บทนำ
"นี่เธอยังทำงานไม่ถึงสองเดือนเลย เธอจะลาออกแล้วหรอพลอยพราว"
อีกครั้งกับการยื่นใบลาออกของฉันกับเจ้านาย ไม่ใช่ฉันสร้างเรื่องสร้างราวให้กับตัวเองจนต้องถึงกับโดนไล่ออกหรอกนะค่ะ แต่อันที่จริงฉันเป็นคนขอยื่นใบลาออกเองละค่ะ นี่ก็เป็นการยื่นใบลาออกของฉันเป็นครั้งที่ 9 แล้วหลังจากที่ฉันเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ฉันเป็นคนเบื่อง่าย งานไหนที่ไม่ใช่ ไม่ชอบ ฉันก็รีบชิงลาออกทันที ไม่ยอมทนทำให้ตัวเองลำบากหัวใจหรอกค่ะ อันที่จริงงานนี้ก็ดีกว่าหลายๆงานที่ฉันทำมานะค่ะ เป็นที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เงินเดือนก็ดีด้วยแต่ติดอยู่อย่างเดียวเจ้านายหัวงูค่ะ ชอบชวนฉันไปโน่นไปนี่บ่อยๆชอบพาฉันไปกินข้าวในเวลางานแล้วคนอื่นเขาจะมองยังไง ฉันก็ไม่อยากอยู่น่ะซิค่ะ ถ้าวันหนึ่งเมียเจ้านายมาตามตบฉันถึงที่ทำงานละ ฉันไม่อายเพื่อนร่วมงานแย่หรอ เพราะฉะนั้นชิงลาออกก่อนดีกว่าค่ะ สบายใจสุด
"ค่ะ ดิฉันอยากจะพักผ่อนสักระยะน่ะค่ะ พอดีพึ่งไปตรวจสุขภาพมาแล้วคุณหมอบอกว่าร่างกายอ่อนแอ ควรจะหาโอกาสพักผ่อนค่ะ ถ้าไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นโรคร้ายแรงได้"
ฉันโกหกคำโต หาหมออะไรกันละปีนี้ฉันยังไม่ได้เหยียบเข้าโรงพยาบาลแม้แต่หนเดียว แต่ก็จะให้บอกว่าเหตุผลที่ลาออกคือเบื่อเจ้านายหัวงูก็คงจะดูไม่งาม ฉันเลยต้องหาคำโกหกที่มันดีต่อตัวฉันและไม่ทำให้เจ้านายเก่าเสียความรู้สึกมากเกินไป การโกหกอย่างมีเหตุผลไม่ผิดนะค่ะ เจ้านายหัวงูมองมาที่ฉันอย่างเสียดายฉันอยากจะบอกว่าสายตาแบบนี้แหละทำฉันขนลุกเป็นที่สุด
"คุณจะลาออกจริงๆซินะ ถ้าอยากกลับมาทำงานที่นี่อีกเมื่อไหร่ก็ติดต่อผมมาได้เลยนะ ที่นี่ยินดีต้อนรับเสมอ"
แหม..ช่างเป็นเจ้านายหัวงูที่แสนจะใจดีเหลือเกินสงสัยเสียดายพนักงานสวยๆอย่างฉันละซิ ฝันไปเถอะถึงไม่มีงานทำฉันก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอกนะ ฉันยิ้มแทนคำขอบคุณให้กับเจ้านายคนเก่าแล้วก็ขอตัวเดินออกจากห้องนั้นไป
ชีวิตมันไม่ใช่เรื่องง่ายก็จริงสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับฉันฉันว่ามันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นะ ฉันใช้ชีวิตมาทั้งหมดปีนี้ก็ 25 ปีแล้ว ปีนี้เบญจเพสซะด้วยไม่รู้ว่ามันจะโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่เพราะเห็นเขาว่ากันว่าเบญจเพสจะเป็นปีที่เกิดเรื่องไม่ดีเกิดเรื่องลำบาก ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะยากลำบากอะไรเลยอย่างวันนี้เป็นต้นฉันยื่นใบขอลาออกจากงานเป็นครั้งที่ 9ฉันไม่เคยซีเรียสเลยกับเรื่องพวกนี้เพราะฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไรทั้งทางที่อยู่อาศัยและเรื่องเงินทอง พ่อแม่ฉันเสียไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 7ปีก่อน ท่านก็ได้ทิ้งสมบัติไว้ให้ฉันส่วนหนึ่ง ฉันมีพี่สาวหนึ่งคนตอนเรียนอยู่ก็อยู่กับพี่สาวนั่นแหละ แต่พอพี่สาวฉันแต่งงานฉันก็ขอย้ายออกมาอยู่คนเดียวพี่สาวของฉันเลยยกคอนโดให้ฉันหลังหนึ่งเราก็ไปมาหาสู่กันบ้างตามประสาพี่น้องพี่ไม่ได้ว่าอะไรฉันเลยเรื่องที่ฉันลาออกจากงานบ่อยๆเพราะพี่สาวฉันรู้ดีว่าฉันเป็นคนเบื่อง่าย ไม่ชอบอะไรก็จะไม่ทำถึงฉันไม่ได้ทำงานฉันก็เลี้ยงตัวเองได้ด้วยตัวของฉันเองเพราะฉันไม่มีครอบครัวนี่นาเลยไม่ต้องแบ่งเงินให้ใครใช้ บรรดาเพื่อนฝูงของฉันก็พากันหนีมีแฟนกันเกือบหมดแล้วละ แต่ฉันไม่อิจฉาหรอกนะ เพราะฉันเห็นตัวอย่างการล้มเหลวของความรักมาเยอะ ฉันเองก็เคยล้มเหลวกับมันเมื่อครั้งยังเยาว์ พอโตขึ้นมาเลยไม่อยากมีแฟน หลงรักความโสดซะอย่างนั้น ฉัน พลอยพราว พิริยะ สวย รวย ฉลาด ไม่ต้องพึ่งผู้ชายค่ะ ฮ่าๆๆๆ ฉันอมยิ้มไปเก็บของที่อยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเองไปทบทวนชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองแล้วก็อดขำไม่ได้เปลี่ยนงานมา 9ครั้งแล้วหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะพลอย นี่ลาออกจริงๆหรอเนี่ย" เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเข้ามาทักทายฉันปกติฉันไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนร่วมงานหรอกนะ เพราะเพื่อนร่วมงานผู้ชายส่วนใหญ่ก็จะเข้าหาฉันเพราะเข้ามาจีบส่วนเพื่อนร่วมงานผู้หญิงก็มีแต่จะมาอิจฉาและนินทาฉันทั้งนั้น ฉันเลยไม่อยากจะสุงสิงกับใครให้สนิทสนมจนเกินไปเพียงแค่พูดคุยและทักทายกันธรรมดาก็มากเกินพอแล้ว
"ค่ะ จริงค่ะ ยังไงก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะค่ะ ฉันไปแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ" ของบนโต๊ะทำงานของฉันไม่เยอะเท่าไหร่จึงใช้เวลาในการเก็บไม่นานนักพอเก็บเสร็จฉันก็ล่ำลาเพื่อนร่วมงานแล้วเดินออกจากบริษัทนั้นทันที เอาละการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของฉันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกรอบแล้ว..
การใช้ชีวิตด้วยการเป็นมนุษย์เงินเดือนนี่มันน่าเบื่อสุดจะบรรยายจริงๆแต่จะทำไงได้ละ ถ้าจะนั่งกินนอนกินไม่ทำงานเลยก็ไม่ได้เพราะถึงจะร่ำรวยมีเงินมีทองขนาดไหนถ้าไม่สรรหาให้มันเพิ่มพูนสักวันมันก็ต้องลดลงยู่ดีเพราะฉะนั้นฉันเลยต้องทำงานทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะหางานที่ถูกใจได้ละ ฉันคิดเรื่องหางานใหม่ระหว่างที่ขับรถกลับคอนโด คอนโดที่พี่สาวฉันยกให้ก็หรูหราใช้ได้เลยละพี่สาวของฉันโชคดีที่ได้สามีรวยหลังจากที่พี่ฉันต่อสู้ฝ่าฟันกับอดีตความรักที่มันขมขื่นไม่มีความสุขอยู่นานแสนนานจนในที่สุดพี่สาวฉันก็มาเจอคนดีๆอย่างพี่เขยฉันนี่แหละ ฉันเลยวางใจที่จะแยกออกมาอยู่คนเดียว พอถึงคอนโดฉันก็ขนของออกจากรถแล้วเดินเข้าคอนโด ระหว่างทางของที่ฉันขนมาร่วงไป 2-3ชิ้น แต่ฉันไม่สนใจที่จะเก็บมันเพราะมันไม่สำคัญอะไรแค่ปฏิทินกับสมุดโน๊ตเล่มเล็กๆเท่านั้น ฉันเลยเดินเข้าลิฟท์โดยที่ไม่สนใจมันอีกเลยแต่หารู้ไม่ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเก็บของ 2สิ่งนั้นติดมือไปเขาไปด้วย
วันนี้ฉันต้องไปฉลองการลาออกจากงานของฉันสักหน่อยละถึงจะยังไม่ได้งานใหม่ก็เถอะ ฉันจัดแจงเก็บของที่ขนมาจากที่ทำงานเก่าให้เข้าที่เข้าทางแล้วอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปข้างนอกฉันต้องไปฉลองกับเพื่อนรักของฉันสักหน่อยไม่ได้เจอเพื่อนนานรู้สึกคิดถึงขึ้นมาจับใจ ฉันจะคิดถึงเพื่อนก็ตอนตกงานนี่แหละ ฮ่าๆๆฉันแต่งตัวแล้วเดินออกมาจากห้องในเวลาหัวค่ำ
"รอด้วยค่ะๆ" ฉันรีบวิ่งไปขึ้นลิฟท์เมื่อเห็นว่าประตูลิฟท์ยังไม่ปิด ลิฟท์คอนโดนี้นะกว่าจะมาแต่ละทีรอนานใช่เล่นเลยละ
"ขอบคุณค่ะ" พอฉันเขาไปในลิฟท์ฉันก็เห็นผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งยืนอยู่ด้วยกันท่าทางจะเป็นแฟนกันดูดีกันทั้งคู่เชียวละทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจกับคำขอบคุณของฉันมากนักเพียงแต่มองมาที่ฉันตามมารยาท ผู้ชายคนนั้นมองมาที่ฉันแว๊บหนึ่งฉันมองเขากลับแว๊บหนึ่งเหมือนกันก่อนที่ฉันจะหันหน้ามาสนใจกับโทรศัพท์ของตัวเองไม่สนใจคนที่อยู่ในลิฟท์อีกเลย
‘ฮัลโหล แกอยู่ไหนอ่ะ’ปกติการคุยโทรศัพท์ในลิฟท์มันออกจะเสียมารยาทอยู่สักหน่อย แต่ใครจะไปสนใจละดีกว่ามายืนดูคู่รักคู่นี้ยืนสวีทกันละน่า
'อยู่บ้าน'ปลายสายตอบกลับมาด้วยอารมณ์เนือยๆ แต่จะเนือย เหนื่อย เบื่อ ยังไงฉันก็จะไปหามันอยู่ดีแหละ ทรีเป็นเพื่อนสนิทของฉันค่ะ ไม่ไปหามันฉันก็ไม่รู้จะไปหาใครละค่ะ
'โอเค อีกชั่วโมงฉันจะไปบ้านแก ไว้เจอกัน บาย' ฉันไม่รอฟังคำตอบจากปลายสายว่าให้ไปหรือไม่ให้ไป ฉันวางสายหนีทรีก่อนตลอด นี่คือความเคยชินหรือเรียกง่ายๆว่าสันดานนั่นเองค่ะ ฮ่าๆๆ พอออกจากลิฟท์ได้ฉันก็เดินไปที่รถของฉันทันทีคืนนี้ขอปาร์ตี้แบบยาวไปเลยค่า…