ตอนที่ 21 คนละมือช่วยกัน
ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว เมืองซานเริ่มมีสีสันแม้อากาศจะเริ่มเย็นแต่ก็ยังมีฝนอยู่บ้าง รอหมดเดือนแปดนี้เริ่มจะเข้าหนาวแล้ว แต่สิ่งที่น่ากังวลหนิงฮวากับไม่กังวลคือเรื่องการปลูกผักในปลายฤดูฝนแบบนี้ไม่มีใครทำเหมือนนาง
“ลุงหลิวลงถั่งเหลืองที่ข้าต้องการหรือยัง”
เรื่องนี้สำคัญเพราะถั่วเหลืองของหนิงฮวาเป็นคนเพาะเองกับมือ แช่น้ำยาเพิ่มสรรพคุณทางยาให้เกิดผลได้รวดเร็ว หากนำมาทำน้ำเต้าหู้กินยามเช้าจะช่วยชะลอวัยได้อย่างดีแค่คิดก็อยากพวกมันโตเร็ว ๆ จะได้ตั้งชื่อให้พวกมันเสียหน่อย
“เรียบร้อยขอรับ”
“แล้วข่าวที่ข้าสั่งท่านลงที่นาของข้าเรียบร้อยใช่หรือไม่”
“เรียบร้อยเช่นกันขอรับ” คุณหนูข้าใจร้อนยิ่งนักใครที่ไหนมาปลูกข้าวตอนนี้ ก็มีแต่คุณหนูของข้านี่แหละ
“จริงสิเรื่องคนงานของเรานั้นเพียงพอหรือไม่”
“เพียงพอขอรับได้คนที่มาขุดสระปรับหน้าดินเลยชวนมาทำงานด้วยกัน”
“ดีแล้วอย่าลืมเรื่องเงินรายเดือนให้ทุกคนอย่าให้ขาดและของพวกท่านเองก็ต้องได้รับเช่นกัน”
“ขอรับคุณหนู” คุณหนูดีกันข้าและครอบครัวแบบนี้พวกข้าและคนในครอบครัวต้องทำงานให้ดีไม่ให้คุณหนูผิดหวังอย่างแน่นอน
“ท่านไปทำงานได้แล้วมีเรื่องอะไรก็รีบมารายงานข้าจะได้จัดการได้ทันที”
ได้เวลาเดินสำรวจตรวจงานด้านหลังของเรือนที่ทำเป็นโรงเพาะต้นกล้าและแปลงต้นอ่อนต่าง ๆที่ลงไว้ด้วยน้ำยาที่หนิงฮวาทดลองฝึกปรุงมาอย่างตั้งใจ ก่อนที่จะลงแปลงหนิงฮวาจะแช่เมล็ดของสิ่งที่ต้องการจะปลูกก่อนหนึ่งคืนเพื่อให้โตมาอย่างแข็งแรงและไม่มีแมลงกัดกิน คล้าย ๆเพิ่มภูมิคุ้มกัน
“อาห้าวเจ้าลงแปลงเพิ่มได้มากหรือไม่”
“วันนี้สิบแปลงขอรับ”
“ตอนนี้ทั้งหมดมีกี่แปลงแล้ว”เป้าหมายที่ต้องการคือห้าสิบแปลงแบ่งแยกอออกเป็นสามประเภท ผักกินใบ ผักกินผล สมุนไพรเล็กน้อยที่เพิ่งลงแปลงปลูกเพิ่ม ให้เมล็ดพันธุ์ในมิติมามากมายแต่ต้องปลูกเอง ท่านนะท่าน
“รวมวันนี้สี่สิบแปลงขอรับ”
“พอสมควรแล้วไม่ต้องมากเกินเดี๋ยวดูแลไม่ไหว”
“คุณหนูไม่จ้างคนเพิ่มหรือขอรับ”
“ไม่ละเรื่องผักในแปลงที่เจ้าดูแลมันมีความพิเศษคนนอกไม่สามารถรู้ได้เข้าใจหรือไม่”
“คุณหนูไม่สนใจปลูกดอกไม้เพิ่มหรือขอรับ”
“เรื่องนั้นค่อยคิดว่าจะปลูกดอกไม้เพื่อสิ่งใด” หนิงฮวาเพียงไม่ได้คิดเรื่องความสวยงามของเรือนเสียเท่าไหร่ เพราะช่วงนี้คิดเพียงเรื่องหาอาหารเลี้ยงปากท้องนางและคนงานเสียก่อน
“ขอรับคุณหนู”
อย่างน้อยได้ครอบครัวของลุงหลิวมาช่วยงานในเรือนทำให้หนิงฮวามีเวลามองว่าต่อไปต้องทำสิ่งใดเพิ่ม และจะช้าไม่ได้ อย่างน้อย ๆต้องมีกิจการของตนเองบ้าง ลืมไปได้อย่างเรื่องนำสมุนไพรไปขายที่ร้านยานั้นดีกว่า
“คุณหนูถึงเวลาอาหารแล้วเจ้าค่ะ”
“เสี่ยวจูยกมาห้องนอนข้าเลย”
“เจ้าค่ะ”
“อาเจียว เสี่ยวจูมานั่งกินด้วยกัน”
“คุณหนูอาเจียวมิกล้าเจ้าค่ะ” อาเจียวเป็นสะใภ้ของลุงหลิวซึ่งอายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้นนางยังสาวและน่ารักเรียบร้อยซึ่งแตกต่างจากหนิงฮวานัก
“มาเถอะอาเจียวที่นี่มีแค่เราสามคนเท่านั้น”
“เจ้าค่ะ” อาเจียวนั่งลงกินข้าวร่วมกันมีเสี่ยวจู อาเจียวและ หนิงฮวาเมื่อสาว ๆนั่งร่วมวงกันก็จะมีเรื่องคุยกันบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนมากหนิงฮวาเป็นคนถามและสองสาวจะคอยตอบคำถามเรื่องที่หนิงฮวาสงสัยเสียมากกว่าเช่น
“อาเจียวทำไมบุรุษต้องไว้หนวด”
“คือ...อาเจียวไม่รู้เจ้าค่ะ”
“นั่นสิอาเจียวจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร” สตรีที่ออกเรือนแล้วต้องเรียบร้อยแบบอาเจียวแบบนี้ทุกคนหรือไม่ ช่างจืดชืดเกินไปแล้ว
“จริงสิพรุ่งนี้เราไปร้านยากัน”
“คุณหนูจะไปสอบถามเรื่องยาที่ฝากขายหรือเจ้าคะ”
“ใช่”
“ให้เสี่ยวจูไปแทนก็ได้เจ้าค่ะ”
“ได้อย่างไรถ้าอย่างนั้นไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ อาเจียวไปกับข้าด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ,เจ้าค่ะ” ทั้งอาเจียวและเสี่ยวจูจำเป็นต้องยอมตามใจคุณหนูเพราะขัดใจไปก็ไม่ได้อะไร อยู่เฉย ๆดัั่งสตรีในห้องหอนั้น อย่าได้คิดเรื่องนั้นเชียว
หนึ่งเดือนสำหรับการทำการปลูกผัก ทำนา ทำไร่ ทุกอย่างเติบโตมาอย่างดี และโตไวเกินคาด ข้าวอีกสองเดือนเก็บเกี่ยวได้ ส่วนผักหลังเรือนก็พร้อมเก็บกินกันตั้งแต่สองอาทิตย์ที่ลงปลูก และมันก็ดกและผลใหญ่เกินกว่าที่คิด กลายเป็นกินกันเองไม่ทัน จึงต้องนำไปขายบ้าง
หนิงฮวายืนมองแปลงผักทั้งหมดห้าสิบแปลงที่แข่งกันเติบโต เหมือนกับยืนอยู่ในเมืองยักษ์อย่างนั้นแหละแต่ละแปลงได้ไม่มากแต่ลูกใหญ่มาก หนิงฮวากำลังคิดว่าเธอปรุงยาผิดหรือเปล่าก็ไม่นะตามสูตรที่เขียนเพียงแต่หนึ่งชั่งมันเท่าไหร่ไม่รู้ก็ใส่ ๆมันไป
“ป้าเหลียงท่านว่าหากเรานำขายในเมืองจะขายได้หรือไม่”
“ได้สิเจ้าค่ะเดี๋ยวป้าเป็นคนไปขายให้เอง”
“ถ้าอย่างนั้นให้อาห้าวพาป้าไปส่งวางแผงขายตอนเช้า”ช่วงเย็นค่อบกลับมาละกัน"
“อีกอย่างให้อาห้าวหาม้าดีสักตัวเรื่องราคาไม่เกี่ยงขอให้เลือกให้เหมาะสมก็แล้วกัน” รายจ่ายข้ามาอีกแล้วม้าจะสักเท่าใดกัน
“เรื่องนั้นเดี๋ยวให้ตาเฒ่าดูให้ดีกว่านะเจ้าคะคุณหนู” ป้าเหลียงรู้ดีว่าสามีของตนรู้เรื่องม้าเยอะน่าจะหาได้ดี
“จริงสิป้าข้าลืมว่าข้าขี่ม้าเป็นนี่นาถ้าอย่างนั้นส่งท่านเสร็จข้าจะไปตลาดค้าม้าเสียหน่อย”
“ตามใจคุณหนูเจ้าค่ะ”
เสี่ยวจู อาเจียว ลุงหลิว ต่างช่วยกันเก็บมะเขือเทศลูกโตสีแดงที่ใหญ่เท่าสองกำมือลงตะกร้าอย่างเบามือ ผักกาดขาวหัวโตโต ใหญ่เท่าเป็นสามเท่าของขนาดปกติ ยังไม่พูดถึงผักและสมุนไพรอื่น ๆอีกมาก ซึ่งเป็นการเก็บผักที่ทุลักทุเลเพราะหนึ่งตะกร้านั้นใส่ได้เพียงห้าหัวถึงหัวเท่านั้น
“คุณหนูแล้วแบบนี้จะขนไปได้อย่างไรหมดเจ้าคะ”
“เท่าไหร่ก็เท่านั้นไม่ต้องมากเอาแค่ขายได้เล็กน้อยเพื่อเรียกลูกค้าเสียหน่อย” มะเขือเทศลูกหนึ่งกินได้ทั้งบ้านแค่คิดก็อิ่่มแล้ว
เพราะหากมากไปก็ไม่ดีช่วงนี้ผักสดเริ่มหายากมากแล้วผักของหนิงฮวารอบนี้ยังถือว่าไม่ทำให้ใครสงสัยมากนักแต่เก็บไว้มากก็ไม่ได้ ส่วนที่ต้องถนอมเก็บไว้หน้าหนาวก็ทำแล้ว แจกก็แจกแล้วยังเหลือพอสมควร ส่วนที่ยังไม่โตเต็มที่ก็ยังมีอยู่ จึงนำออกขายสักหน่อย
ขายผัก ขายสมุนไพร ขายอะไรต่อดี