**หลังจากได้เห็นจำนวนผู้อ่านตอนหลังๆ ปรากฎว่า ยอดผู้อ่านส่วนใหญ่มาจากการอ่าน บทนำ ซึ่งอาจจะดูยาวและหน้าเบื่อ แต่เชื่อผมเถอะ คุณจะต้องหลงรักนิยายเรื่องนี้แน่นอนขอแค่คุณเปิดใจ และตั้งใจติดตามมัน **
Xhine..
อารัมภบท 01
:
Prologue 01
ในยุคสมัยที่ไม่มีมิติอื่นมีเพียงโลกคู่ขนานเดียว ในมิตินั้นแบ่งออกเป็น 3 ดินแดน
ดินแดนแห่งเทพ
:
ที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
อยู่บนท้องฟ้า
ปกครองกันโดยใช้ระบบการเมือง แบ่งหน้าที่กันจัดการเรื่องต่างๆบนนั้นคล้ายๆกับสังคมในปัจจุบัน และสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองจากรุ่นสู่รุ่น การมีตัวตนของพวกเขา
เกิดขึ้นจากความเชื่อของมนุษย์
ที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน มนุษย์ที่คอยสวดภาวนาให้แก่พวกเขา ทำให้พวกเขานั้นมีพลังอำนาจและนำพลังนั้นมาปกป้องเหล่ามนุษย์
ดินแดนของมนุษย์
:
เป็นดินแดนที่เหล่ามนุษย์อาศัยอยู่ อาศัยกันโดนมีพระราชาของแต่ละอาณาจักรคอยปกครอง
บนโลกมนุษย์นั้น
มีเหตุการ์ณแปลกๆมากมายเกิดขึ้น
เรื่องราวเหล่านั้น เกิดจาก การมีตัวตนของเหล่าเทพ และ เหล่ามารที่อยู่ใต้พื้นดินที่เขาอาศัยอยู่
มนุษย์นั้นน้อยคนที่จะรู้ว่าตัวตนของเทพและมารนั้นมีอยู่จริง บางคนบอกว่า
เทพและมาร
นั้นเป้นแค่นิทานที่เอาไว้หลอกเด็ก บางคนก็หลงเชื่อจนโงหัวไม่ขึ้น และแน่นอนเพราะความไม่รู้ก่อให้เกิดความกลัว พอกลัวทำให้เขาภาวนาทำให้ เทพนั้นมีพลังมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ในมนุษย์บางกลุ่ม ก็นับถือมาร และกลุ่มนั้นก็ทำให้มารนั้นมีกลังมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ดินแดนของเหล่ามาร
:
เป็น
อาณาจักรที่อยู่ใต้ดิน พวกเขาใช้ชีวิตคล้ายๆกับมนุษย์ ปกครองโดยราชาเพียงคนเดียว ราชาของเหล่ามารทั้งปวง
เดียอาโบล
( Diabol ) โดยรูปลักษณ์ของพวกเขาจะคล้ายๆมนุษย์ ยิ่งคล้ายมนุษย์มากเท่าไหร่ ก็จะมีพลังอำนาจมากเท่านั้น
พวกเขาได้รับพลังอำนาจมาจากมนุษย์เช่นเดียวกันแต่พลังที่ได้มานั้นไม่ใช่ เพราะการสวดภาวนาเหมือนของเหล่าเทพ แต่
เพราะความกลัวของมนุษย์ทำให้พวกเขานั้นมีตัวตนและอำนาจ
มารบางตนก็มีจิตใจที่ดี บางตนก็มีจิตเลวร้ายบางตนเกลียดที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนแห่งนี้ เพราะถ้าหาก มีพลังอำนาจน้อย ก็เป็นเหมือนกับเหยือ ที่รอถูกจับกิน จึงเลือกที่จะหาวิธี ขึ้นสู่พื้นดิน เพื่อให้มนษย์ หวาดกลัวเขา เพื่อเป็นการให้ได้พลังมา แต่ไม่มีใครรู้ว่า พวก เขาทำสำเร็จหรือไม่.....
อยู่มาวันนึงบนโลกมนุษย์นั้นได้เกิดการเปลียนแปลงไปในทางที่ดี พวกเขาสร้างสิ่งใหม่ๆ เช่นเครื่องมือต่างๆ หรือแม้กระทั้ง สร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นเอง นอกจากนั้นทรัพยากร บนโลกมนุษย์นั้นก็ยังอุดมสมบูรณ์อย่างมาก มนุษย์เริ่มลืมที่จะสวดภาวนา ให้กับเหล่าเทพ การเกิดขึ้นของแสงไฟ ทำให้ความมืดเริ่มจางหาย เหล่าเทพและมารต่างอ่อนแอ ลง เพราะมนุษย์เริ่มพึ้งพาตัวเองได้ เหล่า เทพและมารจึงค่อยๆจางหายไปในความทรงจำของมนุษย์ ในทางกลับกัน ทั้ง บนท้องฟ้า และ ใต้ดิน ไม่ได้มีอะไรเปลียนแปลงมากนั้น ยังคง ใช้ วัฒนธรรมเดิมๆ เรื่อยมา
เวลาผ่านไปจนถึงขึ้นวิกฤต เหล่าเทพและมารต่างอ่อนแอลงอย่างมาก
เหล่าเทพเขาคิดว่าถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องแสดงตัวตนให้เหล่ามนุษย์ได้เห็นเพื่อให้พลังอำนาจของพวกเขากลับมา แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่เบื่องหลังแผนการนี้คือ
การบุกอาณาจักรของมนุษย์เพื่อแย่งชิงเอาทรัพยากรและขับไล่มนุษย์ออกจากดินแดนนั้นเพราะดินแดนบนท้องฟ้านั้นเล็กเกินไปที่จะให้เหล่าเทพอาศัยอยู่แล้ว
การแสดงตนเป็นเพียงแผนบังหน้าเท่านั้นเพราะถ้าหากบอกแผนการที่แท้จริงออกไป จะต้องมีการขัดแย้งกันภายในแน่นอนและผู้ที่คิดแผนการนี้ขึ้นมาคือ ผู้ปกครองคนปัจจุบัน วินด์เซอร์ เฮอร์มิท ที่ 4 ( 4th
Windser Hermit )
เขาดำเนินแผนการนี้อย่างลับๆ โดยการส่งคนที่เขาไว้ใจคนนึงไปสอดแนมที่อาณาจักร์ของมนุษย ชื่อของเขาคือ เออร์เมส ( Ermes ) เออร์เมส คือ คนที่รับคำสั่งจาก ตระกูล
Windser
โดยตรง
เออร์เมส นั้นไม่ต่างจากเพื่อน เฮอร์มิทเลย เพราะ ทั้งสองคนนั้น เติบโตมาด้วยกัน แต่ คนละ ถานะ เท่านั้นเอง
ใช่ว่าบนท้องฟ้าจะวางแผนการบางอย่างเอาไว้ฝ่ายเดียวผ่ายมารก็เช่นกัน พวก เขา ต้องการพลังอำนาจของพวกเขากลับมา โดยการที่จะบุกขึ้นไปบน อาณาจักร์มนุษย์ เพื่อ สร้างความหวาดกลัวและสิ้นหวัง พวกเขาไม่ได้วางแผนอะไรสับซ้อน เพียงแค่จะขึ้นไป จัดการมนุษย์ที่อยู่เบื่องบนแค่เท่านั้น
เวลาผ่านไปได้สักพัก
เออร์เมสใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์
เขาได้รับประสบการ์ณที่ไม่เคยได้รับมาก่อน พวกมนุษย์นั้น ใจดีและอ่อนโยนกับเขามาก ทั้งๆที่เมื่อก่อน ตอนที่เขา อยู่บนอาณาจักรท้องฟ้า เขาไม่ต่างจาก เครื่องมือของ Winser ที่คอยเก็บเหล่าคนที่ตระกูลไม่พอใจ บนท้องฟ้า
เออร์เมส นั้นถูกมองเป็นเพียงแค่นักฆ่าที่ตัวเปื้อนไปด้วยเลือดของ ผู้ที่บริสุทธ
หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์
เออร์เมส เปลียนแปลงไป เขาอยากที่จะปกป้องดินแดนแห่งนี้ จากการถูกกวาดล้างครั้งยิ่งใหญ่
เพื่อตอบแทนกับสิ่งที่พวกเขาให้กับ เขา นั้นคือ ตัวตนและชีวิตใหม่ของเขา ที่จะไม่ต้องเปื้อนเลือดอีกต่อไป
ถึงเวลาที่ เออร์เมส ต้องกลับไปรายงานให้ เฮอร์มิท ฟังถึงสิ่งที่ได้สืบทราบมา
เออร์เมส
:
ทุกอย่าง ปกติดี ข้าวของเครื่องใช้ของพวกมนุษย์เนี้ย ถ้าพวกเราได้มา ของจะสบายไม่น้อย " เออร์เมสพูดออกไปด้วยท่าทีกางวลว่าจะถูกสงสัย
เฮอร์มิท
: "อีกไม่นานเราจะเริ่มแผนการนี้ พวกมนุษย์นั้นไม่ควรที่จะอาศัยอยู่ในดินแดนที่สมบูรณ์พร้อมแบบนั้น ฉันจะเป็นคนปกครองมันเอง ไม่ว่าจะเป็นที่นี้ หรือ ข้างล้างนั้น " เฮอร์มิทตอบกลับ ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
เฮอร์มิทนั้นเชื่อใจ เออร์เมส มาก และไม่คิดที่จะสงสัยเลยแม้แต่น้อย
เออร์เมส
: " นายมีแผนการยังไง จะไล่มนุษย์พวกนั้นยังไง " เออร์เมสถาม
เฮอร์มิท
: " ก็แค่ส่งทหารที่เรามีไปสัก ไม่กี่ ร้อยคน และจัดการพวกนั้นซะให้หมด ไม่ยากใช่มั้ยละ ?? "
เออร์เมส์ ตกใจ แต่ก็ไม่สามารถแสดงอาการได้ เขาไม่คิดว่าคนที่เกิดมาในตระกูลที่สูงส่งจะคิดแผนการกวาดล้างคนที่คอยสวดมนต์ภาวนาให้เขาแบบนี้
เฮอร์มิท
: " งานใหญ่แบบนี้ต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยุ่แล้วแน่นอน เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีคน มาคัดค้านละก็ ฝากให้นายจัดการก็แล้วกัน "
เออร์เมส หลับตาพยักหน้ารับรู้ โดยซ่อนสีหน้าไม่พอใจเอาไว้ เพราะเขาไม่สามารถขัดคำสั่งได้
เฮอร์มิท
: " เตรียมตัวเอาไว้ละกัน อีกไม่กี่วัน เราจะเริ่มบุก และก็ คนที่จะนำทัพในครั้งนี้ ก็คือ นาย อย่าทำให้ฉันผิดหวังละ
...... แล้วก็ หวังว่าความน่าสมสารของมนุษย์พวกนั้นคงไม่ทำให้นายลำบากใจที่จะต้องลงมือนะ "
เฮอร์มิท พูดทิ้งท้ายเหมือนจะรู้ว่า เออร์เมสกำลังเปลี่ยนไป
เรื่องนี้ทำให้ เออร์เมสต้องคิดหนัก ถึงแผนที่จะต้องขัดขวางไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น แต่ตัวเขาคนเดียวคงทำไม่ได้เขาเลยคิดที่จะหาพรรคพวก เพื่อที่จะหยุดเรื่องราวเหล่านี้
เออร์เมส
:
"
คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว " เขาบ่นลอยๆออกมาจากที่พักของเขาหลังจากวางแผนการหยุดการฆาตกรรมหมู่ครั้งนี้เสร็จ
เออร์เมส เดินทางไปยัง อาณาจักรมาร โดยการใช้เวทมนต์ต้องห้ามเปิดประตู ที่อยู่ ระหว่าง บนพื้นดินกับใต้ดิน
ทันทีที่มาถึง เขายืนอยู่ท่ามกลางเมือง ของเหล่ามาร
เออร์เมสได้รับการต้อนรับจากเหล่า ปีศาจ ที่เป็นเพียง ตัวประหลาดๆไม่ได้มีพลังอะไร หลังจากที่ได้ต่อสู่กันเสร็จ
ปีศาจตนนึงแสดงท่าทีหวาดกลัวอย่างมากทันทีที่ได้เห็น ออร่า สีดำ ที่ออกมาจากตัวเขา พร้อมกับตะโกนว่า
"
นั้นมัน กิโยติน ทำไม กิโยตินถึงมาอยู่ที่นี่
"
หลังจากสิ้นเสียงตะโกน กองทัพทหารมาถึงที่เกิดเหตเพื่อดูสถานการณ์ เออร์เมส แสดงท่าทียอมต่อการจับกุมพร้อมกับบอกว่า
เออร์เมส
:
" ข้ามีเรื่องอยากจะต่อรองกับ เดียอาโบล "
ถึงแม้เหล่าทหารจะไม่ยอม เออร์เมสก็คงใช้กำลัง ฝ่าฟืนไปอยู่ดี พวกเขาจึงยอมให้ เออร์เมส เข้าพบ ราชาของเขา
เดียอาโบล
: " ไม่คิดเลยนะเนี้ยว่า ไอ้ คนทรยศ จะกล้ากลับมาที่นี้ "
เออร์เมส
:
" ทรยศอะไร ข้าพึ้งจะเคยมาที่นี้เป็นครั้งแรก
เดียอาโบล
: " ข้าได้ยินมาจากทหารว่าเจ้าคือ กิโยติน นี้นา เจ้าชื่ออะไร ??
เออร์เมส
:
" เออร์เมส ....
เดียอาโบล
: " เออร์เมส....... แค่นี้เหรอ ไม่มีนามสกุลหรือไง
เออร์เมส
:
" ข้าถูกรับมาเลี้ยง ไม่มีหลอกนามสกุลอะไรนั้น ชื่อนี้พวกเขาก็ตั้งให้ข้า
เดียอาโบล
: "เจ้าใช้พลังที่เป็นไฟ ได้ใช่มั้ย แสดงให้ข้าดูหน่อย ถ้าเป็นไปตามที่ข้าคิด ข้าสามารถบอกกับเจ้าได้ว่าเจ้าคือใคร"
เออร์เมส แสดงพลังไฟให้เขาได้ดู เปลวไฟสีดำ นั้นทำให้ เดียอาโบล ตกใจ
เดียอาโบล
: " ไม่ผิดแน่นอนเจ้า คือตระกูล กิโยติน และคือลูกของ เจ้าคน ทรยศคนนั้น
เออร์เมส
:
" แล้วมันยังไงล่ะ มันคืออะไร ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน " เออร์เมส สงสัยอย่างมากถึง เรื่องราวของตนเอง
เดียอาโบล
: " คนที่น่าจะเป็นพ่อของเจ้า อาศัยอยู่ที่นี้มาก่อน พวกเขาคือ ปีศาจ ที่คล้ายกับมนุษย์มากๆ มีพลังมหาศาล และ มากกว่าข้าสะด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตผลบางอย่าง ทำให้ ครอส ( Cross ) อยากจะใช้ชีวิตแบบมนุษย์ เจ้านั้นเกลียดตัวเองที่ เป็นปีศาจ และที่ต้องเกิดมาใช้ชีวิตข้างล่างนี้ จึงเลือกที่จะ ขึ้นไปใช้ชีวิตบนดินกับมนุษย์ .............. ข้ารู้แค่นี้แหละ แต่ข้ากับเจ้านั้นก็เป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนนู้นอะนะ ถ้าหากเจ้านั้นยืนอยู่หน้าข้าตอนนี้ข้าคง สั่งตัดหัวไปแล้ว "
เออร์เมส เริ่มสับสนและอยากรู้เกี่ยวกับพ่อของเขา แต่เขาต้องพูดถึงสาเหตที่เขามาที่นี้ก่อน
เออร์เมส
:
" ข้ามีเรื่องอยากจะให้ช่วย "
เออร์เมสตะโกนออกไป
เดียอาโบล
: " เหอะ อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าเข้าจะต้องช่วยเจ้าล่ะ "
เออร์เมส
:
" อาณาจักร์ท้องฟ้าในตอนนี้กำลังวางแผนกวาดล้างมนุษย์อยู่และพว....
เออร์เมสพูดยังไม่ทันจบ เดียอาโบลก็พูดขัดขึ้นมา
เดียอาโบล
: " นี้แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แกมาจากบนฟ้าเรอะ !!??? " เดียอาโบลเริ่มแสดงอาการโกรธ
เออร์เมส พยายามพูดต่อ
เออร์เมส
:
" พวกเขาต้องการที่จะยึดอาณาจักรของมนุษย์ ยึดทุกอย่างที่เป็นของมนุษย์ ทรัพยากร หรืออื่นๆ โดยการ ฆ่าพวกมนุษย์ทั้งหมด "
เดียอาโบล
: " แกบอกเรื่องเกี่ยวกับตัวแกเองมา เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง แกรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง "
เออร์เมส
:
" ข้าถูกรับมาเลี่ยงโดยตระกูล วินด์เซอร์ รู้จักหรือปล่าว ??
"
เดียอาโบล
: " แน่นอน.... ไอ้พวกนั้นรับแกมาเลี้ยงเหรอ
"
เออร์เมส
:
" ข้าไม่เคยรู้หลอกนะว่า พ่อแท้ๆ ของข้าทำอะไรไว้ให้เจ้า
"
เดียอาโบล
: " ครั้งที่แล้ว พ่อเจ้าหันหลังให้กับข้า เลือกที่จะไปอยู่กัยมนุษย์ คราวนี้ แกหันหลังให้กับพวกเทพแล้ว ขอให้ ข้า ช่วย เหอะ...... อยากจะขำ ตัวเจ้าไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะขออะไรได้เลยนะตอนนี้น่ะ.. "
เออร์เมส
:
" ถ้าหากไม่มีมนุษย์พวกเจ้าเองก็ไร้พลังเหมือนกัน เจ้าพวกนั้นวางแผนที่จะแสดงตัวเพื่อให้มนุษย์นั้น ศรัทธาในเทพและสวดมนต์เพื่อเพิ่มพลังให้กับพวกมัน
หลังจากที่พวกนั้นกำจัดมนุษย์ไปหมดแล้วต่อไปก็ถึงตาของพวกเจ้า ที่จะต้องถูกกวาดล้าง "
เดียอาโบล ชะงัก กับคำพูดของ เออร์เมส
เดียอาโบล
: " ถ้าข้าช่วยเจ้าข้าจะได้อะไร "
เออร์เมส
:
" การที่พวกเจ้าไปปรากฏตัวที่โลกมนุษย์ จะทำให้พวกมนุษย์นั้นรู้ว่า พวกเจ้านั้นมีตัวตนจริงๆ นั้นเป็นวิธีที่จะเรียกพลังของพวกเจ้ากลับมา "
เดียอาโบล
: " เจ้าพวกเทพเองก็จะไปปรากฏตัวเหมือนกัน พวกนั้นก็ได้พลังเหมือนกันน่ะสิ
เออร์เมส
:
" มันก็เป็นเหมือนเมื่อก่อนนั้นแหละ เมื่อก่อนมันก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ทั้งเจ้า และก็พวกเทพนั้น ต่างต้องการมนุษย์เหมือนกัน เพราะมีมนุษย์ เลยมีพวก เจ้า ไม่ใช่หรือไง?? " เออร์เมส ใช้เหตผลเข้าสู้
เดียอาโบล
: " นั้นมันก็จริง......... เจ้าต้องการให้พวกข้า ปกป้องมนุษย์งั้นสินะ "
เออร์เมส
:
" คิดสะว่าปกป้อง แหล่งพลังงานของตัวเองก็แล้วกัน และเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเทพมีพลังมากเกินไปด้วย "
เดียอาโบล
: " ข้าจะเชื่อเจ้าได้มั้ย พ่อเจ้าหักหลังข้า แล้วเจ้าก็หักหลัง ตระกูลที่ เลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เด็ก "
เออร์เมส
:
" เทพพวกนั้น มันไม่ได้ดีอย่างที่ จ้าคิดหลอก เชื่อข้าสิ มันอาจจะแย่กว่าพวก ปีศาจอยากจ้าก็ได้ "
เดียอาโบล
: " เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าตกลง แล้วพอจะบอกได้มั้ยว่าจะ เริ่มขึ้นเมื่อไหร ไอ้แผน อะไรนั้นน่ะ "
เออร์เมส
:
" อีกไม่นานหลอก เตรียมตัวเอาไว้เถอะ พวกนั้นไม่ได้บอกวันเวลาที่แน่นอนกับข้า
เจ้าพวกนั้นให้ข้าเป็นคนนำทัพ ในการบุก แล้วยังบอกข้ามาอีกว่าจะส่งกำลังไป ประมาณไม่เกิน พันคน "
เดียอาโบล
: " พวกทหารของข้าจะต้องดีใจจนเนื้อเต้นแน่นอน ถ้ารู้ว่าจะได้ขะยี้ พวก เทพนั้น "
เออร์เมส
:
" ทันทีที่ข้าตะโกนสั่ง บุก พวกเจ้าก็สั่งกองทัพบุกออกมาเลย ข้าจะเป็นกำลังให้อีกแรงในการจัดการพวกเทพเหล่า นั้น "
เดียอาโบล
: " ถ้าแกทำแบบนั้นหมายความว่าแก ไม่มีสิทธที่จะอยู่บนนั้น แถมยังถูกมนุษย์มองเป็น ปีศาจที่ ฆ่าเทพอีก เจ้าจะไร้ จุดยืนเลยนะ "
เออร์เมส
:
" ข้าไม่สนหลอก ข้าไม่ขอทำตามคำสั่งของพวกนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าใครจะมองข้าเป็นคนยังไงข้าไม่สน "
เดียอาโบล
: "หึ ข้าชอบคนที่ตัดสินใจอะไรหนักแน่แบบนี้จัง.. "
การต่อรองประสบความสำเร็จ แต่เออร์เมส ก้มหน้า แล้ว ถาม เดียอาโบลเบาๆว่า
เออร์เมส
:
" พอจะเป็นไปได้มั้ยที่พ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่ "
เดียอาโบล
: " เรื่องนั้นมันก็ผ่านมาหลายปีมากแล้ว แต่อายุขัย ของพวก กิโยตินนั้นมีเป็น พันๆ ปี ถ้าหากไม่ถูกใครฆ่า ก็น่าจะ ยังหายใจอยู่ "
เออร์เมสเดินทางกลับ ไปยัง อาณาจักรท้องฟ้า พร้อมกับความรู้สึกที่แสนจะสับสน เขากำลังจะฆ่า พวกพ้องของเขา
เพื่อปกป้อง ผู้คนที่รู้จักกันได้เพียงไม่นาน เขากำลังจะหักหลังผู้มีพระคุณของเขา
เออร์เมส
:
" ไม่ฉันก็นายแหละ เฮอร์มิท ที่ต้องตาย " เออร์เมส พูดออกมาเบาๆก่อนที่จะเตรียมตัวพบกันวันแห่งการกวาดล้าง.
to be continue....
** ตอนต่อไปมาแล้วนะครับ **