต้นใหญ่ขนาดนี้ที่เดียวก็ไหม้ขนาดนี้แล้วหรือ
‘’ หือ หืออ แค่ก แค่ก ’’
อยู่ๆหญิงสาวก็ล้มลงโดยไม่ทราบสาเหตุ เธอนั่งเอามือปิดปากแล้วไอออกมาหลายๆครั้งพร้อมสูดหายใจอย่างหอบหืด
‘’ นี้มันอะไรกัน อากาศในบรรยากาศหายไปไหนหมด ฉัน ฉันนะ หายใจไม่ออกเลย’’
ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเดินออกมาจากเงามืด เป็นผู้ชายร่างสูงโปร่งผิวขาว เขาเดินเข้ามาใกล้เธอจากนั้นเขาก็ดึงเธอขึ้นมา เธอมองเห็นหน้าของเขารางๆแต่ไม่ชัดเพราะความมืดนั้นบดบังใบหน้าของเขาเอาไว้
‘’ หนีออกมาได้ไกลแค่นี้เองหรอก ’’
ชายที่จับตัวเธอลุกขึ้นนั้นพูดขึ้น ในขณะนั้นเองก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินออกมาจากเงามืดใต้ร่มไม้ พร้อมกับใครไม่รู้อีกสองคนที่เธอนั้นมองไม่เห็นแล้ว เป็นเพราะอากาศรอบตัวของเธอไม่หลงเหลืออยู่แล้วมันจังจะทำให้เธอหมดสติไปสะก่อนที่จะรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
‘’ หึ นี้นายนะลดพลังของนายลงหน่อยก็ดีนะ เพราะหล่อนกำลังใกล้จะตายอยู่แล้ว ’’
พอผู้ชายที่อุ้มหญิงสาวอยู่พูดขึ้น ชายดั่งกล่าวอีกคนที่เดินตามออกมาก็พึมพำอะไรบางอย่าง
‘’ เหื่อ ’’
เสียงถอนหายใจของหญิงสาวที่แทบขาดใจไปแล้วได้บ่อยลมหายใจเหยือกสุดท้ายออกมาก ก่อนที่เธอจะมีแรงดิ้นไปดิ้นมาบนตัวของชายที่อุ้มอยู่
‘’ ปล่อยฉันนะ ไอ้ปีศาจ ปล่อยสิ บอกให้ปล่อย ’’
หญิงสาวพูดออกมาพร้อมดิ้นไปมาอย่างรุนแรงกว่าเดิม ชายหนุ่มที่อุ้มเธออยู่มองไปที่ชายอีกคนด้านหลัง ชายผู้นั้นแสยงยิ้มให้อย่าง หยอกล้อเขา
‘’ ได้สิ ทำไหมจะไม่ได้ละ ’’
ชายที่อุ้มหญิงสาวพูดขึ้นพร้อมแสยงยิ้มให้หญิงสาว หญิงสาวดีใจมากแต่ยังไม่ทันพูดอะไร
‘’ ทุบ ’’
เสียงบางอย่างที่กระทบกับพื้นอย่างดัง ตามด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของหญิงสาวที่ร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของหญิงสาวนั้นถูกโยนออกมาห่างออกมาจากตัวชายหนุ่มที่อุ้มเธอเกือบเป็นสิบเมตร จนกระเด็นมากระทบกับต้นไม้ใหญ่และร่วงลงพื้นเสียงดังลั่น
‘’ โอ้ย หือ หือ หือ’’
เสียงของหญิงสาวที่อุทานออกมาเบาเพราะความเจ็บปวดและเสียงหายใจที่ริบหรี่ริบหรี่ลงทุกที ร่างกายของเธอนั้นสะบักสะบอบมากจนแทบไม่เหลือความงามให้เห็นกับชุดสีขาวลายรูปไม้ ก็ถูกย้อมด้วยเลือดที่ไหลอาบตัวจนเป็นสีแดงฉาดร่างกายบิดเปี้ยวเพราะถูกโยนมากระแทกกับของแข็งอย่างแรง
‘’ กะ แก มัน ปีศาจ ’’
หญิงสาวใช้ลมหายใจสุดท้ายตะโกนด่าไอ้คนสารเลวที่มันทำกับเธอแบบได้ลงคอ
‘’ ใช่ ฉันมันปีศาจ ’’
หลังจากชายหนุ่มพูดจบ หญิงสาวยังไม่ทันที่จะได้ตายลงแบบสงบก็ถูกชายหนุ่มฉุดร่างที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาแล้วฝั่งเขี้ยวที่คมกริบลงบนคอและชายหนุ่มอีกคนก็ฝั่งเขียวลงบนเนื้อของเธอ หญิงสาวทรมานเป็นอย่างมากพร้อมลืมตามามองหน้าปีศาจที่ทำร้ายเธอเป็นครั้งสุดท้าย เหมือนท้องฟ้าเป็นใจให้เธอนั้นเห็นโฉมหน้าของฆาตกร ดวงจันทร์ทอแสงอรุณสว่างทำให้เธอเห็นว่ามีคนอยู่สี่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไป พร้อมกับมีพวกปีศาจลูกสมุนอีกเป็นสิบๆตัว พวกมันวิ่งกรูกันเข้ามาหาหญิงสาวและแย่งกันฉีดร่างกายของเธอเป็นเสี่ยงๆเธอได้ตายลงอย่างหน้าสงสารท่ามกลางความมืดและปีศาจที่กลับมาจากนรก