“มินตรา” เขาเรียกชื่อเธอ
ไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบอะไรออกไป ในความมืด นายหัวก็โน้มใบหน้าลงมาใกล้ มือใหญ่กอบโกยใบหน้าของเธอขึ้นมาช้าๆ ไม่ให้โอกาสเธอได้ตั้งตัว ริมฝีปากของเขาก็นาบความอุ่นลงบนกลีบปากละมุนของเธอ ทาบสนิทราวกับจะเชื่อมโลกสองใบเข้าด้วยกัน
แม้จะตกใจ ทว่าหญิงสาวก็เผลอจูบตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รสจูบที่เธอรู้ดีว่ามันไม่เพียงฝากเอาไว้ที่ริมฝีปาก หากมันเล่นลิ่วไปสู่ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจดวงน้อยๆของเธอ ปลายลิ้นสากร้อนของเขา บังคับลงไปในความอ่อนนุ่มของเรียวปากเธอ ดำเนินอยู่อย่างนั้น เนิ่นนานจนกระทั่งมินตราหายใจติดๆขัดๆ จูบของนายหัวดื่มด่ำ ทำเอาเธอสะท้าน
แม้อยากจะขัดขืน หากในความมืด ร่างกายอันใหญ่โตนั้นก็ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและปลอดภัยจนเธอไม่อยากผลักไสเขาออกห่าง แสงจันทร์คืนข้างแรมสาดแสงสลัวลาง ลอดบานหน้าต่างลงมาพอให้เห็นความเป็นไปบนเตียงนอนเล็กๆภายในเรือนพักของนายหัว
เพียงครู่เดียว ร่างทั้งสองก็เปลือยเปล่า แลเห็นสีผิวเข้มคล้ำของนายหัวตัดกันกับผิวขาวผ่องของมินตราอย่างชัดเจน
ขณะที่ร่างกายทั้งสองกำลังเบียดเคล้า นายหัวแกล้งกดร่างของเธอให้ราบลง แล้วทิ้งร่างใหญ่โตของตนลงทับด้วยน้ำหนักตัวทั้งหมด หญิงสาวดิ้นขลุกขลัก บ่นว่าเขาตัวหนัก และเธอก็กลัวมาก…มันเป็นครั้งแรก ซึ่งนายหัวก็เข้าใจถึงความจริงในข้อนั้น
“ไม่ต้องกลัว”
เขากระซิบจนริมฝีปากชิดใบหู ฝังใบหน้าลงข้างลำคอระหง เคราสาก ถาก ไถ ใช้ความระคายปลุกเร้าจนหญิงสาวมิอาจซุกซ่อนเสียงครางเอาไว้ได้ เสียงหอบหายใจเริ่มดังชัด ขณะที่เขาก้มหน้าสูดเคล้ากลิ่นเนื้อสาวเย้ายวนใจ ระเรื่อยลงมาถึงเนินไหล่สะอ้าน ก่อนจะไปหยุดหาความสำราญที่ยอดทรวง สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหัวใจเต้น
เพียงแค่ปลายลิ้นและอุ้งมืออุ่นของเขาที่สัมผัสผาดๆ ก็ถึงกับทำให้เธอต้องลู่ไหล่ รู้สึกกระดากอายกับวิธีการที่นายหัวกำลังทำสิ่งซึ่งเรียกว่าการแสดงความรักต่อเธอ แม้ลึกๆในใจก็ยังหวั่น กับบทเรียนรักที่กำลังจะได้รับในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า