หลังสิ้นเสียงทักทายเรียบง่ายแค่ “ฮัลโหล” หมิงอวี้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย็นชาดังมาจากปลายสาย “ไม่เจอกันนานนะ หมิงอวี้ ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันเห็นนายที่บริษัท นายเริ่มมาบริษัทตั้งแต่เมื่อไร”
เสียงนี้กังวานใส หางเสียงทุ้มต่ำเบาลงเล็กน้อยทำให้หมิงอวี้รู้สึกคุ้นเคย แต่เขาก็ไม่ได้ตอบสิ่งใดออกไป จู่ ๆ เสียงปลายสายก็ดังขึ้นอีก “คราวก่อนฉันพูดกับนายชัดเจนแล้ว ว่าต่อจากนี้นายอย่ามารบกวนฉันอีก ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายแล้ว ‘โปรดสำเหนียกตัวเองด้วย’ เข้าใจไหม”
ฝ่ายตรงข้ามจงใจเน้นย้ำชัดถ้อยชัดคำ ทำให้หมิงอวี้ปวดแปลบในใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน หมิงอวี้รู้ดีว่านั่นไม่ใช่อารมณ์ที่เกิดจากตัวเขา และก็ไม่ใช่ความทรงจำของเขา แต่เขารับรู้ได้ว่านั่นมาจากห้วงอารมณ์ในส่วนลึกที่แสนหนักอึ้ง ในคอฝาดเฝื่อนเล็กน้อย
นายยังมีใจยึดติดกับผู้ชายคนนี้อยู่อีกเรอะ
ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้นก็ได้ยินเสียงจากปลายสายพูดขึ้น “หมิงอวี้ นับจากนี้นายห้ามมาตามตอแยฉันอีก ฉันงานยุ่งมาก ไม่เหมือนนายที่ว่างงานทุกวัน นี่เป็นสายสุดท้ายที่ฉันจะโทร.หานาย ต่อแต่นี้นายห้ามโทร.หาฉันอีก ฉัน…”
“เดี๋ยวก่อนครับ” คำพูดตรง ๆ ทำร้ายจิตใจของฝ่ายตรงข้าม ทำให้หมิงอวี้ยกมุมปากปรากฏเป็นรอยยิ้มเย็นชา “คุณผู้ชาย ก่อนที่คุณจะพูดอะไรต่อ รบกวนช่วยบอกผมก่อนได้ไหม…ว่าคุณเป็นใคร”
“…”
เพียงเสี้ยวอึดใจ ฝ่ายนั้นก็ตัดสายเหลือเพียง “ตู๊ด ๆ” ดังให้ได้ยิน ไม่ต้องโทร.กลับ หมิงอวี้ก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามต้องกดบล็อกเบอร์เขาแน่ แต่ถึงจะบล็อกก็ไม่เป็นไร ต่อให้เฉิงซู่ไม่บล็อก เขาก็จะเป็นคนบล็อกฝ่ายตรงข้ามเอง
ถูกต้อง ตอนเฉิงซู่เอ่ยปากพูดคำที่สอง หมิงอวี้ก็รู้แล้วว่าคนที่โทร.มาคือใคร
ก็ต้องโทษที่เขาดันจำอีกฝ่ายไม่ได้ในตอนแรก เจ้าของร่างเดิมมีความรู้สึกต่อเฉิงซู่ลึกซึ้งมากเกินไปจริง ๆ
…‘ที่รัก’
ชาติที่แล้วหมิงอวี้เลี้ยงไซบีเรียนฮัสกี้จอมบ๊องไว้หนึ่งตัว เขาตั้งชื่อเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้ตัวนี้ว่า “ที่รัก” ตอนนี้จู่ ๆ มีโทรศัพท์ที่ถูกบันทึกชื่อไว้ว่า “ที่รัก” โทร.มา ภาพที่ผุดขึ้นมาในสมองหมิงอวี้ย่อมเป็นเจ้าสุนัขจอมบื้อลิ้นห้อยหอบแฮก ๆ ตัวนั้น ไหนเลยจะคิดว่าแท้จริงปลายสายคือเฉิงซู่
แม้โทรศัพท์สายนี้จะเป็นสิ่งเหนือความคาดหมาย ทว่าหมิงอวี้คนใหม่ไม่มีความคิดอยากเข้าใกล้เฉิงซู่อยู่ในหัวเลยสักเศษเสี้ยว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะไปตามตอแย แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจว่าความรู้สึกเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เจ้าของร่างเดิมยึดติดเหนียวแน่นเก็บซ่อนไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ เนิ่นนานเพียงใดก็ไม่มีทางลบเลือน
เจ้าของร่างเดิมยึดติดอยู่กับสิ่งใด
ผมจะทำให้คุณจำชื่อหมิงอวี้ไปตลอดชาติ
คิดมาถึงตรงนี้ หมิงอวี้ยิ้มมุมปากจาง ๆ พึมพำเสียงเบา “วางใจเถอะ ฉันจะทำให้เขาจดจำนายไปตลอดกาล”
ราวกับกำลังตอบรับคำพูดของหมิงอวี้ ความขมขื่นในใจเมื่อครู่ค่อย ๆ เจือจางลง หมิงอวี้ตัดเรื่องนี้ออกจากสมองภายในเวลาอันรวดเร็ว และเริ่มอ่านนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์อย่างจริงจังอีกครั้ง พรุ่งนี้ก็จะครบกำหนดสิ้นสุดวันหยุดของเขาแล้ว เขาไม่ได้ว่างอย่างที่เฉิงซู่ว่า ต้องรีบใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่า
ในห้องพักส่วนตัวบนชั้นที่สี่สิบเอ็ดของตึกมิวส์ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคายปาโทรศัพท์มือถือลงพื้นด้วยความรู้สึกขายหน้าและฉุนเฉียว โชคดีที่ห้องนี้ปูพรมนุ่มไว้ โทรศัพท์มือถือของเขาจึงไม่ต้องมีจุดจบในสภาพแตกกระจายเป็นชิ้น ๆ
“ฉันเป็นใครงั้นเรอะ เฮอะ นี่เป็นลูกไม้ใหม่ของนายละสิ จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีก็แล้วกัน ไม่ต้องนึกออกว่าฉันเป็นใครไปตลอดกาล”
จ้าวรุ่ยไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่านายแบบหนุ่มน้อยในความดูแลของเขาจะสามารถอ่านนิตยสารระดับท็อปชั้นหนึ่งชั้นสองและนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์จากทั่วโลกในช่วงสิบปีได้หมดภายในเวลาแค่สามวัน หากแค่อ่านจบเฉย ๆ ยังพอทำเนา แต่นี่เด็กหนุ่มยังสามารถจดจำเนื้อหาคร่าว ๆ ได้อย่างแม่นยำ น่าตกใจเกินไปแล้วจริง ๆ
ระหว่างทางที่ขับรถไปคาแร็คเตอร์ จ้าวรุ่ยอดใจไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามหมิงอวี้หลายคำถาม และเด็กหนุ่มล้วนตอบได้หมด ทั้งยังสามารถหาคำจำกัดความให้กับแนวโน้มกระแสนิยมของวงการแฟชั่นบางปีได้อีกด้วย
แม้จะพูดว่าเคยเป็นที่นิยม แต่ปัจจุบันไม่แน่อาจเลิกนิยมหรือถึงขั้นตกยุคไปแล้ว วงการแฟชั่นมีคำกล่าวที่ว่า “สิบปีคือหนึ่งวัฏจักร”
ก็อย่างที่เห็น ศตวรรษที่ผ่านมานิยมใส่กางเกงเอวสูง เชิ้ตขาว ปัจจุบันทุกตรอกซอกซอยยังเห็นใครแต่งแบบนี้อยู่บ้างไหมล่ะ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทั้งสองก็มาถึงสำนักงานใหญ่คาแร็คเตอร์ภายในเวลาอันรวดเร็ว
เพียงชั่วขณะที่จ้าวรุ่ยกำลังจอดรถ หมิงอวี้เงยหน้ามองอาคารระฟ้าสูงตระหง่าน แม้จะมีขนาดเล็กกว่าอาคารมิวส์มาก แต่ในฐานะที่เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของสำนักพิมพ์นิตยสารคาแร็คเตอร์ ก็ถือว่าหรูหราสมฐานะแล้ว อย่างน้อยก็ดีเลิศกว่าสำนักงานใหญ่ของนิตยสารชั้นหนึ่งระดับสากลหลายแห่งที่เขาเคยเห็นเมื่อชาติที่แล้ว
ใช้เวลาชาร์จแบตสามวัน หมิงอวี้ได้ศึกษาข้อมูลวงการแฟชั่นของโลกนี้ไปพอสังเขปก็ยิ่งเข้าใจ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อหัวเซี่ยของโลกนี้คือ “ไฟในกายลุกโชน เลือดลมสูบฉีด จนไม่อาจสงบใจ”
นิตยสารระดับท็อปไฟว์ของโลก หัวเซี่ยครองไปแล้วสองสำนัก
นิตยสารชั้นหนึ่งห้าสิบสำนักทั่วโลก หัวเซี่ยครองไปแล้วแปดสำนัก
นิตยสารชั้นสองสองร้อยสำนักทั่วโลก หัวเซี่ยครองไปแล้วสิบหกสำนัก
ผู้จัดงานแฟชั่นโชว์ท็อปโฟร์ของโลก หัวเซี่ยก็เป็นหนึ่งในนั้น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หัวเซี่ยมีแบรนด์แฟชั่นยุคใหม่ที่แสนเฉียบคมและทันสมัยยอดนิยมระดับท็อปหลากหลายแบรนด์
วงการแฟชั่นของหัวเซี่ยของโลกนี้มีศักยภาพสูงเทียบเท่ายุโรปและสหรัฐอเมริกา
ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ แม้เบื้องหน้าต้องเผชิญกับขุนเขาและขวากหนามอีกมากมาย แต่หมิงอวี้กลับไม่รู้สึกกังวลใด ๆ เลยสักนิด ตรงกันข้าม เขากลับกระตือรือร้นอยากก้าวสู่จุดสูงสุดในสายอาชีพนายแบบ ลองพิชิตวงการแฟชั่นหัวเซี่ยที่เจิดจรัสตระการตายิ่งกว่าดูสักตั้ง
คาแร็คเตอร์เป็นหนึ่งในแปดนิตยสารแฟชั่นชั้นหนึ่งของหัวเซี่ย
คาแร็คเตอร์เพิ่งเบียดขึ้นมาเป็นนิตยสารชั้นหนึ่งของหัวเซี่ยเมื่อสองปีก่อน ด้วยเหตุนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคาแร็คเตอร์เป็นนิตยสารชั้นหนึ่งน้องใหม่ที่สุด เพิ่งก่อตั้งได้เพียงยี่สิบปี และเพราะความเป็นนิตยสารวัยรุ่นจึงมักเชิญนางแบบนายแบบอายุน้อยที่เป็นดาวดวงใหม่มาร่วมงานเสมอ
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า หนึ่งในแปดนิตยสารแฟชั่นชั้นหนึ่งของหัวเซี่ย คาแร็คเตอร์เป็นเวทีให้นางแบบนายแบบรุ่นเยาว์ก้าวขึ้นมายืนได้ง่ายที่สุด
“หมิงอวี้ นายยังไม่เข้าไปอีกเหรอ ไป ๆ พวกเราเข้าไปด้วยกัน”
ขณะที่พูดอยู่ จ้าวรุ่ยก็จูงมือหมิงอวี้เดินเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ คาแร็คเตอร์
แม้ในช่วงสองสามปีนี้ จ้าวรุ่ยจะตกต่ำไปบ้างแล้ว แต่ก็เคยมาสำนักงานใหญ่คาแร็คเตอร์ เขาจึงสามารถพาหมิงอวี้ขึ้นมายังชั้นสิบสี่ได้อย่างชำนาญทาง ประตูลิฟต์เพิ่งเปิด สิ่งแรกที่ปรากฏในสายตาของหมิงอวี้คือป้ายตัวโต ๆ ดูยิ่งใหญ่อลังการซึ่งเขียนว่าคาแร็คเตอร์
ที่หัวเซี่ย นิตยสารชั้นหนึ่งและนิตยสารชั้นสองนอกจากมียอดขายต่างกันแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อาทิ บรรดานางแบบนายแบบที่เชิญมาร่วมงาน แบรนด์สินค้าที่เป็นสปอนเซอร์ และสถานะจุดยืนในระดับสากล
หมิงอวี้และจ้าวรุ่ยเดินตามทีมงานคาแร็คเตอร์เข้าไปในห้องทำงานของแผนกบรรณาธิการ ทั้งสองยังเดินไปได้ไม่ไกล จึงได้ยินเสียงบรรณาธิการคนหนึ่งถอนหายใจพลางบ่น “เมื่อวานบรรณาธิการเฉินโทร.เชิญสีเจ๋อ แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างนุ่มนวลกลับมาอยู่ดี ไม่รู้ว่าใครจะมาขึ้นปกฉบับครบรอบยี่สิบปีของนิตยสารเรา…”
“ฉันได้ข่าวว่าช่วงนี้สีเจ๋อยุ่งอยู่กับงานแฟชั่นไตรมาสแรกของปีหน้า เดาว่าคงไม่ว่างละมั้ง”