Shot 27 : นางฟ้าลอกคราบ
.
..
…
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในย่านธนบุรี
บทสนทนาระหว่างเก้าและกลัฟ
(คือ...) ปลายสายมีน้ำเสียงอ้ำอึ้ง
“มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่าครับพี่เก้า” กลัฟพูดย้ำ
(อะเอ่อ... โรงพยาบาลxxx ชั้น 9 ห้อง 909 นะครับน้องกลัฟ) เก้าพูด
“ครับ แล้วพี่มิวเป็น...” ในจังหวะที่กลัฟกำลังจะถามนั้น
(แค่นี้ก่อนนะครับพอดีคุณหมอเข้ามาตรวจแล้วครับ) เก้าพูดตัดบทก่อนจะรีบวางสายไปทันที
ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด
จบบทสนทนา
“อ้าว” กลัฟมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายเสียดื้อๆด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่นเพราะยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
“พี่มิวเนี่ยนะเป็นลมหมดสติ ก่อนเราจะมาก็ยังดีดีอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่” กลัฟได้แต่บ่นพึมพำอย่างใช้ความคิด
“คุยกับแม่ซื้อหรอลูก” คุณแม่เอ่ยแซวเมื่อเห็นลูกชายยืนบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
“แม่อ่า กลัฟก็แค่สงสัยว่าทำไมพี่มิวถึงเป็นลมหมดสติ” กลัฟหันไปพูดกับแม่ของตน
“เป็นห่วงเค้าขนาดนั้นก็ไปเถอะลูก” คุณแม่พูด
“แต่...” กลัฟมีท่าทีลังเล
“แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว พรุ่งนี้คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่คนทางนู้นยังไม่ได้สติเลยไม่ใช่หรอ” คุณแม่พูด
“งั้น กลัฟไปก่อนนะแม่” พูดจบกลัฟก็รีบออกไปทันที
...
..
.
เย็นวันนั้น
โรงพยาบาลเอกชนย่านวังนนท์
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
กลัฟเคาะประตูอย่างคนมีมารยาทก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
“เอ่อ...” กลัฟมองคุณพยาบาลพิเศษที่นั่งเฝ้าไข้อยู่ภายในห้อง
“สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมคนไข้หรอคะ” คุณพยาบาลเอ่ยทักอย่างมีมารยาท
“ครับ พี่มิวเป็นยังไงบ้างครับ” กลัฟเอ่ยถาม
“คนไข้ยังไม่ฟื้นเลยค่ะ” คุณพยาบาลตอบ
“เค้าเป็นอะไรหรอครับพอดีผมไปธุระเพิ่งกลับมา เอ่อ...ผมเป็นแฟนเค้าครับ” กลัฟพูดก่อนจะแนะนำตัวเพื่อให้คุณพยาบาลวางใจว่าเขามาดี
“ค่ะ คนไข้ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ร่างกายคนไข้อ่อนเพลียอาจจะเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอค่ะ” คุณพยาบาลบอกรายละเอียดพลางยิ้มให้กลัฟอย่างเป็นมิตร
“แล้วทำไมเค้ายังไม่ฟื้นอีกล่ะครับ” กลัฟอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“เป็นผลข้างเคียงจากยาน่ะค่ะ เพื่อให้คนไข้ได้รับการฟื้นฟูร่างกายได้อย่างเต็มที่” คุณพยาบาลอธิบาย
“ขอบคุณครับ” กลัฟยิ้มรับกับคำตอบนั้น
“เอ่อ เดี๋ยวดิชั้นออกไปรอข้างนอกนะคะ ถ้ามีอะไรกดเรียกได้ทันทีเลยนะคะ” คุณพยาบาลเอ่ยอย่างมีมารยาทก่อนจะเดินออกไปเพื่อให้ทั้งสองได้อยู่กันตามลำพัง
“ครับ” กลัฟพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ
เมื่อคุณพยาบาลออกไปแล้ว กลัฟเดินไปหามิวที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงคนไข้
มือสวยแตะเบาๆไปตามร่างกายของคนนอนหลับอย่างเป็นห่วงเป็นใยด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับ” กลัฟพึมพำกับคนหลับ
“กลัฟ” มิวเพ้อเรียกชื่อกลัฟทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“พี่มิว” กลัฟเรียกมิวที่มีอาการคล้ายคนกำลังฝันร้าย
“กลัฟอย่าทิ้งพี่ไป พี่ไม่อยากอยู่แล้ว” มือหนาไขว่คว้าสะเปะสะปะ
“พี่มิวครับ กลัฟอยู่นี่แล้ว” กลัฟคว้ามือมิวมาจับไว้
“ฮึก กลัฟ” มิวสะอื้นทั้งที่ยังคงไม่ลืมตา
“พี่มิวครับ” กลัฟเรียกเพื่อให้มิวได้สติอย่างนึกเป็นห่วง
คนละเมอเพ้อนิ่งไปอีกครั้งพลางจับเอามือสวยกุมไว้แน่น
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ” กลัฟพูดพลางกดกริ่งเรียกคุณพยาบาล
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูพร้อมกับผู้มาใหม่ที่เดินเข้ามาสองคน
“อุ้ย! น้องกลัฟ” เก้าถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นว่าใครอยู่ในห้อง
“ตกใจอะไรขนาดนั้นครับ แล้วคุณพยาบาลล่ะครับ” กลัฟพูดอย่างร้อนใจก่อนจะถามหาคุณพยาบาล
“เอ่อ...” ไม่ทันที่เก้าจะได้ตอบ คุณพยาบาลก็เดินเข้ามาพอดี
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” คุณพยาบาลถามขึ้นทันทีที่เดินเข้ามา
“เมื่อกี้พี่มิวฟื้นแล้วครับ” กลัฟพูด
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนญาติรอด้านนอกสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิชั้นจะตามคุณหมอเข้ามาเช็คอาการค่ะ” คุณพยาบาลพูด
“ฝากด้วยนะครับ” กลัฟพูดก่อนจะค่อยๆแกะมือตัวเองออกมา
“ไม่ต้องห่วงนะคะ” คุณพยาบาลพูดพลางยิ้มอย่างปลอบใจ
...
..
.
ด้านนอก
กลัฟมองเก้าและเกรทอย่างคนจับผิดด้วยสายดุ
เก้าหลบสายตากลัฟอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ส่วนเกรทก็เอาแต่ก้มหน้าอย่างคนมีพิรุธ
“พี่มิวเป็นอะไรครับ มีใครพอจะบอกผมได้มั้ย” กลัฟพูดด้วยน้ำเสียงเรียบไม่ถึงกับดุ แต่คนฟังกลับรู้สึกเกร็งจนขนลุก
“มะมันทำงานหนัก” เก้าพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายคนลน
“ชะใช่ช่วงนี้งานมันเยอะไม่ได้หลับได้นอนเลยครับน้องกลัฟ” เกรทพูดเสริมคล้ายคนกำลังช่วยกันแก้ตัว
“แน่ใจหรอครับ ไม่ใช่ว่า...” ในขณะที่กลัฟกำลังจะคาดคั้นทั้งสองคนนั้น ผู้มาใหม่ก็เดินเข้ามาพอดี
“อ้าว มายืนทำอะไรกันตรงนี้” คริสเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสดใสตามแบบฉบับของเจ้าตัว
“นางฟ้ามาโปรด” เกรทพึมพำด้วยความโล่งใจกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้
“สวัสดีครับพี่คริสพี่สิงโต คุณหมอตรวจพี่มิวอยู่ครับ” กลัฟเอ่ยทักพลางตอบคำถามของคริส
“ยืนทำอะไรกันตรงนี้ แล้วเจ้ามิวเป็นยังไงบ้าง” ต๋องเองก็มาเยี่ยมน้องชายของเขาเช่นกัน
“สวัสดีครับพี่ต๋องพี่มินนี่” กลัฟเอ่ยทัก
“อ้าวกลัฟกลับมาแล้วหรอ” มายด์พูดออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นกลัฟยืนอยู่
“พวกมึง” กลัฟมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ทำไมกูรู้สึกว่าไม่อยากให้มันกลับมาวะ” มายด์ชะงักกับรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวกลัฟก่อนจะเดินไปหลบหลังไบรท์
“ไอ้ไบรท์” กลัฟพูดเสียงนิ่ง
“คะครับ” ไบรท์เองก็ตกใจเช่นกัน
“มึงจะครับทำไมก่อน” มายด์สะกิดไบรท์
“เอ่อ อะไร” ไบรท์พยายามทำตัวปกติ
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูของคุณหมอคล้ายกับทางสู่สวรรค์อย่างไรอย่างนั้น
“คนไข้ฟื้นแล้วนะครับ เชิญได้เลยครับ” คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม
“จะไม่เป็นการรบกวนใช่มั้ยครับ” เกรทถามอย่างคนอยากเกรงใจ
“ใช่ครับเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกผมมาใหม่ก็ได้” เก้าเสริม
“ดีเสียอีกครับ หมออยากให้คนไข้มีเพื่อนมาอยู่ด้วยมากกว่า หมอขอตัวก่อนนะครับ” คุณหมอพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณครับคุณหมอ” กลัฟเอ่ยขอบคุณก่อนที่คุณหมอจะเดินจากไป
“เข้าไปสิครับ” กลัฟพูดพลางหันไปมองเก้าที่ยืนอยู่ใกล้ประตูที่สุด
“เอ่อ” เก้าอึกอักเพราะไม่อยากจะเข้าไป
“ทำไมอยู่ๆก็อยากมีธุระขึ้นมากะทันหันวะ” เกรทพึมพำกับตัวเอง
“เชิญครับ” กลัฟพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อทุกคนยังคงยืนนิ่ง
“กลัฟ เข้าไปกันหมดมันจะไม่แออัดเหรอวะ” มายด์พูดอย่างนึกหาเหตุผล
“ใช่ๆ เดี๋ยวพวกพี่มาวันหลังก็ได้” เก้ารีบพูดขึ้นอย่างคนกำลังจะชิ่งหนี
“นี่มันห้องพิเศษใหญ่กว่าโรงแรมเสียอีก เชิญครับ” กลัฟพูดพลางผายมือเป็นการเชิญที่ดูเหมือนบังคับเสียมากกว่า
“น่ากลัวกว่าไอ้มิวก็น้องกลัฟเนี่ยล่ะ” เกรทกระซิบบอกเก้า
“ขนลุกหมดแล้วเนี่ย” เก้าพูดก่อนจะเปิดประตูแล้วหันไปมองพี่ต๋องและทุกคนเพื่อให้เดินเข้าไปก่อน
ปัง!
กลัฟที่เดินเข้าไปคนสุดท้ายจงใจปิดประตูเสียงดัง
“เฮ้ย!” เก้าสะดุ้งตกใจ
“เป็นอะไรครับ ขวัญอ่อนกันจังเลยนะ...ก็แค่ปิดประตู” กลัฟพูดอย่างนึกสนุกก่อนจะเดินผ่านเก้าและเกรทเข้าไปด้วยรอยยิ้มร้าย
“กลับตอนนี้ทันป่ะวะ” เกรทกระซิบถามเก้า
“ไม่ทันแล้วมึง” เก้าพูดก่อนจะเดินตามเข้าไป
...
..
.
ห้องผู้ป่วย VIP
“พี่มิวเป็นยังไงบ้างครับ” คริสเอ่ยถามทันทีที่เห็นว่ามิวลุกขึ้นมานั่งจิบน้ำ
“พี่ง่วงนอนอ่ะ” มิวทิ้งตัวพลางหลับตาลงอย่างคนไม่อยากตื่นมาพบใคร
“เพิ่งตื่นไม่ใช่หรอครับ จะนอนอีกแล้วหรอ” กลัฟพูด
“กลัฟ! กลัฟกับมาหาพี่แล้ว” เป็นเสียงที่มิวจำได้ขึ้นใจ เขาลุกพรวดขึ้นมานั่งอย่างดีใจพลางทำท่าจะแกะสายน้ำเกลือออก
“เฮ้ยไอ้มิวใจเย็น” สิงโตคว้าแขนมิวไว้ได้ทัน
“พี่มิว!” กลัฟรีบเดินเข้าไปหามิวทันทีที่เห็นว่ามิวทำท่าจะลงมาจากเตียงคนไข้
“กลัฟ ฮึก กลัฟหายไปไหนมา เรื่องมินนี่พี่อธิบายได้นะครับ ได้โปรดฟังพี่นะครับ” มิวร้องไห้พลางคว้าเอวบางเข้ามากอดไว้แน่น
“ไม่ร้องนะครับพี่มิว แล้วก็ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น แม่กลัฟเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยกลัฟก็เลยรีบกลับไป แต่...” ในจังหวะที่กลัฟกำลังจะพูดต่อนั้น
“มินนี่ท้องกับพี่ต๋องไม่ได้ท้องกับพี่” มิวรีบอธิบายพลางช้อนตามองกลัฟด้วยน้ำตาที่รื้นขึ้นอย่างไม่อาจห้าม
“กลัฟรู้แล้วครับ รู้ตั้งแต่วันนั้น” กลัฟลูบหลังมิวอย่างปลอบโยน
“แล้ว...” มิวขมวดคิ้วมุ่นด้วยกำลังประมวลผลในหัว
“กลัฟบอกคุณมีนาไว้ว่าฝากบอกพี่มิวด้วยว่ากลัฟจะกลับไปหาแม่” กลัฟพูด
“แต่มีนาไม่ได้บอกพี่ ทำงานบกพร่องแบบนี้พี่คงต้องไล่ออก” มิวพูดด้วยความโมโหทั้งที่ยังคงนั่งกอดกลัฟไว้แน่น
“ทำงานบกพร่องหรือโดนใครขอไว้หรือเปล่า” กลัฟพูดก่อนจะปรายตาไปมองต๋อง
“พี่ต๋อง! เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าพวกมึง...” คิดได้ดังนั้นมิวจึงหันไปหาทุกคนอย่างคาดโทษ
“ใช่ ก็แค่อยากจะดัดนิสัยคนที่ชอบเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น เป็นยังไงล่ะ...รู้หรือยังว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน” ต๋องพูด
“แต่ก็ไม่ควรเล่นกันถึงตาย!” กลัฟพูดติดจะขึ้นเสียง
“ตะแต่เจ้ามิวก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ครับน้องกลัฟ” ต๋องพยายามแก้ตัว
“ถึงกับหมดสติไปเนี่ยนะไม่ได้เป็นอะไรมาก” กลัฟถามด้วยใบหน้าโกรธเคือง
“กลัฟ” มิวแสร้งช้อนตามองกลัฟด้วยท่าทีออดอ้อนอย่างคนน่าสงสาร
“โทรมขนาดนี้ทำไมยังเล่นกันอยู่ได้ ท่าทางจะว่างกันมากนะครับ” กลัฟพูดอย่างโกรธเคืองเมื่อเห็นมิวซูบลงอย่างเห็นได้ชัด
“พี่เก้า!” กลัฟหันไปหาเก้าเป็นคนแรก
“คะครับ” เก้ารับคำด้วยความตกใจ
“เดือนนี้ทั้งเดือนผมจะให้พี่มิวนอนพักอยู่ที่บ้าน พี่ต้องทำงานแทนพี่มิวทั้งหมด” กลัฟพูด
“ห๊ะ แล้วนัดดีลงานกับลูกค้าล่ะครับ” เก้าเอ่ยถาม
“สภาพพี่มิวตอนนี้ลูกค้าจะเชื่อถือมั้ยล่ะครับ อ้อแล้วเอกสาร... รบกวนเอามาให้พี่มิวเซ็นต์ที่บ้านด้วยนะครับ” กลัฟพูด
“ห๊ะ” เก้าทำหน้าเหวอ
“เอกสารรบกวนเอามาด้วยตนเองนะครับเพื่อป้องกันการทุจริต” กลัฟพูดดักทางในขณะที่เก้ายังคงเหวออยู่
“แต่คนในบริษัทไว้ใจได้นะครับ” เก้าพูด เพราะเอกสารที่มิวต้องเซ็นต์นั้นถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
“มีใครไว้ใจได้บ้างงั้นหรอครับ” กลับสวน
“น้องกลัฟพี่ปวดหัวจังเลย” มิวกอดกลัฟแน่นพลางซบหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบด้วยรอยยิ้มร้ายที่มุมปาก
“ไอ้มิวมึงมัน...” เกรทเห็นเช่นนั้นจึงพูดขึ้น
“พี่เกรท!” กลัฟหันไปโวยใส่เกรท
“ครับ” เกรทถึงกับอ้าปากค้าง
“ช่วยพี่เก้าทำงานด้วยนะครับ” กลัฟพูด
“แต่มันคนละบริษัทกันนะครับน้องกลัฟ” เกรทแย้ง
“แต่ว่า... ถ้า M Group ถอนตัวออกจากบริษัท G Group ล่ะครับ พอจะช่วยพี่เก้าได้มั้ย” กลัฟพูดอย่างถือไพ่เหนือกว่า
“ยะอย่านะครับน้องกลัฟ เดี๋ยวพี่ไปช่วยงานไอ้เก้าก็ได้ครับ” เกรทพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง
“พี่สิงโต” กลัฟหันไปเรียกสิงโตด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจแต่ไม่ใช่ตวาด
“ครับ” สิงโตหันไปมองหน้าคริสก่อนจะหันไปมองกลัฟ
“เสียแรงนะครับที่ผมอุตส่าห์เคารพนับถือพี่มากที่สุด” กลัฟพูดอย่างคนผิดหวัง
“แต่พี่โดนบังคับนะครับ” สิงโตแย้ง
“พี่คริสมากกว่ามั้งครับที่โดนบังคับ” กลัฟพูด
“ไอ้ไบรท์!” กลัฟหันไปโวยใส่ไบรท์
“กลัฟ กูไม่เกี่ยว” ไบรท์รีบพูด
“แต่กูโทรหามึงเพราะแม่เมมเบอร์มึงไว้แค่คนเดียว” กลัฟพูด
“พี่ทิ้งงานไปหาไบรท์ที่มหาลัยด้วยนะ พูดดีดีกับเค้าด้วยแต่เค้าก็ไม่บอก” มิวทำหน้าอย่างคนน่าสงสารก่อนจะหันไปยักคิ้วใส่ไบรท์
“เฮ้ยพี่! มึงใส่ร้ายผมหรอ” ไบรท์โวย
“กลัฟฟฟ” มิวช้อนตามองกลัฟด้วยสายตาละห้อยอย่างคนฟ้อง
“หุบปากไปเลยไอ้ไบรท์กูรู้ว่ามึงไม่ชอบพี่มิว” กลัฟว่าไบรท์
“กูก็แค่ช่วยพี่เก้า เค้าขู่บังคับกูอ่ะ” ไบรท์หันไปโบ้ยให้เก้า
“อ้าว” เก้าทำหน้าเหวอ
“ไอ้มายด์ก็อยู่ด้วย” ไบรท์หาพยาน
“มายด์” กลัฟมองหน้ามายด์อย่างจับผิด
“กะกูไม่รู้เรื่อง” มายด์ยกมือโบกไปมาด้วยท่าทีลุกลน
“พี่มินนี่ครับ” กลัฟหันไปหามินนี่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“มินนี่ไม่เกี่ยว” ต๋องเอ่ยปกป้องแฟนสาว
“เกี่ยวสิครับ เพราะพี่ต๋องต้องไปดูงานให้คุณป๊าที่อเมริกา...อีกอย่างบริษัทลูกอย่าง T Group คงจะรับงานน้อยเกินไป เดี๋ยวผมแจ้งบริษัทแม่ให้นะครับ” กลัฟพูดกับต๋องด้วยวาจานางมารแบบสวยๆ
“ช่วงนี้พี่มินนี่ก็อาจจะเหงาๆหน่อยนะครับ เพราะพี่ต๋องงานเยอะ” กลัฟพูดพลางยิ้มหวานที่เคลือบยาพิษให้มินนี่ก่อนจะปรายตามองต๋องเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรค่ะน้องกลัฟ” มินนี่ยิ้มให้กลัฟ
“หึหึ พี่ไม่เคยเห็นใครสั่งคุณป๊าได้” ต๋องพูดด้วยคิดว่าถือไพ่เหนือกว่า
“พี่ต๋องครับ” กลัฟยิ้มหวานที่ไม่ได้หวานจากใจ
“ครับ” ต๋องยิ้มหวานให้กลัฟเช่นกัน
ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างไม่ยอม
“พอดีว่าผมเป็นลูกสะใภ้คนโปรด” กลัฟพูดขึ้น
“ละแล้วไง” ต๋องมีสีหน้าเจื่อนลง
“บอกไว้เผื่อไม่รู้” กลัฟยิ้มหวานให้ต๋อง ซึ่งต๋องบอกได้คำเดียวว่ารอยยิ้มของนางมารชัดๆ
เสียงโทรศัพท์
ต๋องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาปรายตามองกลัฟเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย
“ครับ” ต๋องรับสายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ห๊ะ! อยู่ที่บริษัท”
“ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“ขยันจังเลยนะครับ หมดเวลางานแล้วยังต้องเข้าบริษัทอีก” กลัฟเอ่ยแซวทันทีที่ต๋องวางสาย
“น้องกลัฟ พี่มองเราผิดไปจริงๆ เธอมันนางมารชัดๆ” ต๋องพูดอย่างคนแพ้
“ผมก็ไม่เคยบอกนะครับว่าตัวเองเป็นนางฟ้า” กลัฟพูดพลางยกยิ้มร้ายให้ต๋องด้วยใบหน้าที่แสนจะเชิดหยิ่งดุจนางพญา
...
..
.
... โปรดติดตามตอนต่อไป...
อย่าไปแหย่คนของเค้าอีกนะคะ อย่าให้นางมารออกโรงบ่อย แต่แอบหมั่นไส้พี่มิวอ่ะ
ตอนต่อไปไรท์ขออนุญาตปิดเรื่องแล้วนา มีใครอยากอ่าน NC ส่งท้ายมั้ยคะเดี๋ยวเค้าเขียนให้ เพราะไรท์คงจะหายไปอีกนานพอสมควรกว่าจะเปิดเรื่องใหม่
ขอบคุณที่อ่านนะคะ
เฮ้อออ ตอนนิยายไม่จบก็อยากแต่งให้จบๆ พอนิยายจะจบทำไมมันโหวงๆแปลกๆ
...จากตอนที่แล้ว...
คุณ [Pantita] : ถ้าจัดอันดับความเร็วคือยกให้ที่ 1 เลยนะ อิอิ น่าร้ากกก
คุณ [สุจิตรา ปุริมาตร] : ถ้าอ่านตอนนี้จบตัวเองจะบอกว่าหมั่นไส้พี่มิวมากกก ฮ่าๆๆ
คุณ [nippychen] : เอาจริงๆพี่เก้าน่าสงสารสุดนะ นี่ก็เพื่อนนั่นก็พี่ชายเพื่อน ละเหมือนจะโดนหนักสุดเลยด้วย ฮ่าๆๆ
คุณ [Ta] : ง่า เอาจริงๆก็ไม่ได้อะไรจากตอนนี้เลยนะคะ คล้ายว่ามีก็ได้ไม่มีก็ได้ แฮ่ๆ
คุณ [IOui] : ยินดีต้อนรับสู่ฟิคมิวกลัฟค่า ฟิคที่หาสาระไม่เจอเจอแต่ความฟินและแซ่บ อิอิ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านพร้อมคอมเมนท์คุยกันนะคะ น่าร้ากกก