โครม!!
เสียงคล้ายของชิ้นใหญ่ตกกระแทกพื้นห้องทำให้สุรนันทน์สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ หญิงสาวเด้งตัวขึ้นจากที่นอนหัวใจเต้น ตึก! ตึก... จนหายใจหอบ
“ เสียงอะไรวะ? ” สุรนันทน์งึมงำด้วยความหงุดหงิดก่อนจะนึกได้ว่าที่ห้องรับแขกมีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่ เธอจึงรีบคว้าเสื้อคลุมมาสวมใสและสาวเท้ารวดเร็วออกไปที่ห้องรับแขกทันที
ทางด้านคิรากรที่พลัดตกจากโซฟานวมตัวใหญ่ลงมานอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นห้องก็พยุงตัวลุกขึ้นมานั่งลูบศีรษะป้อย ๆ เพราะศีรษะกระแทกพื้นห้องอย่างแรงจนรู้สึกมึนงงเขาลืมตาขึ้นกวาดตามองไปในห้องที่ไม่คุ้นเคยสีหน้าฉงนสนเท่ห์
“ อยู่ที่ไหนวะเนี่ย? ” คิรากรมองไปรอบห้องที่เขาไม่คุ้นเคยด้วยความประหลาดใจพลางนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
ในระหว่างที่คิรากรยังนึกอะไรไม่ออกเสียงประตูห้องนอนก็เปิดออกพร้อมหญิงสาวในเสื้อคลุมชุดนอนสีชมพูอ่อนเนื้อบางเบาเดินมาหยุดตรงข้างโซฟานวมที่คิรากรนั่งอยู่ ชายหนุ่มจึงหันไปมองที่หญิงสาวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ สาวได้ยินเสียงเหมือนของตกก็เลยเดินออกมาดูค่ะ ” สุรนันทน์พูดพลางสำรวจชายหนุ่มที่นั่งอยู่แล้วยิ้ม
“ อย่าบอกนะคะว่าเสียงเมื่อกี้นี้เป็นเสียงคุณกรตกลงมาจากโซฟาน่ะ ” สุรนันทน์ยิ้มกว้าง
คิรากรเอามือลูบท้ายทอยอย่างประหม่าเขาก้มหน้าลงยิ้มเก้อด้วยความอาย
“ ผมทำให้คุณสาวตื่นเลย ต้องขอโทษด้วยนะครับ ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อคืนนี้หลับสบายดีไหมคะ ” สุรนันทน์ถามต่อ
“ ครับ หลับสบายมากเลย แต่ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ ผมจำได้ว่าคุณสาวกับบาร์เทนเดอร์ของคุณพยุงผมให้ลุกจากเก้าอี้แล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ” คิรากรยังคงเอามือลูบท้ายทอยแล้วคอย ๆ เงยหน้าขึ้นมองสุรนันทน์ที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างพิจารณา
เช้านี้สุรนันทน์เพิ่งจะตื่นนอนใบหน้าของเธอก็ไม่ได้มีเครื่องสำอางแต่งแต้มอยู่เลย แต่แทนที่ใบหน้านั้นจะดูซีดเซียวอย่างผู้หญิงทั่วไปเวลาล้างเครื่องสำอางออกแต่เปล่าเลย แก้มของเธอยังคงอมชมพูดูสุขภาพดี ริมฝีปากอวบอิ่มก็มีสีชมพูอ่อน ๆ คิ้วที่หนาได้รูปอยู่แล้วยิ่งทำให้ดวงหน้าเปลือยเปล่าโดดเด่นน่ามอง เขามองเรื่อยลงมาถึงรูปร่างที่อวบอั๋นดูมีน้ำมีนวลยิ่งเธอสวมกระโปรงชุดนอนแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เห็นสัดส่วนน่าตรึงใจชัดเจนขึ้นถึงจะสวมทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวก็ตาม คิรากรลอบกลืนน้ำลายแล้วรีบผินหน้าออกไปมองหน้าต่างทันที
“ ดื่มกาแฟไหมคะ ” สุรนันทน์ถามแต่คิรากรนั่งใจลอยเลยไม่ได้ยิน
“ คุณกร คุณกรคะ! ” สุรนันทน์ถามอีกครั้งเขาจึงตอบ
“ ก็ดีครับ ” คิรากรแต่ก็ไม่กล้ามองสุรนันทน์ตรง ๆ
“ เดี๋ยวสาวไปชงให้นะคะ ” พูดจบสุรนันทน์ก็เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์กาแฟของเธอ เปิดเครื่องชงกาแฟและเปิดตู้เย็นหยิบเอาขนมปังเนยและแย้มผลไม้ออกมา
เพียงไม่นานกาแฟสดสองแก้วและขนมปังปิ้งก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะอาหารที่อยู่ตรงมุมห้องติดกับหน้าต่างกระจกบานใหญ่
“ คุณกรเชิญค่ะ กาแฟกับขนมปังเรียบร้อยแล้ว ” สุรนันทน์ไม่ได้นั่งดื่มกับเขาในทันทีแต่เธอกลับเข้าห้องเพื่อล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดูสุภาพมากกว่านี้
คิรากรมองตามสุรนันทน์จนเธอเปิดประตูเข้าห้องแล้วจึงถอนหายใจ “ ดื่มจนเมาไม่รู้เรื่องได้ยังไงวะ แล้วนี้เราทำอะไรบ้า ๆ ลงไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ” เขาพึมพำว่าตัวเองด้วยความรู้สึกอับอายแล้วจึงยกกาแฟขึ้นดื่มแต่ก็มือสั่นจนกาแฟในถ้วยกระฉอกออกมาเลอะเทอะเสื้อผ้า
“ ร้อน! ร้อน... ” น้ำกาแฟร้อน ๆ หกลวกเนื้อจนแดงระเรื่อ
สุรนันทน์รีบวิ่งออกมาดูแล้วเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นเช็ดตรงบริเวณที่ถูกกาแฟหกใส่ “ สาวว่าคุณกรเปลี่ยนเสื้อผ้าออกก่อนดีไหมคะเดี๋ยวสาวซักให้ คุณกรจะได้ล้างตัวด้วยตอนนี้คุณกลิ่นเหมือนละมุดเลย ”
คิรากรยกแขนขึ้นมาสูดกลิ่นตัวเองแล้วทำหน้าเบ้ “ เหมือนจริง ๆ ด้วยครับคุณสาว ” เขายิ้มแหย ๆ
“ ใช้ห้องน้ำในห้องสาวก็ได้ค่ะ มีผ้าขนหนูกับเสื้อคลุมอยู่ในนั้น แปรงสีฟันอันใหม่สาวก็วางเอาไว้ให้แล้ว ” สุรนันทน์บอก
“ ขอบคุณนะครับ ”
“ ระหว่างรอเสื้อผ้าคุณซักเสร็จคุณกรคงต้องสวมเสื้อคลุมอาบน้ำไปก่อนนะคะ ” สุรนันทน์พูดต่อ
คิรากรจึงลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปในห้องนอนของสุรนันทน์เพื่อจะไปอาบน้ำ เขาจึงถือโอกาสมองสำรวจห้องนอนของเธอไปด้วย
“ ไม่ต่างจากห้องทำงานเลยเรียบ ๆ แต่ก็ดูดี ” เขายิ้มอย่างพอใจแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ
สุรนันทน์เตรียมทุกอย่างเอาไว้อย่างที่เธอบอกเขาจริง ๆ เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดพับอย่างเรียบร้อยวางเอาไว้บนผ้าขนหนูสีเดียวกันบนโต๊ะอ่างล้างหน้า สุรนันทน์เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จจึงยังมีไออุ่น ๆ และกลิ่นหอมจากสบู่ของเธออบอวนอยู่ในห้องน้ำ คิรากรผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาออก
ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ คุณกรเอาเสื้อใส่ลงไปในตะกร้าแล้วส่งออกมาให้สาวนะคะ ”
“ ครับ ๆ ” คิรากรรับคำแล้วรีบทำตามทันที สุรนันทน์รับตะกร้าผ้าที่คิรากรส่งให้แล้วนำไปซัก
คิรากรใช้เวลาไม่นานนักก็อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเขายังคงสวมเสื้อคลุมเดินออกมานั่งที่โซฟานวมด้วยท่าทางขัดเขินวางไม้วางมือไม่ถูกจึงประสานมันเอาไว้บนตัก
“ อีกยี่สิบนาทีเสื้อของคุณก็จะเสร็จแล้วนะคะ คุณจะได้กลับบ้าน ” สุรนันทน์พูดขึ้นอย่างไม่ได้คิดอะไรแต่คิรากรรู้สึกเหมือนหญิงสาวกำลังไล่เขา
“ ผมคงรบกวนคุณสาวมากใช่ไหมครับ ” เขาพูดด้วยความน้อยใจทั้งที่ไม่รู้ว่าน้อยใจทำไม
“ เปล่านะคะ สาวไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะ ” สุรนันทน์รีบปฏิเสธ
คิรากรลอบยิ้มแล้วพูดต่อ “ คุณสาวคงรำคาญใช่ไหมครับที่ผมรบกวนคุณสาวแบบนี้ ”
“ ไม่ค่ะ ไม่ได้รำคาญเพียงแต่สาวคิดว่าคุณกรคงอยากกลับไปพักผ่อนที่บ้านของคุณมากกว่า ”
“ จริงนะครับ ” คิรากรถาม
“ ค่ะ ” สุรนันทน์ตอบ
ตุ๊ด ตุ๊ด... เสียงกดรหัสประตูห้องของสุรนันทน์ดังขึ้น สองคนมองหน้ากันแล้วจึงหันไปมองที่ประตูห้อง
“ ใครมา!? ” สุรนันทน์หน้าตื่น
“ แฟนคุณสาวหรือเปล่าครับ ” คิรากรถามหยั่งเชิง
สุรนันทน์ส่ายหน้า “ สาวไม่มีแฟนค่ะ หรือว่า... ” หญิงสาวผุดลุกขึ้นจากโซฟาและฉุดแขนชายหนุ่มให้ลุกตามเธอไปด้วย
“ คุณกรคะ คุณต้องหาที่ซ่อนเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ” สุรนันทน์ลากแขนคิรากรเข้าไปในห้องนอนของเธอมองซ้ายมองขวาแล้วตัดสินใจเปิดห้องแต่งตัวดันคิรากรเข้าไปในนั้น
“ อยู่ในนี้นะคะอย่างออกมาเด็ดขาดจนกว่าสาวจะมาเรียก ” พูดจบสุรนันทน์ก็ปิดประตูดังปัง! เกือบกระแทกหน้าคิรากรที่กำลังจะเอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้น
คิรากรหดหน้ากลับแทบไม่ทันเขาใจหายวาบและก็สงสัยว่าทำไมสุรนันทน์จึงต้องรีบเอาเขามาซ่อนในนี้
“ ไหนบอกว่าไม่มีแฟนไง แล้วนี้จะซ่อนเราทำไม ” ชายหนุ่มหงุดหงิดเดินงุ่นง่านกลับมากลับไปอยู่ในห้องแต่งตัวของหญิงสาว