แพรวาขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของบริษัทตามปรกติแต่ที่ผิดปรกติก็คือเธอมีที่จอดรถประจำในตำแหน่งรองผู้จัดฝ่ายประชาสัมพันธ์ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน พนักงานรักษาความปลอดภัยพอเห็นรถยนต์ที่มีเลขทะเบียนตรงกับที่ติดเอาไว้ที่แผงรั้วเหล็กก็รีบเข็นรั้วเหล็กออกและรีบโบกให้เธอขับรถเข้ามาจอดทันที แพรวาค้อมศีรษะเพื่อขอบคุณพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้วจึงถอยรถเข้าไปจอด
ในช่วงเวลาเช้าแบบนี้พนักงานในบริษัทก็จะแออัดกันอยู่ที่ประตูทางเข้าเพราะต้องรอแสกนบัตรและที่หน้าลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังแผนกต่าง ๆ ที่ตนทำงานอยู่แพรวาก็เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้น ถึงใคร ๆ จะรู้ว่าเธอคือคนรักของท่านรองประธานฯ แต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจโดยเฉพาะสาว ๆ ในบริษัทที่ดูเหมือนจะอิจฉาตาร้อนเสียด้วยซ้ำเวลาแพรวาเดินเข้ามาในบริษัทจึงถูกมองด้วยสายตาริษยาบ้างก็ป้องปากนินทาแต่แพรวาไม่ได้สนใจ
“ แพร ” เสียงทุ้มหวานดังอยู่ด้านหลังของคนกลุ่มใหญ่ที่ยืนอออยู่ที่หน้าลิฟต์ ทุกคนจึงหันไปตามเสียงพอเห็นว่าเป็นใครจึงทุกคนจึงก้มหัวแสดงความเคารพและแยกออกเป็นสองฝั่งให้เขาได้เดินเข้ามา
“ ทำไมมายืนรอลิฟต์พนักงานล่ะ ผมให้การ์ดคุณเอาไว้แล้วนี่ ” คิรากรหมายถึงการ์ดที่ต้องใช้แสกนเพื่อขึ้นลิฟต์ของผู้บริหาร
“ แพรใช้ลิฟต์ของพนักงานดีกว่าค่ะ ” ใช่เธอรู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะไม่ต้องเป็นบุคคลพิเศษ เพราะการถูกมองด้วยสายตาริษยาของใครหลายคนมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
“ ไม่เอา มากับผมลิฟต์ตรงนี้คนใช้กันเยอะแยะพอเข้าไปข้างในก็ต้องไปยืนเบียดกันอีกผมไม่อยากให้คุณต้องยืนเบียดเสียดกับใคร ” พูดจบคิรากรก็คว้าข้อมือของแพรวาเดินออกมาจากพนักงานของบริษัทที่ยืนกันอยู่ตรงหน้าลิฟต์ สายตาทุกคู่มองตามคนทั้งสองไปพลางก็พูดกันถึงอภิสิทธิ์พิเศษของคนรักของท่านรองฯ อย่างสนุกปาก
“ คุณกรคะ อย่างให้อภิสิทธิ์แพรเกินกว่าพนักงานคนอื่นเลยนะคะ เขาจะเอาไปพูดได้ว่าคุณกรไม่ยุติธรรมนะคะ ” แพรวาท้วงขึ้น
“ ทำไมล่ะครับ คุณแพรเป็นแฟนผม ผมก็แค่ทำหน้าดูแลแฟนแบบที่ผู้ชายคนอื่นเขาทำกัน ” คิรากรพูดในสิ่งที่เขาคิด มือของเขาก็กระชับมือของแพรวาแน่นไม่ยอมปล่อย
“ แพรไม่อยากให้ใครมองคุณกรไม่ดี เชื่อแพรเถอะนะคะเวลาที่เราอยู่ที่บริษัทแพรขอเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งของคุณ ส่วนเวลาส่วนตัวของเราคุณค่อยดูแลแพรแบบที่คุณอยากทำดีไหมคะ ” แพรวาพูดด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงอ้อนวอนนิด ๆ คิรากรจึงได้แต่พยักหน้ารับเพราะเขาแพ้รอยยิ้มและสายตาแบบนั้น
“ ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกันคุณแพรเรียกผมว่าพี่กรได้ไหม ” คิรากรขอบ้าง แพรวายิ้มอ่อนโยนแล้วพยักหน้ารับ
“ ค่ะ ” เธอตอบรับสั้น ๆ
“ เรียกตอนนี้เลยได้ไหม เราอยู่กันแค่สองคนแล้ว ” คิรากรต่อรอง
“ ค่ะ พี่กร ” เธอเรียกเขาเสียงหวานทำเอาคิรากรหัวใจพองโตแก้มเริ่มแดงระเรื่อมือที่กุมมือแพรวาเอาเริ่มอุ่นขึ้นจนแพรวารู้สึกได้ถึงความดีใจ
พอลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่แพรวาทำงานเธอก็กำลังจะก้าวออกไปแต่คิรากรทำอิดออดไม่ยอมปล่อยมือเธอเสียทีจนแพรวาต้องทำตาดุใส่เขาจึงยอม
“ เจอกันตอนเที่ยงนะครับน้องแพร ” เสียงทุ้มหวานเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าละมุนทำเอาแพรวาอดยิ้มไม่ได้
งานที่สตูดิโอในวันนี้เป็นการถ่ายรูปสุนัขเพื่อทำโปสเตอร์โฆษณาอาหารสุนัขยี่ห้อหนึ่ง ในสตูดิโอจึงดูวุ่นวายและครึกครื้นไปด้วยเหล่าบรรดานายแบบสุนัขพันธ์ไซบีเรียนฮัสกีสองตัวและพันธ์โกลเดินริทรีฟเวอร์อีกหนึ่งตัว เจ้าของผลิตภัณฑ์ต้องการภาพโปสเตอร์สองเซ็ตและภาพสุนัขในอิริยาบถผ่อนคลายอีกหนึ่งเซ็ต ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เปล่าเลยเพราะกว่าจะจัดท่าทางให้นายแบบแต่ละตัวได้เล่นเอาเหงื่อตกเพราะต้องเอาของเล่นมาหลอกล้อ ต้องให้ของรางวัลเมื่อนายแบบขนปุยสี่ขาทำได้ดีขนาดนายแบบแต่ละตัวมีพี่เลี้ยงมาคอยดูแลอย่างใกล้ชิดยังใช้เวลาถ่ายเกือบสามชั่วโมง ปวีณ์และหนุ่มจึงใช้พลังไปมากมายกับงานครั้งนี้
“ โอเค! ” เสียงปวีณ์ดังขึ้นพร้อมเสียงปรบมือของทุกคนในสตูดิโอ เหล่าบรรดานายแบบสี่ขาพอได้ยินเสียงคนปรบมือกันก็พากันเห่ารับออกท่าทางกระตือรือร้นอยากจะมีส่วนร่วมบางจนพี่เลี้ยงแทบจะดึงเอาไว้ไม่อยู่
“ กว่าจะเสร็จ ” สรวิทย์ที่นั่งดูภาพอยู่ตรงโต๊ะด้านหลังปวีณ์ถึงกับเป่าปากออกมา
“ ภาพสวยมากเลยนะครับ ” ลูกค้าพูดขึ้นอย่างชื่นชม
“ เราคงต้องใช้เวลาแต่งภาพสักหนึ่งวันนะครับเสร็จเรียบร้อยแล้วผมจะรีบส่งงานให้คุณทันที ” สรวิทย์พูดขึ้น
“ ครับ ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอตัวก่อนนะครับ ” ลูกค้าตอบรับ
“ สวัสดีครับ ” สรวิทย์ค้อมศีรษะลง ลูกค้าของเขาและบรรดานายแบบสี่ขาทั้งหมดจึงพากันเดินออกไปจากสตูดิโอ
พนักงานคนหนึ่งก็เดินสวนเข้ามาพร้อมส่งโทรศัพท์ให้กับปวีณ์
“ มีคนโทรหาพี่ตั้งหลายสายแต่ผมไม่ได้รับ ”
“ เอ่อ ขอบใจ ” ปวีณรับโทรศัพท์มือถือของเขามาเปิดดูหน้าจอคิ้วหน้าก็ขมวดมุ่น
“ ใครโทรมาวะ ” สรวิทย์เดินเข้ามาถาม
“ กูออกไปโทรศัพท์แป๊บนึง ” ปวีณ์รีบสาวเท้ารวดเร็วออกไปจากสตูดิโอเหมือนมีเรื่องสำคัญมากที่เขาต้องรีบติดต่อกลับไป
ช่วงใกล้เวลาเลิกงานแบบนี้พนักงานในบริษัทก็จะเก็บเอกสารและข้าวของส่วนตัวลงกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน บ้างก็เอาเครื่องสำอางออกมาแต่วแต้มใบหน้าให้ดูสวยงามเพื่อความมั่นใจเวลาออกไปเจอคนภายนอก บ้างก็เอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูฆ่าเวลาทั้งที่ใช้เวลาไปกับมันเกือบจะทั้งวันแล้ว
“ พี่แพรคะ เย็นนี้ไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้านดีไหมคะ ” ลูกหยีผู้ช่วยคนสนิทของเธอเอ่ยถาม
“ พี่ต้องกลับไปเก็บของที่บ้านน่ะลูกหยียังเก็บไม่หมดเลย ” แพรวาปฏิเสธอย่างมีเหตุผลอันสมควรลูกหยีจึงไม่ตื้ออีก
“ พี่แพรย้ายเมื่อไหร่ต้องให้ลูกหยีไปฉลองห้องใหม่ของพี่แพรด้วยนะคะ ” ลูกหยียิ้มอ้อน
“ จ้ะ พี่ย้ายมาเมื่อไหร่พี่จะชวนลูกหยีกับทุกคนไปฉลองห้องใหม่พี่โอเคไหม ” แพรวาพูดจบพนักในแผนกของเธอที่ได้ยินก็หัมมาพร้อมกัน
“ พูดแล้วนะพี่แพรห้ามเปลี่ยนใจด้วย ” ลูกหยีพดูขึ้นคนอื่น ๆ ก็พลอยเสริม
“ พี่พูดคำไหรคำนั้น ” แพรวายิ้มรับแล้วจึงลุกจากเก้าอี้ พรประทีปผู้จัดการแผนกก็เดินออกมาพอดี
“ เสียงดังอะไรกัน ” น้ำเสียงดุแต่แฝงไปด้วยความเอ็นดูในเนื้อเสียงและสายตาที่มองไปยังทุกคน
“ ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่พร พวกน้องๆ แค่จะไปฉลองห้องใหม่ของแพรกันระค่ะ ” แพรวาตอบ
“ จะย้ายแล้วเหรอแพร ” พรประทีปถาม
“ วันเสาร์นี้ค่ะ ” แพรวาตอบ
“ ย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ กันก็ดีนะพี่จะได้ไม่เหงา ” พรประทีปยิ้ม
“ ค่ะพี่ ” พูดคุยกันอีกสองสามคำทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ปรกติคิรากรจะต้องมารอส่งแพรวาขึ้นรถแต่วันนี้เขามีธุระสำคัญกับที่บ้านจึงออกจากบริษัทไปก่อน แต่การที่คิรากรไม่ได้เดินตามมาส่งเธอที่รถกลับทำให้แพรวารู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานคนอื่นในบริษัท
การจราจรในเย็นวันนี้ไม่ติดขัดอย่างที่เคยแพรวาจึงไม่ต้องใช้เวลาอยู่บนถนนนานนักเธอจึงกลับมาถึงบ้านเร็วกว่าทุกวัน พอเข้าบ้านแพรวาก็รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองแล้วลงมาทำอะไรง่าย ๆ เพื่อเป็นอาหารเย็น
เสียงคล้ายน้ำหยดดังขึ้นภายในห้องครัวแพรวาจึงเดินหาเสียงว่าดังมาจากที่ไหนเพราะเธอมั่นใจว่าปิดก๊อกน้ำสนิทแล้ว แพรวาก้มลงเปิดฝาตู้ใต้อ่างล้างจานจึงพบกับที่มาของเสียงหยดน้ำที่ดังอยู่ เธอพิจารณาหยดน้ำที่หยดลงมาจากข้อต่อของท่อส่งน้ำแล้วจึงตัดสินใจเดินออกไปหยิบกล่องเครื่องมือมาจากในห้องเก็บของตั้งใจจะใช้ประแจขันตรงข้อต่อของท่อน้ำให้แน่น
“ แค่นี้สบายมาก ” พอคิดได้แล้วว่าต้องทำอะไรจึงเริ่มลงมือทำทันที แพรวาใช้ประแจล็อกเข้ากับตรงข้อต่อของท่อน้ำแล้วจึงออกแรงหมุนประแจให้ส่วนข้อต่อท่อน้ำกับก๊อกน้ำให้แน่น
ต็อก.... เสียงท่อน้ำแตกพร้อม ๆ กับเสียง ซู่! ของน้ำที่ทะลักออกมาทำเอาแพรวาหน้าซีด
“ ตายแล้ว! ” ไม่รู้ว่าเธอออกแรงมากเกินไปหรือส่วนข้อต่อมันไม่แข็งแรงกันแน่ทั้งข้อต่อและท่อน้ำจึงแตกออกจากกันจนน้ำพุ่งออกมาจากท่อราวน้ำพุ แพรวาจึงจนเปียกไปทั้งตัวพื้นห้องครัวก็เจิ่งนองไปด้วยน้ำที่ยังคงพุ่งออกมาไม่หยุด
“ ทำไงดี กรี๊ด!... ” ด้วยความตกใจแพรวาจึงทำอะไรไม่ถูกเธอลุกพรวดพราดขึ้นจะเดินออกไปหาผ้ามาอุดท่อไม่ให้น้ำไหลแต่ก็ลื่นล้มจนก้นจ้ำเบ้าเสียงดัง โครม! เธอจึงร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
แพรวาประคองตัวลุกขึ้นมาช้า ๆ คิดได้แล้วว่าจะต้องโทรศัพท์ตามช่างเข้ามาซ่อมท่อน้ำให้แต่เธอไม่รู้เบอร์ติดต่อช่าง ‘ป้าศรี’ ชื่อนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ แพรวารีบเดินกระย่องกระแย่งออกไปที่หน้าบ้านด้วยความหวังที่มี
“ ป้าศรี! ป้าศรีคะ... ” เธอตะโกนเรียกป้าศรีนวลอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครเปิดประตูออกมา
“ ทำไงดี ” ตอนนี้น้ำใสๆ เริ่มรื้นขึ้นมาขังอยู่ที่ขอบตาทั้งสองข้าง แพรวายืนอยู่หน้าบ้านมองซ้ายมองขวาก็ไม่มีใครสักคนตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก ร่างบอบบางจึงคอย ๆ ทรุดตัวลงนั่งกองอยู่กับพื้นหน้าบ้านอย่างสิ้นหวัง
เสียงรถจักรยานยนต์ดังกระหึ่มมาจากทางประตูรั้วบ้าน ทำให้ความหวังของแพรวาจุดประกายขึ้นอีกครั้งยิ่งได้ยินเสียงประตูรั้วที่กำลังเปิดออกแพรวาก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่ต้องพจญกับปัญหาใหญ่หลวงนี้คนเดียวอีกต่อไป ร่างบอบบางลุกพรวดมองตรงไปทางคนที่กำลังเดินเข้ามา
ริมฝีปากบางคลี่ออกโดยอัตโนมัติดวงที่รื้นไปด้วยน้ำตามีประกายวิบวับด้วยความยินดี
“ พี่วี! ” แพรวาตะโกนชื่อของปวีณ์ออกมาอย่างลืมตัว
ปวีณ์ชะงักเท้ามองดูหญิงสาวที่ตัวเปียกปอนจนเสื้อยืดที่สวมอยู่รัดเข้ากับลำตัวจนเผยรูปร่างให้เห็นโดยไม่ต้องจินตนาการ เขามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแพรวาสวมเสื้อยืดสีขาวเนื้อบางเบากับกางเกงขาสั้นสีขมพู ผิวของเธอขาวราวกับน้ำนมยิ่งเวลาที่ดวงไฟสีนวลตกลงกระทบผิวก็ยิ่งดูผุดผ่องจนเขาคิดอะไรเตลิดไปไกล
“ พี่วี! ” แพรวาเรียกปวีณ์อีกครั้งเขาจึงได้สติ
“ เกิดอะไรขึ้น? ” เขาเอ่ยถาม
“ ท่อน้ำแตก ” แพรวาตอบอ้อมแอ้ม
“ แล้วปิดวาล์วน้ำหรือยัง ”
“ ยัง ” แพรวายิ้มแหย
“ เดี๋ยวพี่ไปปิดวาล์วน้ำก่อน ” ปวีณ์เดินออกไปปิดวาล์วน้ำที่หน้าบ้านแล้วรีบเดินกลับเข้ามา เขาไม่รีรอที่ตะเดินเข้าไปในบ้านเพื่อไปซ่อมท่อน้ำที่แพรวาพยายามซ่อมจนมันพัง
ปวีณ์เดินมาถึงในบ้านก็เห็นน้ำเจิ่งนองไปทั่วเขาได้แต่ถอนหายใจแล้วหันไปมองตัวต้นเหตุที่ทำให้น้ำท่วมบ้าน
“ เดี๋ยวแพรไปเอาผ้ามาเช็ดน้ำก่อนนะ ” แพรวากลัวสายตาของปวีณ์จนแทบจะทำอะไรไม่ถูก เธอจึงถอยออกมาก่อนที่ปวีณ์จะเริ่มบริภาษเธอ แต่แทนที่ปวีณจะโกรธเขากลับยิ้มออกมาแทน