"ทำไมกลับมาเร็วจังล่ะคะคุณหญิง" จันทรเอ่ยขึ้นเมื่อดเห็นหญิงลักษ์ณาราเดินเข้ามาในบ้าน แต่สีหน้ากลับดูไม่ดีนัก
"ได้เจอกับคุณชายอนุพันธ์"
จันทรถามหญิงสาวต่อ ในขณะที่หญิงเพ็ญดาลักษณ์ซึ่งกำลังพาแขกเดินขึ้นไปข้างบนพอดี หญิงลักษณ์ณาราจึงไม่ได้ตอบคำถามของแม่นม แต่เธอกลับเดินตรงไปที่พี่สาวแทน
"นั่นใครน่ะ ทำไมต้องพาขึ้นข้างบนด้วย" เธอถามหญิงเพ็ญ
"ต่างตัดชุดน่ะ หม่อมย่าท่านเรียกมาวัดตัวเพราะท่านจะตัดชุดใส่ไปงานเลี้ยงต้อนรับพี่ชายพันธ์ในวันมะรืนนี้" หญิงเพ็ญบอกเธอ
"อ๋อ พี่ก็เลยกะจะประจบหม่อมย่าตัดชุดสวยๆ ให้ตัวเองได้ออกงานด้วยงั้นสิ"
หญิงลักษ์ณาราย้อนหญิงเพ็ญอย่างรู้ทัน ในขณะที่ช่างตัดเสื้อได้แต่ยืนก้มหน้ากันด้วยความอึดอัดเพราะเป็นช่างประจำของวังนี้และเจอกับเหตุการณ์ที่สองพี่น้องปะทะกันบ่อยๆ โดยคนเป็นน้องที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเสมอ.
"ชุดสวยๆ พี่มีเยอะแล้ว"
"อีกอย่างถ้าจะหาชุดไปออกงานสักชุดพี่ออกเงินตัดเองได้ไม่จำเป็นต้องประจบหม่อมย่าอย่างที่เธอว่าหรอก"
หญิงเพ็ญสวนกลับมาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็นั่นแหละ....อย่างที่ทุกคนรู้ว่าตนกับหญิงลักษณ์ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่ แต่คนเป็นพี่ก็ไม่อยากจะถือสาหาความจากน้องสาวที่จ้องจะหาเรื่องตนอยู่ตลอดมาใส่ใจเพราะเจอคำพูดพวกนี้มาจนเคยชินแล้ว
"งั้นก็แล้วไปสิ" หญิงลักษณ์ยักไหล่ใส่
"แต่เอาจริงๆ พี่ไม่จำเป็นต้องไปก็ได้นะ" หญิงลักษณ์พูดต่อ
"งานเลี้ยงพี่ชายพันธ์มีแต่คนที่เป็นเจ้าเป็นนายทั้งนั้น ลูกนางต้นห้องแถมยังเป็นฆาตกรไม่จำเป็นต้องไปเสนอหน้าให้กับแขกในงานให้อายวงศ์ตระกูลของเราหรอกมั้งคะ" และคำพูดของเธอก็ทำให้หญิงเพ็ญหน้าเสียทันที.
"หยุดนะหญิงลักษณ์!"
เสียงของท่านชายศักดาธรดังขึ้นพร้อมกับเดินลงบันไดมา
“ท่านพ่อ” หญิงลักษณ์ชะงัก ในขณะที่หญิงเพ็ญได้แต่ยืนก้มหน้าเงียบ
"หยุดดูถูกและกล่าวหาว่าแม่ของหญิงเพ็ญเป็นฆาตกรสักที" ท่านชายศักดาธรตำหนิเธอ.
"แล้วก็จำไว้ด้วยว่าหญิงเพ็ญเป็นพี่สาวของเธอ เธอควรเคารพพี่สาวตัวเองให้มากกว่านี้"
สิ่งที่ปวดใจที่สุดสำหรับคนเป็นพ่อคือการเห็นลูกทั้งสองไม่รักกัน หากเป็นเช่นนี้แล้วตนจะนอนตายตาหลับได้อย่างไร....
"ก็มันจริงนี่คะ นังเดือนแรมมันเป็นคนฆ่าแม่ของหญิง หญิงจะ...."
เพี๊ยะ!
แต่หญิงลักษณ์ยังพูดไม่ทันจบเธอก็ถูกคนเป็นพ่อตบจนหน้าหัน
"ท่านพ่อ...."
หญิงลักษณ์จับแก้มข้างที่ถูกตบพลางมองท่านพ่ออย่างคาดไม่ถึงและน้อยใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพ่อลงไม้ลงมือกับเธอ ในขณะที่หญิงเพ็ญเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
"ไม่มีอะไรพิสูจน์ว่าแม่ของหญิงลักษณ์เป็นฆ่าท่านแม่ของเธอ ตำรวจก็ชันสูตรไปแล้วว่ามันอุบัติเหตุ" ท่านชายศักดาธรบอกลูกสาวและไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมหญิงลักษณ์ถึงยังหมกมุ่นนัก
"เลิกหมกมุ่นเรื่องนี้สักนี้สักที"
ท่านชายสั่งลูกสาวอย่างเด็ดขาด ในขณะที่หญิงลักษณ์ได้แต่ยืนน้ำตาคลอ ใครไม่เป็นเธอไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกนี้หรอก.
จันทรบอกกับเธอว่าท่านพ่อกับท่านแม่แต่งงานกันเพราะความเห็นชอบของผู้ใหญ่ที่หมั้นหมายเอาไว้ ท่านแม่นั้นแต่งงานและเข้ามาอยู่ในวังพินิจอนันต์ด้วยความรักโดยไม่รู้มาก่อนเลยว่าท่านพ่อมีลูกและเมียบ่าวซ่อนอยู่ในวังนั่นก็คือเดือนแรมนางต้นห้องของหม่อมดาวดีผู้เป็นย่าและลูกที่เกิดจากเมียบ่าวก็คือหญิงเพ็ญดาลักษณ์นั่นเอง.
แต่ด้วยความที่รักท่านพ่ออย่างสุดหัวใจและต้องรักษาหน้าตาของวงศ์ตระกูลทั้งสองไว้ ท่านแม่จึงต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดไว้อยู่ในวังนี้ต่อไปในฐานะเมียแต่งออกหน้าออกตาและจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทว่าความจริงแล้วแม่นมจันทรบอกกับเธอในวังพินิจอนันต์แห่งนี้ท่านแม่ก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นเมียน้อยที่มีเมียหลวงเป็นเมียบ่าวเลยสักนิด
“ก็ถ้ามันไม่ได้เป็นฆาตกรแล้วจะหนีไปทำไม?”
หญิงลักษณ์ย้อนถามผู้เป็นพ่อเพราะในวันที่แม่ของเธอเสียชีวิตแม่ของหญิงเพ็ญก็หนีหายสาบสูญไปตั้งแต่ตอนนั้น ในขณะที่หญิงเพ็ญได้แต่ยืนเงียบแต่เต็มไปด้วยน้ำตา .
“ใช่สิ เพราะท่านพ่อไม่เคยรักท่านแม่ของหญิงนี่”
หญิงสาวตัดพ้อ พ่อมีลูกมีเมียอยู่แล้วแต่กลับหลอกท่านแม่ของเธอให้แต่งงานด้วย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นทุกคนในวังนี้ร่วมถึงหม่อมย่าก็จงใจที่จะหลอกแม่ของเธอ หญิงลักษณ์จึงไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่เธอไม่เคยได้รับความรักและความเอ็นดูจากท่านพ่อและหม่อมย่าได้เท่ากับลูกที่เกิดจากเมียบ่าวเลย
“ท่านพ่อถึงไม่คิดจะสนใจพิสูจน์ว่าหม่อมแม่ตายเพราะอุบัติเหตุหรือมีคนจงใจฆ่าท่านกันแน่” ประโยคสุดท้ายหญิงลักษณ์ปรายตาไปมองที่สาวที่เธอปักใจเชื่อ
“แต่ตราบใดที่หญิงยังมีลมหายใจอยู่ จำไว้นะคะว่าหญิงนี่แหละจะเป็นคนลากตัวฆาตกรมาลงโทษเอง!”
พูดจบหญิงสาวก็วิ่งขึ้นไปบนห้องของตัวเองทันทีท่ามกลางความเหนื่อยหน่ายใจของผู้เป็นพ่อ
"อย่าไปสนใจคำพูดของน้องเลยนะหญิงเพ็ญ" ท่านชายศักดาธรหันมาบอกกับลูกสาวอีกคนที่ยังยืนอยู่
"หญิงได้ยินคำพูดพวกนี้ของหญิงลักษณ์มาจนชินแล้วค่ะ แต่หญิงก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าที่หญิงลักษณ์พูดกรอกหูหญิงอยู่ทุกวันมันเป็นความจริงรึเปล่า"
"ถ้าแม่ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการตายท่านหญิงลักษมีจริงๆ ทำไมแม่ต้องหนีด้วย" หญิงเพ็ญบอกผู้เป็นพ่อ
"แล้วแม่ไม่คิดถึงหญิงบ้างเลยหรอคะ....?"
หญิงเพ็ญถามผู้เป็นพ่อด้วยน้ำตาเพราะตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีข่าวหรือจดหมายจากแม่เลยสักฉบับ หญิงเพ็ญจึงได้แต่ปลอบตัวเองแม่ก็คิดถึงตนเหมือนที่ตนคิดถึงท่านอยู่นั่นแหละ เพียงแต่ท่านคงกลัวความผิดจึงมาให้ตนเห็นไม่ได้ .
แต่ทว่าการปลอบตัวเองด้วยวิธีนี้กลับทำให้ตนยิ่งเชื่อว่าแม่เป็นฆาตกรจริงๆ อย่างที่หญิงลักษณ์พูด ในขณะที่ผู้เป็นพ่อได้แต่หนักใจเพราะแท้จริงแล้วตนเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
"หญิงเพ็ญ พ่ออยากให้ลูกจดจำไว้ว่าแม่ของลูกเป็นคนดี"
...................