จำนนรักทัณฑ์อสูร
เธอ ต้องเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนเนื่องจากคำสั่งเสียสุดท้ายของพี่สาวฝาแฝด ทำอะไรก็ได้สุดแต่ ‘เขา’ จะเรียกร้องเพื่อแลกกับคำว่าให้อภัย ยอมแม้กระทั่งสวมบทเป็นแฝดผู้พี่!
เขา ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่าหญิงสาวที่ตนยื่นข้อเสนอการเป็นของเล่นให้อย่างใจไม้ไส้ระกำ ปฏิบัติต่อหล่อนอย่างร้ายกาจต่างๆ นาๆ ไม่ใช่อดีตแฟนสาวทว่าเป็นแฝดผู้น้องของเธอ!
/////
“คลาดสายตาหน่อยเดียวดันมีผู้ชายชีกอหลงมาจีบ เสน่ห์แรงจริงๆ”
หญิงสาวเพียรคุมสติให้เยือกเย็น ไม่เต็นไปตามลมปากร้ายกาจคงเส้นคงวาของเขา “ปล่อยได้แล้วค่ะ คนมองกันใหญ่แล้ว”
การกอดเกี่ยวในที่สาธารณดึงดูดความสนใจจากบรรดาผู้มาใช้บริการภายในห้างได้อย่างชะงักนัก
“อายอะไร คนดูเยอะๆ ก็สนุกดี...เธอเคยพูดเองลืมแล้วหรอ?”
“แต่ตอนนี้ฉันไม่ชอบ”
เขาเค่นเสียงเยาะก่อนผละห่างจากเรือนกายอวบอิ่มราวกับหล่อนคือของมีตำหนิ น่ารังเกียจเสียเต็มประดา “กลับกันได้แล้ว เดี๋ยวฉันไปส่ง”
การถูกเขาบงการ สั่งนั่นโน่นนี่ชักกลายเป็นความเคยชิน เธอมีทางเลือกเพียงอย่างเดียวคือปฏิบัติตามโดยไม่อิดออดทว่าคงเพราะแอลกอฮอล์ที่ฉีดพล่านในกระแสเลือดทำปฏิกิริยากับสมองเธอเลยอยากลองงัดข้อกับเขาดูสักหน่อย “คุณน่าจะกลับพร้อมน้องสาวนะคะ เดี๋ยวฉันเรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ ไม่รบกวนดีกว่า”
แม้จะไม่คุ้นชินกับเส้นทางในกรุงเทพฯ นักแต่พิชญ์สินีย์ก็มั่นใจว่าเธอสามารถดูแลตัวเองได้
“ไม่...” บอกปัดแทบไม่เสียเวลาคิด “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตา เที่ยวไปอ่อยผู้ชายที่ไหนอีก”
เส้นความอดทนบางๆ เจียนใกล้จะขาดผึ่ง เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกัน คำก็ว่าอ่อย สองคำก็ว่ายั่ว “คุณวัชรเกียรติคะ ฉัน ไม่เคย ทำแบบนั้น กรุณาอย่ามาป้ายสีกัน” หล่อนย้ำช้าชัดตรงกลางประโยค
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเต้นระริก ทอประกายความโกรธแต่นั่นไม่ทำให้ชายร่างสูงใหญ่สะดุ้งสะเทือน “ใครจะไปรู้...ปากเธอนี่ เธอจะพูดเข้าข้างตัวเองยังไงก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องห่วงน้องของฉันหรอก ยายไหมขับรถมาก็ขับกลับเองได้แล้วเธอล่ะ มีรถรึเปล่า หรือกำลังหมายมั่นปั้นมือให้ใครซื้อให้ ถ้าอย่างนั้น...อย่าเสียเวลามองหาให้เมื่อยเลย แค่เธอยอมขึ้นเตียงกับฉัน สนุกกันซักสองสามคืนขี้คร้านฉันจะถอยรถหรูๆ มาปรนเปรอเธอไม่หวาดไม่ไหว”
“ฉันบอกตอนไหนคะว่าอยากมีรถ แล้วแค่เศษเงินมันไม่พอทำให้ฉันใจอ่อน ยอมนอนกับคุณง่ายๆ หรอกรู้ไว้ซะ”
“อ๋อ...หรอ แค่เศษเงินไม่พอหรอ ถ้างั้นเธออยากได้เท่าไหร่ล่ะแม่โสเภณีชั้นสูง” ประโยคหลังชายหนุ่มกระซิบรอดไรฟันข้างใบหูนุ่ม
“นี่คุณ ชักจะดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะคะ ฉันจะฟ้องร้องคุณข้อหาหมิ่นประมาท!”
“แม่คู้ณ...คดีขยะ ไร้สาระแบบนี้ศาลท่านคงรับพิจารณาหรอก เธอเป็นดาราหรือไงถึงได้เต้นเป็นเจ้าเข้ากลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงนัก อ้อ ใช่...ฉันลืมไป คนอย่างเธอไม่จำเป็นต้องซื้อด้วยเงินหรอก แค่อีกฝ่ายหน้าตาดีบวกกับความสมัครใจส่วนตัวนิดๆ หน่อยๆ ก็สมยอมเขาง่ายๆ แล้ว จริงไหม?”
“นอกจากคำว่าให้อภัยฉันไม่ต้องการได้อะไรจากคุณ!” ตวาดกลับหน้าดำหน้าแดง
“ดี กล้าพูดได้เต็มปากแบบนั้นก็ดี แล้วก็ช่วยจำใส่สมองกลวงๆ ของเธอเอาไว้ให้แม่นๆ ด้วยล่ะว่าเคยพูดอะไรไว้บ้างจะได้ไม่โดนประณามว่ากลืนน้ำลายตัวเอง” เสียงทุ้มห้าวปร่าแปร่งอย่างเดือดดาล “และเธอ...จะไม่มีวันได้รับความเห็นใจจากฉัน”
พิชญ์สินีย์แทบทรุดยามถ้อยคำโอหังคลออยู่ริมโสต แค่ความเห็นใจก็ไม่มีวันได้อย่างนั้นหรือ หัวตาเธอร้อนผ่าว วาวรื้นไปด้วยน้ำใสๆ เตรียมกลั่นออกมา เธอเผลอเงยหน้าขึ้นมองเขา ประกาศความน้อยเนื้อต่ำใจระคนตัดพ้อ
/////
สวัสดค่ะรีดเดอร์ที่น่ารัก ขอบคุณสำหรับการคลิ๊กเข้ามาอ่านนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองที่ไรท์เอามาลงweb (แต่เป็นเรื่องแรกที่แต่ง นางเอกแบ๊วมากถูกกระทำและไม่สู้คนตามสูตรสำเร็จ555) แต่งเสร็จก็ดองไว้ในเครื่องมาตลอด
ยังไงก็ฝากติดตามและเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกๆ แรงสนับสนุนค่ะ (แม้จะแค่กดถูกใจก็ตาม)