ตูปลูกต้นมะม่วงนั้นไปเพื่ออะไรฟร้ะ
7
ตอน
2.79K
เข้าชม
34
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง

ตูปลูกต้นมะม่วงนั้นไปเพื่ออะไรฟร้ะ

 

ผมชื่อมะม่วง และผมก็ชอบกินมะม่วงตามชื่อของผมด้วย มะม่วงที่ผมชอบกินที่สุดก็คือมะม่วงน้ำดอกไม้ และมันจะอร่อยมากขึ้นถ้าได้กินร่วมกับข้าวเหนียวที่มีรสชาติหวานหอมเข้ากันได้ลงตัวกับความหวานของมะม่วง

 

ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง หล่อนชื่อว่าข้าวเหนียว หล่อนเองก็ชอบมะม่วงน้ำดอกไม้และข้าวเหนียวรสชาติหวานหอมเหมือนกับผม ผมจำไม่ได้ว่าผมพบกับหล่อนครั้งแรกเมื่อไหร่ แต่ด้วยความชอบที่เหมือนกันทำให้เราทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน เราสองคนต่างรู้ใจกันและกัน ผมเองยังเคยแอบหวังจะแต่งงานกับหล่อนเมื่อผมโตจนมีอายุสามสิบด้วยซ้ำ

 

เรื่องราวที่ผมจำได้ดีที่สุดเกี่ยวกับหล่อนก็คือในวันเกิดของผม วันเกิดครบรอบสิบสองปีของผม หลังจากที่ผมกินข้าวเหนียวมะม่วงแสนอร่อยของผมจนหมดแล้ว ผมกลับสงสัยว่าถ้าเอาเม็ดมะม่วงไปปลูกแล้วมันจะโตกลับมาเป็นต้นมะม่วงที่ผลิดอกออกผลมาให้กินได้หรือไม่ ผมกับข้าวเหนียวเลยตกลงกันว่าจะเอาเม็ดมะม่วงไปปลูกที่สวนหลังบ้านของผม แล้วรอจนวันที่มันโต เพื่อที่จะได้สอยมะม่วงมากินกับข้าวเหนียวหวานๆด้วยกัน

 

หล่อนบอกกับผมว่าหล่อนจะรอจนถึงวันนั้น ผมเองก็จะรอหล่อนจนถึงวันนั้นด้วยเช่นกัน

 

ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าเม็ดมะม่วงนั้นจะโตมาเป็นต้นมะม่วงได้หรอก แต่มันกลับค่อยๆงอกขึ้นมา คงเป็นเพราะว่าบ้านเรามีปุ๋ยดีที่ทำให้พืชโตได้อย่างสมบูรณ์ ผมคุยเรื่องต้นมะม่วงที่เราสองคนตั้งตารอที่จะกินกับข้าวเหนียวทุกวัน หล่อนเองก็รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ยินเกี่ยวกับต้นมะม่วงต้นนั้น

 

แต่ต้นมะม่วงต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโต ถ้าพวกเราสองคนไม่มีความอดทน พวกเราก็คงไม่มีวันได้กินผลมะม่วงอร่อยๆอย่างแน่นอน

 

ผมกับหล่อนรอต้นมะม่วงโตจนเราสองขึ้นชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า และหก

 

ผมกับหล่อนรอจนวันที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ น่าเสียดายที่ผมต้องไปเรียนต่อต่างจังหวัด ทำให้ผมไม่สามารถพูดคุยกับหล่อนกับต้นมะม่วงที่ปลูกไว้ได้

 

แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่แม้แต่ผมก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทำให้ผมสามารถคุยกับหล่อนทุกที่ทุกเวลา ไม่ต่างจากวันเก่าเลย ผมกับหล่อนก็ยังคุยกันเรื่องต้นมะม่วงที่ปลูกไว้ มันเริ่มที่จะสูงกว่าตัวหล่อน ตัวผม ส่วนสูงของพ่อกับแม่ผมรวมกัน หล่อนยังบอกผมด้วยว่ากิ่งของต้นมะม่วงต้นนั้นยังงอกเข้ามาในหน้าต่างห้องผมด้วยซ้ำ

 

ในเมื่อต้นมะม่วงที่ปลูกไว้โตมากขนาดนี้แล้ว ผมเองก็เริ่มมีความหวังว่าจะได้กินผลมะม่วงเร็วๆนี้แหล่ะ และมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้

 

ปัจจุบันนี้ผมกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สามด้วยอายุย่างเข้ายี่สิบเอ็ดปี ข้าวเหนียวได้ส่งข่าวผ่านทางไลน์มาว่าต้นมะม่วงออกผลเต็มเลย ดูจากรูปที่หล่อนส่งมาให้ผมก็เดาได้เลยว่าอาทิตย์หน้าผลมะม่วงพวกนั้นก็จะพร้อมสอยให้เราทั้งสองคนกินได้ไม่อั้นแน่ๆ

 

ผมได้วางแผนที่จะกลับบ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เพื่อจะได้ทำตามสัญญาที่ผมกับข้าวเหนียวได้พูดถึงทุกวัน ข้าวเหนียวบอกว่าจะเตรียมข้าวเหนียวไว้ให้ในวันที่ผมมาถึงด้วย

 

แม่ของข้าวเหนียวเป็นเจ้าของร้านขนมไทย แน่นอนว่าข้าวเหนียวจะต้องทำข้าวเหนียวได้หวานหอมเหมือนกับที่แม่ของหล่อนได้พร่ำสอนทุกวันหลังเลิกเรียนแน่ๆ

 

ผมตั้งใจจะเคลียร์การบ้านให้เสร็จก่อนที่จะกลับบ้าน เพื่อที่จะได้กินข้าวเหนียวมะม่วงที่อดทนรอมานานได้อย่างสบายใจ

 

แต่ว่ากลับมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับข้าวเหนียว

 

ตอนแรกที่แม่ผมโทรมาบอกว่าข้าวเหนียวนอนอยู่โรงพยาบาล ผมกลับคิดว่าหล่อนคงเป็นแค่ปอดบวมหรือสะดุดขาตัวเองเฉยๆ ผมก็เลยยังทำงานต่อโดยไม่คิดจะติดต่อหล่อนเลย เพราะคิดว่ายังไงก็จะได้เจอหล่อนตอนกลับบ้านอยู่แล้ว

 

แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นาน แม่ผมก็ส่งข้อความกลับมา

 

ข้าวเหนียวได้จากโลกไปแล้ว

 

ตอนแรกข้าวเหนียวถูกรถมอเตอร์ไซค์ชน ผมกลับคิดว่าไม่เป็นไร แต่มันกลับทำให้ก้อนเลือดที่ขาของหล่อนไปอุดตันที่ปอด จนทำให้หล่อนขาดออกซิเจนแล้วตายไปในที่สุด

 

ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ผมแทบจะโยนรายงานที่เขียนไว้ทิ้งลงถังขยะไปเลยหลังจากที่รู้ข่าวนี้

 

ผมไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรต่อหลังจากนี้ ผมรู้สึกผิดกับตัวเองทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เหมือนอนุสรณ์ที่ผมสร้างมาได้พังทลายไม่เหลือชิ้นดี

 

ความคิดของผมมันตีกันมั่วไปหมด ความกระหายที่จะกินข้าวเหนียวมะม่วงแสนพิเศษนั้น มิตรภาพวัยเด็กที่ผมได้รักษาไว้จนถึงตอนนี้ ความหวังสุดท้ายของชีวิตผม ความอยากที่จะพบข้าวเหนียวอีกครั้ง ความอยากที่จะจบชีวิตตัวเองไปพร้อมๆกับหล่อน และความรับผิดชอบของตนเองที่มีให้กับทุกคนบนโลกนี้

 

ผมได้โทรไปปรึกษาแม่ และร้องไห้ให้แม่ฟัง แม่บอกผมให้กลับมาพักใจที่บ้านก่อน ผมก็ทำตาม เพราะผมไม่สามารถเชื่อใจตัวเองได้อีกต่อไป แต่ผมเชื่อว่าผมสามารถเชื่อใจแม่ได้ในยามที่ผมอ่อนแอที่สุด อย่างเช่นตอนนี้

 

ผมได้เดินทางกลับบ้านตามที่แม่บอก แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันผมถึงได้ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมากินระหว่างทาง และไม่รู้ทำไมเหมือนกันผมถึงกินแต่หมูปิ้งโดยที่ไม่แกะข้าวเหนียวมากินเลยแม้แต่นิดเดียว

 

เมื่อผมกลับไปถึงบ้าน สิ่งแรกที่ผมทำก็คือวิ่งตรงไปหาต้นมะม่วงนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆที่ผมไม่มีพันธะอะไรกับมันอีกแล้ว

 

ผมได้แต่นั่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะม่วง มองดูแสงประกายจากดวงอาทิตย์ที่ส่องผ่านใบไม้ของต้นมะม่วงที่ผมกับข้าวเหนียวปลูกเองกับมือ มองไปก็นึกถึงเรื่องเก่าๆที่เกิดขึ้นในอดีต

 

ผมได้แต่นึกทั้งๆที่ไม่มีวันที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป

 

“พี่มะม่วงสวัสดีครับ”

 

น้ำเสียงที่แสนสดใสไร้เดียงสาได้ดังขึ้นมาจากทางประตูหลังบ้าน ผมได้เห็นเด็กประถมสองคนยืนมองผม

 

ผมจำได้ คนหนึ่งชื่อมะเฟือง อีกคนชื่อมะไฟ ทั้งสองคนเป็นญาติห่างๆของผม เหมือนว่าทั้งคู่คงจะมาเที่ยวบ้านช่วงปิดเทอมละมั้ง

 

“พี่มะม่วงช่วยสอยมะม่วงให้หน่อยนะครับ” มะเฟืองพูด

 

“ใช่ครับ ผมเองก็อยากกินเหมือนกัน” มะไฟพูดต่อ

 

ผมได้แต่พยักหน้าและหยิบตระก้อสอยมะม่วงมาแล้วสอยลูกที่คิดว่าน่าจะสุกแล้วมาสามลูก ผมได้ยกสองลูกใหญ่ให้กับเด็กทั้งสองคน ส่วนลูกเล็กผมตัดสินใจที่จะเก็บเอาไว้

 

“พี่มะม่วงใจดีจังครับ ขอบคุณครับ”

 

ทั้งคู่ดีใจแล้วรีบวิ่งไปให้แม่ผมหันมะม่วงให้

 

ผมได้แต่ยืนเหม่อจนยางมะม่วงไหลมาเลอะมือผมจนหมด กว่าผมจะรู้ตัวผมก็แทบจะวิ่งไปล้างมือไม่ทัน แม่ผมเคยบอกว่ายางมะม่วงถ้าโดนมือแล้วจะแสบ ผมไม่คิดเลยว่ามันจะแสบได้ขนาดนี้

 

จะว่าไปก็น่าขำ ผมสอยมะม่วงสุกมาได้ ในตัวผมก็มีข้าวเหนียวที่ยังไม่ได้แกะมากินอยู้ด้วย หมายความว่าตอนนี้ผมก็มีข้าวเหนียวมะม่วงไว้สำหรับกินเองแล้วสินะ

 

ผมได้กลับเข้าบ้านไปหั่นมะม่วงแล้วเทข้าวเหนียวใส่ในจาน แล้วนำข้าวเหนียวมะม่วงไปกินในห้องของผม พร้อมกับมองความสวยงามของต้นมะม่วงที่ปลูกขึ้นมาเองกับมือ

 

 

 

 

แม้ข้าวเหนียวจะไม่หวานหอมเหมือนที่หวังไว้ แต่ถ้าสิ่งที่ผมกินยังเป็นข้าวแหนียวมะม่วงอยู่แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว ผมเองก็ได้รักษาสัญญาของข้าวเหนียวไว้ครึ่งนึงแล้ว

 

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว