จนกระทั่งเมื่อราว ๆ 2 พันปีก่อน ได้เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด ท้องฟ้าเกิดเมฆดำก้อนใหญ่มหึมา เสียงคำราม จาก สายฟ้าฟาด ดั่งสนั่นไปทั่ว สายฟ้า ผ่า ลงมา ไม่ขาดสาย ไม่นานนัก เกิดหลุมดำบนท้องฟ้า หลายต่อหลายจุด และจุดที่ใหญ่ที่สุดลอยอยู่เหนือเมือง ชมจันทร์ เสียงคำรามจากการแหวกท้องฟ้าของหลุมดำ สิ้นลง ทันใดนั้น สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์แต่สิ่งนั้นมีปีกคล้ายเผ่าอสูร มีเขี้ยว และเขาที่ยาวโค้ง เผ่าอสูรไม่มีพลังวิญญาณ มากนักเพราะไม่สามารถใช้เวทมนต์ได้ แต่สิ่งนี้ มีระดับพลังวิญญาณและพลังกายที่มหาศาลนัก เขาคำรามลั่นทั่วฟ้า "ข้าคือราชาปีศาจ นามว่า เมนทอส เหล่ามดปลวกทั้งหลาย จงยอมศิโรราบแด่ข้า ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า" สิ้นเสียง เหล่าปีศาจบินออกมานับไม่ถ้วน ตามหลุมดำ ที่ ปรากฏทั่วท้องฟ้า เหล่าปีศาจนับแสนบินออกมา จาก หลุมดำ ด้วยปีกสีดำ
กองทัพปีศาจ ที่นำมาโดย ราชาปีศาจ หวังเพื่อยึดครองโลกนี้ เพื่อทรัพยากร ที่มหาศาล มากมายนักเพราะดินแดนไร้เงา ที่เหล่าอสูรจากมานั้น ทรัพยากรเริ่มขาดแคลน พวกมันถึงเสาะหาพื้นที่ที่มันต้องการ หลังจากพวกมันค้นพบ จึงนำกองทัพปีศาจนับแสน บุกมายังโลก ผ่านมิติภพภูมิ
แต่ทว่า เหล่านักสู้ ยอดฝีมือจากทุกชนเผ่า ร่วมสู้กับเหล่าปีศาจอย่างสุดกำลัง เกิดการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ โดนฆ่ากวาดล้างนับไม่ถ้วน บ้างก็โดนจับตัว ปีศาจ 1 ตัวสามารถฆ่า นักรบชั้นแนวหน้าของมนุษย์ ได้สบายๆ ขนาดเผ่า ออค ที่ว่าเเข็งแกร่งก็ยังไม่สามารถล้มพวกมันได้ หลายล้านชีวิตจากทุกชนเผ่าล้มตาย และ ถูกจับ ความกลัวได้ยึดจิตใจ พวกที่กลัวตายเอนเอียงยอมศิโรราบแต่โดยดี พวกที่ถูกจับตัวนั้นล้วนถูก ตีตราสัญญาทาสเพื่อจะสร้าง 1 ในสถาปัตยกรรมแห่งความมืด ตำหนักหอ9อสูรมัจจุราช เปรียบเสมือนสถานที่ที่อัดพลังมหาศาลและคอยเสริมอำนาจพลังมืดให้แก่พวกมัน การจะสร้างนั้นต้องใช้ อสูรศักดิ์สิทธิ์ ถึง 9 ตัว และ หลังจากสร้างหออสูร เสร็จเงื่อนไข 2 ข้อสุดท้ายคือ สังเวยวิญญาณเข้าไปยังหออสูร และ นำศพไร้วิญญาณเหล่านั้นมาฝั่งเป็นรากฐานของตำหนัก
การต่อสู้เริ่มมาได้เพียง 2 วัน ราชาปีศาจ อีกตนก็ปรากฏตัวออกมา ระดับพลังวิญญาณ และ พลังกายของเขานั้นมหาศาลนัก เหนือกว่า ราชาปีศาจ เมนทอสหลายเท่า เขานั้นไม่ได้มาเพื่อยึดครองโลกแต่อย่างใด เขานั้นเข้าไปขัดขวาง เหล่ากองทัพปีศาจ เล่ากันว่าเขานั้นเป็นจ้าวแห่งดินแดน อีกมิติ เหตุไฉน จึงมาช่วยโลกใบนี้จาก ราชา เมนทอส พลังของเขานั้นมากมายนักเขาฆ่าเหล่าปีศาจนับพัน ในเวลาไม่กี่ ชั่วยาม เหล่ากองทัพปีศาจต่างหวาดหวั่นกับพลังของเขา เขาได้ท้าสู้กลับราชาปีศาจ การต่อสู้ที่ทรงพลังทำเอา บ้านเมืองพังพินาศ ไปตามๆกัน การปะทะกันในแต่ละครั้ง ถึงขนาดทำให้ปฐพีสั่นไหว ผ่านไป 1 ชั่วยาม ราชาปีศาจ เมนทอส ถึงกับสำลักเป็นโลหิต บาดแผลตามร่างกายเขานั้น สาหัสนัก เหล่ากองทัพอสูร ขาดผู้นำ อีกทั้งกลัวในพลังของ ราชาปีศาจอีกตนจึงนำตัว เมนทอส กลับไป ดินแดนเดิม ที่จากมา
หลังจากกองทัพ ได้ล่าถอยจากไป ราชาปีศาจก็สำลักเลือดออกมา มากมายเขาทรุดตัวลงไปที่พื้น เขานั้นใช้เลือดที่ไหลออกจากร่างนั้น เขียนอักขระจารึกตามร่างกายเขา และ เปิดวงเวทสูบวิญญาณ ของตน สละชีวิตเพื่อปิดประตูมิติภพภูมิ มิให้เหล่ากองทัพปีศาจหวนกลับมายังโลกอีก
หลัวผิง ได้ฟังที่ปู่เล่าจบ เขานั้นทั้งตื่นเต้น แต่ด้วยความสงสัยประหลาดใจ หลัวผิงขมวดคิ้วเข้าหากันหน้าผากย่น ทำปากบิดไปมา หน้าตาเหมือนเด็กที่ปวดอึ
+ หลัวผิง "ปู่ ทำไมราชาปีศาจถึงยอมเสียสละตัวเองละ"
+หลัวหยาง"ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เรื่องเล่านี้ ข้าก็ฟังมาจาก พ่อของข้าเหมือนกับเจ้าแหละ"
หลัวผิง จ้องมองไปที่ปู่ แล้วก็หัวเราะออกมา
+หลัวผิง "ฮ่าาาๆๆ ชั่งมันเถอะ มันก็แค่นิทาน นิเนอะ ฮ่าาาาๆๆ"
หลัวหยาง จ้องมองไปที่ หลัวผิง และถอนหายใจ เจ้าเสีย พ่อและแม่ไปตั้งแต่ 4 ขวบ ส่วนพี่ชายก็หายตัวไป ตอนเจ้า 7 ขวบ เจ้าช่างน่าสงสารนัก แต่เจ้ายังคง ดูมีความสุข ข้าก็พอคลายกังวลไปด้วย ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดีหลานรักของปู่
+หลัวหยาง "หลัวผิงหลานรัก ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย"
+หลัวผิง "ได้ครับ ท่านปู่"
+หลัวหยาง"เมื่อเจ้าเติบใหญ่ เจ้าฝันอยากเป็นอะไรรึ พ่อค้า ช่างตีเหล็ก จอมเวท นักรบ หรืออยากทำสวนเกษตรกร เหมือนปู่"
+หลัวผิง ครุ่นคิดซักครู่ก่อนเอ่ยไป "ไม่เอาหรอก ข้าไม่อยากทำสวน ข้าอยากปกป้อง ปู่ ปกป้องตระกูล และปกป้องโลก ข้าอยากจะรวมทุกชนเผ่า ให้อาศัยอยู๋ด้วยกัน ไม่มีความขัดแย้ง ฮ่าาาๆๆ ใครที่กล้ามาทำร้ายคนของข้า ข้าจะจัดการมันซะ"
หลัวหยาง ถึงกับตกตะลึงในความฝันของ หลัวผิง หลัวผิง คิดการใหญ่เพียงนี้เชียวรึ
+หลัวหยาง ยิ้มก่อนเอ่ยไปว่า "ดี งั้นเจ้าจงฝึกฝน บ่มเพาะพลังกาย วิญญาณ และทักษะต่อสู้ เพื่อให้สอบผ่านเข้า สถาบันยานาสวรรค์"
+หลัวผิง ยิ้มและเอ่ยไปว่า "ยานาสวรรค์ นั่นนะหรอ"
+หลัวหยาง "ใช่ สถาบันยานาสวรรค์ ที่นั่นจะช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้แน่ ถึงค่าการสมัครจะแพงไปหน่อย และยังเรื่องค่าใช้จ่ายตลอดการศึกษาอีก ข้าจักต้องหารายได้ทางอื่นเพิ่ม แต่ไม่ต้องห่วงหลานรัก ข้าก็จะสนับสนุนเจ้า ข้าเชื่อว่าหลานข้า อนาคตจะกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน"
หลัวผิง เผยยิ้มออกมา อย่างดีใจ ที่ปู่ชื่นชมในตัวเขา ใบหน้าเปล่งประกาย หน้าบาน น่ารักใสซื่อบริสุทธิ์
+หลัวหยาง"ตอนนี้ เจ้าก็อายุ 13 ปีแล้ว อีก 2 ปีเจ้าก็ครบกำหนดตามเกณฑ์แล้ว 2 ปีที่เหลือนี้เจ้าจงใช้มันฝึกฝน บ่มพลังให้สูงเพื่อสอบเข้าสถาบันยานาสวรรย์ ให้ได้ละ"
+หลัวผิง ยืดอกและเปล่งวาจา เสียงดังว่า "ครับปู่"
+หลัวหยาง ถอดแหวนออกจากมือ และเอ่ยว่า "รับไปซะ นี่คือสมบัติล้ำค่าของตระกูลที่สืบทอดกันมายาวนาน"
+หลัวผิง สวมแหวนเข้านิ้วชี้ข้างซ้าย แหวนที่หลวมค่อย ๆ ย่อส่วนเข้ามาให้พอดีขนาวนิ้วของ หลัวผิง เขาจ้องมองไปที่แหวน แหวนนี่นะรึ สมบัติล้ำค่าที่สืบทอดมายาวนาน ถึงจะเพิ่มหรือหดขนาดพอดีนิ้วได้ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรพิเศษที่น่าสนใจเลย
+หลัวหยาง เห็น สีหน้าของ หลัวผิง ก็มองออกทันที และเอ่ยว่า "แหวนนี่คือ แหวนมิติสัมภาระ ภายในแหวนต่างหากที่มีสมบัติ อยู่มากมาย ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น" หลังจากหลัวหยางพูดจบ ดวงตาของ หลัวผิงก็เป็นประกายออกมา
ณ ห้องโถงของตระกูลหลัว
ทันใดนั้น มีเสียงดัง เหมือนของแข็งปะทะกัน ดังมาจากข้างนอก ไม่นานนัก ชายแก่ ดูร้อนรน วิ่งมายังห้องโถงของตระกูล เหงื่อท่วมตัวพร้อมคำรามว่า "ท่านผู้นำ.....โปรดหนีไป นักฆ่ามัน......!!!!!!!
ไม่ทันพูดจบ ชายแก่ ก็เสียชีวิต แล้วร่วงลงไปนอนกับพื้น
+หลัวหยาง "นี่มันเกิดบ้า อะไรขึ้น" เขามองไปที่ ชายแก่ ชายแก่คนนี้คือ คนรับใช้ภายในตระกูล หลัวหยางสังเกตุเห็น มีดสั้น ปักที่หลังของ ชายแก่ เขารีบหันมา ที่ หลัวผิง
ในขณะนั้น หลัวผิง อ้าปากค้าง ร่างกายสั่นไปด้วยความกลัว
+หลัวหยาง ไม่รีรอ คว้ามือหลัวผิงและรีบวิ่งพาหลัวผิงไปที่ มุมของห้องโถง มุมของห้องโถงนั้น มีชั้นวางหนังสือมากมาย เขารีบหยิบหนังสือมาเรียง เพื่อเป็นรหัสเป็นการเรียงอักษรของชื่อหนังสือ เพื่อเปิดทางลับของตระกูล เเละเอ่ยว่า "หลัวผิง หนีไปตามทางลับนี้ วิ่งไปอย่าหยุด จนกว่าเจ้าจะเจอ ทางออก และหาที่แอบให้ดี"
+หลัวผิง ได้ฟังปู่เขาพูดเช่นนั้น เขาเข้าใจดี แต่เขาไม่อาจทำใจยอมรับมันได้ "ท่านปู่ ไปกับข้าเถอะ"
หนังสือถูกเรียงเสร็จ ประตูทางลับได้ถูกเปิดออก
+หลัวหยาง "จงรีบ ปะ ไปปปป.......
ฉึบบบบบบบบบ
เสียงของมีคมแทงเข้าเเผ่นหลังของหลัวหยาง
เขารับรู้ถึงพิษ ที่แผ่กระจาย ไปทั่วร่างความเร็วของพิษนี่รวดเร็วนัก "ข้าคงไม่อาจรับมือกับมันได้" หลัวหยางคิดภายในใจเขาจ้องไปที่ หลัวผิงและยิ้มออกมา และเอ่ยวาจาสุดท้าย "หลัวผิง หลานรัก ความฝันของเจ้าจงอย่าลืมมันซะละ จงมีชีวิตต่อไป" หลัวหยาง สำลักเลือด ออกมาจำนวนมาก และสิ้นใจ ดวงตาของ หลัวผิง แดง น้ำตาเอ่อล้น อาบไปทั่วแก้ม ความเสียใจที่ไม่อาจอธิบาย ออกมาได้เป็นคำพูด ความรู้สึกของการเสียคนรักไปนั้น มหาศาล ความเครียดแค้น ฝั่งร่างลึก ลงไปภายในจิตใจ ของหลัวผิง ไม่นานนัก หลัวผิงสังเกตุเห็น คนกลุ่มนึง มุ่งมาล้อมรอบ ตัวเขา พวกนั้นใส่ชุดดำ ผ้าปิดปังใบหน้า ใช้ดาบยาวเป็นอาวุธหลัก
หลัวผิง ไม่สนใจแต่อย่างใด เขายังคง นั่งกอดปู่ และพรึมพรำ ว่า "ข้าเสียพ่อแม่ไป ตั้งแต่เด็ก ข้ารู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ข้าร้องไห้คนเดียวทุกคืน แต่ข้าก็ยังคงอดทนไม่ร้องไห้ ตอนอยู่กับคนอื่น และทำตัวปกติ ไม่แสดงความเสียใจแต่อย่างใด เพื่อให้ปู่ และคนในตระกูล ไม่ต้องคอยเป็นห่วงข้า ดูแลข้า ข้าไม่อยากเป็นภาระ แต่ภายในใจข้านั้น ล้วนเต็มไปด้วย บ่อน้ำตา ที่ไหลจนท่วมอก พอพี่ข้าหายตัวไป ข้าแทบขาดใจ ทุกคืนข้าแอบออกไป ตามหาพี่ ที่ป่าอสูร ตลอด 2 ปี มาตอนนี่ ท่านปู่ ท่านจักทิ้งข้าไว้ คนเดียวอีกหรือ" ในขณะที่พรึมพรำอยู่นั่น รอบกายหลัวผิง มีรังสีแห่งความตาย เย็นๆ แผ่ออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แรงดันวิญญาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีเม็ดละอองสีดำ ผุดขึ้นมาจากผืนปฐพี ขึ้นมาเกาะตามร่างกายของหลัวผิง เหล่านักฆ่าถึงกับตกตะลึง ในพลังวิญญาณ และละอองสีดำที่ลอยรอบตัวหลัวผิง นักฆ่าต่างพากันมองหน้ากันและส่งสัญญาณ ทันใดนั้น อาวุธลับมากมาย พุ่งตรงไปที่ตัว หลัวผิง จากทั่วทิศทาง...!!!!