นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง
มีคำหยาบและฉากไม่เหมาะสม
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
บทนำ
ท่ามกลางฝูงควายเล็กๆหกตัว
เสียงขลุ่ยเพียงออจากหนุ่มบ้านนาดังคลอเสียงทุ่งขับกล่อมบทเพลงหวานซึ้งหยอดหญิงสาวในดวงใจที่กำลังนอนหนุนตักหลับตาฟังอย่างตั้งใจ
“
นี่...ฝิ่น...
”
เสียงเรียกอ่อนหวานที่เจ้าของชื่อหลงใหลเรียกให้ไอ้ฝิ่นวางขลุ่ยลงข้างตัวแล้วก้มหน้าลงถามสาวคนงามที่กำลังทำหน้าคล้ายลำบากใจในสิ่งที่จะพูด
“
มีอะไรรึเปล่ากาญ
”
ไอ้ฝิ่นเลิกสนใจขลุ่ยเก่าๆของมันที่เก็บไว้ตั้งแต่สมัยเรียนดนตรีไทยตอน ป.ห้า
“
เอ่อ...คือ...
”
ปี้กกกกกกกกกกกกกกก...ปิ๊กๆๆๆๆๆ
หญิงสาวยังไม่ทันจะได้อธิบายอะไรก็มีเสียงบีบแตรลากยาวจนน่าปวดหูจากรถปิกอัพสี่ประตูคันโก้ที่วิ่งตามคูคันนามาซะฝุ่นตะลบ
“
ไอ้เวณเอ้ย
”
ไอ้ฝิ่นสบถเบาๆเมื่อเห็นชัดว่ารถคันนั้นเป็นของใคร ฝ่ายสาวกาญเองก็รีบลุกออกจากตักไอ้ฝิ่นในทันทีเช่นกัน
รถคันที่ว่าวิ่งมาจอดไม่ไกลจากแคร่ไม้ไผ่ที่คนหนุ่มสาวกำลังนั่งจีบกันอยู่ ก่อนคนขับจะลงจากรถแล้วรีบวิ่งอ้อมมาเปิดประตูอีกฝั่งให้ผู้เป็นลูกพี่
“
น้องกาญจร๋าาาาาา
”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เนื่องจากมีเชื้อทางตะวันตกอยู่ครึ่งตัวก้าวลงจากรถมาทั้งหน้าระรื่น ใบหน้าคมสันบนผิวขาวใสที่กำลังฉีกยิ้มกว้างช่วยขับให้ดูเป็นหนุ่มหล่อขี้เล่น ผมหยักศกถูกเซ็ตไว้อย่างดี เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ของแบรนด์เนมราคาแพงตั้งแต่หัวจรดเท้า
และความดูดีทั้งหมดที่ว่ามานั้น ไอ้ฝิ่นรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย
“
มาอยู่กับไอ้คนสถุนอีกแล้วนะครับ
”
แม้จะพูดกับหญิงสาวแต่สายตาดูแคลนของชายหนุ่มผู้มาใหม่กับมองมาที่ไอ้ฝิ่นที่นั่งอยู่ข้างๆกัน หนุ่มลูกครึ่งจงใจกดมุมปากเย้ยหยันชัดเจนเมื่อหนุ่มบ้านนาอย่างไอ้ฝิ่นทำได้แค่จ้องมองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เท่านั้น
“
พี่เพลิงมีอะไรรึเปล่าจ๊ะ
”
สาวกาญถามเสียงดุเชิงห้ามปรามอย่างทุกทีเพราะพี่เพลิงของเธอมักชอบต่อว่าเสียดสีไอ้ฝิ่นมันเป็นประจำ
“
ก็ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ แค่ความคิดถึงมันพามา
”
เพลิงว่าแบบนั้นทำเอาหญิงสาวทำหน้าเหม็นเบื่อแทบจะทันที แม้เพลิงจะเป็นชายหนุ่มที่ใครๆก็ว่าลูกสาวกำนันอย่างเธอนั้นเหมาะสมมากกว่าไอ้ฝิ่น ...หนุ่มบ้านนา วุติการศึกษาน้อย เลี้ยงควายไปวันๆที่เธอคลุกคลีอยู่ด้วยเป็นไหนๆ แต่สำหรับคนที่คิดได้ไม่เกินพี่น้องยุยังไงมันก็ไม่ขึ้น
...คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ
สาวกาญชอบไอ้ฝิ่นมันมากกว่า ดีกว่าต้องเคยไปตบตีกับสาวๆเกือบทั้งตำบลเพราะรูปกายและทรัพย์สินของเพลิงที่มีมากเกินชาวบ้านคนอื่นเขาอย่างก้าวกระโดด
“
ถ้าพี่เพลิงจะมาแค่นี้...
”
“
ล้อเล่นหน่า...
”
เพลิงรีบพูดแทรกหญิงสาวก่อนจะบอกธุระจริงๆที่ทำให้ต้องถ่อมากลางไร่กลางนาแบบนี้
“
เรื่องที่เราคุยกันไว้น่ะ วันนี้แม่พี่ก็มาด้วย รออยู่ที่บ้านกับลุงปั้น ไปกันได้ยัง
”
กาญผ่อนลมหายใจก่อนตอบตกลง
“
เฮ่ออออ...ก็ได้
” และไม่ลืม
หันกลับมาหาไอ้ฝิ่นที่นั่งเงียบอยู่นาน
“
ฝิ่น เดี๋ยวกาญต้องกลับบ้านแล้ว
”
“
อืม...กลับดีๆนะ
”
ไอ้ฝิ่นพูดได้แค่นี้เหมือนอย่างทุกที มันยกมือขึ้นลาหญิงสาวก่อนเจ้าหล่อนจะเดินไปขึ้นรถที่ติดเครื่องไว้ไม่ยอมดับ เหลือไว้แต่หนุ่มลูกครึ่งที่รั้งท้ายยังไม่ยอมกลับไปขึ้นรถตัวเองสักที
"
พรุ่งนี้กูกับน้องกาญจะไปทำธุระในเมืองกันอยากฝากซื้ออะไรม่ะ เดี๋ยวจะช่วยสงเคราะห์ให้คนยากคนจน” เพลิงว่าแบบนั้น ไอ้ฝิ่นได้แต่พ้นลมหายใจเบื่อหน่ายก่อนตวัดตามองหน้าคนพูดอย่างนึกรำคาญ
...มันรู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายแค่ต้องการจะอวดเรื่องได้ไปเที่ยวกับกาญโดยไม่ลืมใส่คำดูถูกมันในประโยคด้วย
“ไม่เป็นไร” ไอ้ฝิ่นบอกเสียงเรียบอย่างตัดรำคาญ มันก็แค่ชาวบ้านธรรมดาเลี่ยงการมีเรื่องกับเศรษฐีใหม่ลูกน้องอื้ออย่างเพลิงเอาไว้จะดีกว่า
“โห้ววววว...” เพลิงทำเสียงล้อเลียนไอ้ฝิ่นที่กล้าปฏิเสธ ก่อนทำท่าประหลาดใจ “เอ๊ะ...กลิ่นอะไรแปลกๆ...” หนุ่มลูกครึ่งโน้มตัวเข้าไปใกล้ไอ้ฝิ่นที่ถึงกลับผงะเอี่ยวหน้าหลบแทบไม่ทัน
มันได้แต่นั่งทำฮึดฮัดอยู่บนแคร่ให้จมูกโด่งทำฟุดฟิดสูดดมหาที่มาของกลิ่นแปลกๆที่พูดถึงก่อนจะละออกไปเมื่อรู้แหล่งที่มา
“กลิ่นสาบโคนสาบควายที่ติดตัวมึงนี้เอง”เพลิงว่าอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่ลูกน้องเปิดประตูรออยู่แล้ว
ไอ้ปื้ดหันมายิ้มให้ไอ้ฝิ่นอย่างคนกันเองก่อนปิดประตูรถให้ลูกพี่มันแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับเพื่อทำหน้าที่สารถี ตอนเด็กๆไอ้ปื้ดเคยวิ่งตามไอ้ฝิ่นต้อยๆแต่ตอนนี้ดันกลายไปเป็นลูกสมุนคนสนิทของศัตรูหัวใจไอ้ฝิ่นไปซะแล้ว
"
อย่าลืมดูควายด้วยล่ะ จ่าฝูงมันยิ่งโง่ๆอยู่"
เพลิงลดกระจกลงบอก
"...
เฮ้ย! นั้นไง...ยังไม่ทันขาดคำ" ชายหนุ่มทำเสียงตื่นทั้งยังเหลือกตามองไปทางฝูงควายเล็กๆที่อยู่ไม่ไกล
...
ไอ้ฝิ่นรีบลุกพรวดขึ้นดูด้วยอารามตกใจ ควายพวกนี้มันรับจ้างเขาเลี้ยงหากเป็นอะไรขึ้นมาไอ้ฝิ่นมีแต่ซวยกับซวย แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นควายทุกตัวกำลังยืนเล็มหญ้ากินตามปกติ
"
กร๊ากกกก จ่าฝูงโดนหลอก ไอ้ควายยยยยย" ชายหนุ่มบนรถขำกร๊าก ก่อนรถคันโก้จะวิ่งฝุ่นตลบจากไป
ปล่อยให้
'
จ่าฝูง
'
ยืนเดือดอยู่คนเดียว
ไอ้ฝิ่นเกลียดมัน... ไอ้เพลิงตะไล!
.................................................................................................
แรงบันดาลใจจากหนังเรื่องมนต์รักสิบหมื่น(ก็มโนกันไป)
แต่ไม่ย้อนยุคนะ
อยู่ในปัจจุบันนี้แหละจ่ะ
.
เห็นคนบอกมีคำผิดเยอะ ฮะฮะฮะ
ขอบคุณที่บอกกันนะคะ เราว่าจะแก้หลายทีแล้วลืมเรื่อยเลย(และปล่อยมาเป็นปีๆ)
พอมีคนมาบอกก็เหมือนได้ยากระตุ้นจะทยอยแก้ไขค่ะ
อาจมีตกหล่นบ้างก็ขออภัยที่ทำให้การอ่านสะดุดเด้อค่ะ