แสงแดดพราวระยับสะท้อนผิวน้ำทะเลสีครามจับตาในยามสายพร้อมลมโชยพัดอ่อน ๆ ที่โชยชายมาตลอดเวลาทำให้คนที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางรู้สึกสดชื่นขึ้นทันทีที่ได้สัมผัส
แพรวาเปิดประตูลงมาจากรถพร้อม ๆ กับคิรากร เธอยืนมองผืนน้ำทะเลเบื้องหน้าสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเก็บอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้เต็มที่
“ คุณแพรอยากลงไปเดินเล่นไหมครับตอนนี้แดดยังไม่แรงอากาศก็ดี ” คิรากรหันกลับมามองแพรวาที่ยังยืนอยู่ข้างประตูรถ
“ อย่าเลยค่ะคุณกร เราตรงไปที่โรงแรมเลยดีกว่าค่ะยังมีงานรออยู่เยอะเลย ” แพรวากำลังจะกลับเข้าไปนั่งในรถ คิรากรก็สาวเท้ารวดเร็วมาหาเธอจับข้อมือของเธอเอาไว้
“ งานน่ะเอาไว้ก่อนเถอะครับเราไปเดินเล่นกันดีกว่านะนาน ๆ จะได้มีโอกาสมาทะเลด้วยกันแบบนี้สักที ” คิรากรจูงมือแพรวาเดินลงมาที่ชายหาดเธอจึงต้องเดินตามเขาไป
เพียงเท้าสัมผัสเม็ดทรายสีขาวละเอียดนุ่มก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายยิ่งเสียงของคลื่นกระทบหาดทรายกับวิวของทะเลสีครามตัดกับก้อนเมฆสีจางๆ บนท้องฟ้ากว้างยิ่งทำให้แพรวาสบายใจจนลืมว่าเธอมาที่นี่เพื่อทำงานไม่ใช่มาเที่ยวพักผ่อน
“ เรามีเวลาพักวันนี้ทั้งวัน คุณแพรอยากทำอะไรครับ ” คิรากรยังคงจูงมือแพรวาเดินไปเรื่อยๆ ไม่ยอมปล่อย
“ พักหนึ่งวัน? ” แพรวาทวนคำพูดของเจ้านายของเธอ
“ ครับ ที่ผมพาคุณแพรมากับผมก่อนหนึ่งวันก็เพื่อจะให้คุณแพรพักผ่อนก่อนเริ่มงานวันพรุ่งนี้ ” เขายิ้ม
“ แพรคิดว่าคุณกรจะมาประชุมกับผู้จัดการโรงแรมที่นี่เสียอีกค่ะ ” แพรวามองคิรากร
“ ถ้าไม่บอกแบบนั้นคุณแพรก็คงจะไม่มาใช่ไหมล่ะครับ ”
“ คุณกรนี่โกหกเก่งจริง ๆ นะคะแพรชักจะกลัวคุณกรแล้วล่ะค่ะ ”
“ อย่ากลัวผมเลยครับ รักผมดีกว่า ” ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาจนคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไรกันแน่
“ คุณกรว่าอะไรนะคะ ”
“ เปล่าครับ ผมว่าเราเดินไปทางนู่นกันดีกว่า ” คิรากรชี้ไปตรงที่หาดทรายเว้าจนดูคล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยว
“ แต่มันไกลนะคะ ” แพรวาอุทานขึ้น
“ เดินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึงครับ ” คิรากรไม่ฟังเสียงแพรวาเขารีบก้าวเท้าดึงข้อมือหญิงสาวให้เดินตาม
ล็อบบี้ของโรงแรมทองธาราแม่พิมพ์เป็นล็อบบี้แบบลานเปิดโล่งมีหลังคาทรงสูงแบบบาหลีจึงมีลมพัดผ่านตลอดเวลา ของตกแต่งต่าง ๆ ก็เน้นเป็นของจากธรรมชาติทั้งชุดโซฟาหวายและรูปปั้นหินสลักที่ถูกวางตกแต่งเอาไว้ตามมุมต่าง ๆ เข้ากับต้นไม้สีเขียวที่ให้ความรู้สึกสบายตาทุกครั้งที่มอง
“ สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่ทองธาราแม่พิมพ์ค่ะ ” พนักงานต้อนรับถือถาดน้ำผลไม้สีชมพูสดใสมาส่งให้ปวีณ์ เขาจึงยกขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหายเพราะขี่รถจักรยานยนต์มาจากกรุงเทพโดยไม่ได้หยุดพักจนมาถึงที่นี่
“ คุณผู้ชายจองห้องพักเอาไว้แล้วหรือยังคะ ” พนักงานต้อนรับถามด้วยท่าทางสุภาพ
“ ผมเป็นทีมงานของบริษัทที่จะมาถ่ายรูปโปรโมทที่นี่น่ะครับ ” ปวีณ์ตอบพร้อมยื่นแก้วส่งกลับไป
“ แต่ทีมงานจะเข้ามาวันพรุ่งนี้นี่คะ ” พนักงานถามพลางเปิดดูรายชื่อของทีมงานที่ทางบริษัทส่งมา
“ ผมมาดูสถานที่ก่อน พรุ่งนี้จะได้เริ่มทำงานได้เลยไม่เสียเวลา ” ปวีณ์บอกแล้วส่งบัตรประจำตัวของเขาให้กับพนักงานต้อนรับ
“ ค่ะ ” พนักงานต้อนรับพยักหน้ารับและส่งกุญแจห้องให้กับปวีณ์
“ ขอบคุณครับ ” ปวีณรับกุญแจมา
“ เดี๋ยวคุณปวีณ์ตามพนักของเราไปที่ห้องพักได้เลยนะคะ ”
“ ครับ ” ปวีณ์เดินตามพนักงานชายที่ช่วยเขายกกระเป๋าเดินทางไปที่ห้องพักที่อยู่ทางด้านหลังของล็อบบี้
พนักงานชายเดินนำเขาไปตามทางที่ปูด้วยหินสีน้ำตาลแดงผ่านสวนหย่อมที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ทั้งไม้ดอกและไม้ประดับจนมาถึงห้องพักที่เป็นบ้านหลังเล็กปลูกด้วยไม้มีหนึ่งห้องนั่งเล่นและห้องนอน
“ ขอบคุณนะ ” ปวีณ์ยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้กับพนักงานยกกระเป๋า เขายกมือไหว้และรับเงินด้วยท่าทางสุภาพ
ปวีณ์วางกระเป๋าใส่กล้องถ่ายรูปลงบนโต๊ะไม้แล้วจึงเดินออกมาดูบรรยากาศรอบ ๆ ห้องพักที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ อากาศในตอนนี้สดชื่นถึงแม้จะเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงวันแล้วก็ตาม พอซึมซาบกับธรรมชาติรอบตัวจนเต็มอิ่มแล้วเขาจึงเดินกลับเข้าไปหยิบกล้องออกมาจากกระเป๋าเพื่อจะออกไปถ่ายรูป
เวลาเดี๋ยวกันคิรากรและแพรวาก็เข้ามาถึงที่หน้าล็อบบี้โรงแรม พนักงานต้อนรับจึงรีบออกมาทำความเคารพคิรากรกันอย่างพร้อมเพรียง
“ สวัสดีครับท่านรองฯ ” ผู้จัดการโรงแรมกล่าวทักทายคิรากรอย่างอ่อนน้อม
“ สวัสดีคุณเรืองยศ นี่คุณแพรวารองผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเรา ” คิรากรแนะนำแพรวา
“ คุณแพรครับคุณเรืองยศเป็นผู้จัดการของที่นี่” แพรวายกมือไหว้เรืองยศเขาก็รับไหว้แล้วยิ้มให้เธอ
“ ผมให้คนจัดบ้านพักเอาไว้ให้ท่านรองฯ กับคุณแพรวาแล้วนะครับ เชิญตามผมมาทางนี้ ” เรืองยศเดินนำทั้งสองคนไป
บ้านพักของคิรากรและแพรวาอยู่อีกด้านหนึ่งของโรงแรม เป็นวิลล่าหลังใหญ่ที่มีสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นและเฉลียงกว้างหันหน้าออกทะเลที่หน้าบ้านยังมีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่พอสำหรับนั่งประชุมหรือรับประทานอาหารได้ถึงสิบคน
“ ตอนกลางวันพนักงานจะยกอาหารมาจัดให้ที่นี่นะครับ ” เรืองยศบอก
“ คุณก็อยู่กินข้าวด้วยกันเลยสิคุณเรืองยศ ” คิรากรพูดอย่างเป็นกันเอง
“ ไม่ดีกว่าครับ ผมไปกินที่โรงอาหารพนักงานสะดวกกว่า ” เรืองยศค้อมศีรษะลง
“ ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณนะ ที่คุณช่วยจัดการทุกอย่างให้ผม ” คิรากรยิ้มแล้วหันมองแพรวาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“ ผมขอตัวก่อนนะครับ ” เรืองยศเดินออกไป แพรวาและคิรากรจึงแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของในห้อง
ปวีณ์ที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ก็พาลรู้สึกหงุดหงิดที่แพรวาและคิรากรพักบ้านหลังเดียวกันถึงจะนอนคนละห้องก็เถอะ เขาแน่ใจว่าแพรวาคงไม่ได้คิดอะไรกับคิรากรพอ ๆ กับรู้ดีว่าคิรากรคิดอะไรกับแพรวา
เวลาผ่านไปจนกระทั่งพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าเห็นเป็นสีแดงอมส้มอยู่ครึ่งดวงตัดกับสีของน้ำทะเลและท้องฟ้าที่กำลังจะมืดลงทุกที มันเป็นภาพที่ช่างภาพอย่างปวีณ์จะต้องบันทึกเก็บเอาไว้เพราะพระอาทิตย์ตกดินไม่เคยเหมือนกันสักวันทั้งยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในแต่ละครั้งที่ได้มอง
ปวีณ์ยังคงกดชัตเตอร์ถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเลนส์ของเขาจับภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินทอดน่องอยู่บนหาดทรายดูพระอาทิตย์ตกดิน เขาจำได้ทันทีว่าคนทั้งสองนั้นคือใครจึงรีบหาที่หลบก่อนที่ทั้งคู่จะเดินมาเห็นเขาเข้า
คิรากรและแพรวาเดินเรียบหาดทรายมาเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อนจนมาหยุดพักตรงจุดกึ่งกลางหาดที่มองเห็นพระอาทิตย์อยู่ตรงกลางระหว่างผืนน้ำและขอบฟ้าพอดิบพอดี
“ สวยจังเลยค่ะ ” แพรวาพูดขึ้นและมองไปยังภาพตรงหน้าอย่างชื่นชม
“ ครับ ” คิรากรขยับตัวเข้าใกล้แพรวาจนหลังมือของเขาสัมผัสกับหลังมือของเธอ
“ คุณแพรครับ ” เขาเอ่ยขึ้น
“ คะ ” แพรวาขานรับและหันมายิ้มให้
“ ถ้าผมจะขอโอกาสจากคุณแพร คุณแพรจะว่ายังไงครับ ” คิรากรหันไปหาแพรวาทั้งตัว สายตาของเขาบ่งบอกถึงความรู้สึกที่เขามีจริง ๆ อย่างไม่ซ่อนเร้น
“ คุณกร ” แพรวายังตั้งตัวไม่ติดเธอจึงยังนึกคำพูดอะไรไม่ออก คิรากรจึงจับมือเธอขึ้นมากุมเอาไว้
“ ผมพูดจากความรู้สึกของผมจริง ๆ ผมชอบคุณแพร ชอบตั้งแต่ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกและความรู้สึกของผมมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย ”
แพรวาได้แต่นิ่งงันคิดคำพูดอะไรไม่ออก “ ... ”
อีกคนที่ได้ยินสิ่งที่คิรากรพูดก็ได้แต่ขบกรามแน่นอยากจะเดินไปกระชากคอเสื้อผู้ชายที่กำลังขอโอกาสจากผู้หญิงของเขาแล้วชกให้เลือดกลบปากที่กล้าพูดแบบนั้นออกมา ปวีณ์กำลังรู้สึกเหมือนมีไฟกองใหญ่สุ่มอยู่ในอกจนร้อนไปหมดเขารอฟังคำตอบของแพรวาอย่างใจจดใจจอพอ ๆ กับคิรากรในตอนนี้
แพรวายังคงนิ่งเงียบดวงตาของเธอบอกว่าเธอกำลังครุ่นคิดบางอย่างที่คิรากรไม่แน่ใจว่าคืออะไร
“ คุณกรคะ แพร.... ”
“ คุแพรยังไม่ต้องตอบวันนี้ก็ได้ครับ ผมให้เวลาคุณแพรคิดแล้วค่อยตอบผม ” คิรากรปล่อยมือแพรวาให้เป็นอิสระแล้วหันกลับไปมองพระอาทิตย์ที่ตอนนี้หายลงไปในผืนน้ำเกือบจะทั้งดวงแล้ว
บรรยากาศรอบตัวปวีณ์ค่อย ๆ มืดลงทุกทีท้องฟ้ายามนี้ควรจะระยิบระยับไปด้วยหมู่ดาวดารดาษ แต่เปล่าเลยเพราะเมฆฝนบดบังแสงของดวงดาวและพระจันทร์จนหมดสิ้น ฟ้าคืนนี้หม่นหมองและพาให้หดหู่จนปวีณ์ไม่อยากจะเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาจึงเลือกจะนั่งก้มหน้าก้มตาเช็ดทำความสะอาดเลนส์กล้องและเตรียมอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ให้พร้อม
ในใจของปวีณ์ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากำลังหว้าวุ่นเพราะกลัวแพรวาจะตอบตกลงยอมคบหากับคิรากร เขาเพิ่งจะคิดได้ว่าถ้าคืนนั้นเขายอมเป็นฝ่ายสงบนิ่งไม่ทะเลาะกับแพรวาและประชดประชันเธอจนต้องแยกทาง กัน คืนนี้เขาก็คงไม่ต้องมาทุรนทุรายอยู่แบบนี้แต่มันย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้วปวีณ์วางของที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะและทิ้งร่างนอนราบลงไปที่พื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก