เหตุมันเกิดที่ทะเล
ปั๊ก ปั๊ก....
เสียงกำปั้นรัวลงไปที่กระสอบทรายดังลั่นจนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำหน้าเหยเกด้วยรู้สึกเจ็บแทนคนที่กำลังระดมหมัดชกใส่กระสอบทรายเพื่อระบายอารมณ์อย่างไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นสักที
“ พอแล้วยายแพร ฉันว่ามือแกคงแดงไปหมดแล้วแน่ ๆ ” สุรนันทน์รีบคว้าข้อมือแพรวาเอาไว้ไม่ให้เธอชกลงไปที่กระสอบทรายอีก
แพรวายืนหอบจนบ่าไหวหันหน้ามองสุรนันทน์ “แกรู้ไหมว่าวันนี้มันเป็นวันที่แย่! ที่สุดของฉัน ” แพรวาเน้นคำว่า ‘ แย่ที่สุด ’ อย่างเดือดดาล
“ เกิดอะไรขึ้นหืม? ” สุรนันทน์ปล่อยข้อมือแพรวาแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำเกลือแร่มาส่งให้
แพรวารับมาเปิดดื่มแล้วจึงพูดต่อ “ บริษัทของฉันจ้างบริษัทยายณดามาทำเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์โรงแรมให้นะสิ ”
สุรนันทน์เบิกตากว้าง “ ทำไมล่ะ ก็บริษัทแกก็มีแผนกประชาสัมพันธ์อยู่แล้วทำไมต้องจ้างบริษัทนอกมาทำงานด้วย ”
“ ก็ยายนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้านายของฉัน มีแย่กว่านั้นอีกนะ ” แพรวาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะพูดต่อ
“ ยายนั้นใช้พี่วีมาเป็นช่างภาพ ” หน้าสวยของแพรวาบึ้งตึงทันทีที่พูดชื่อสามีเก่าของเธอ
“ อะไรนะ!? ” สุรนันทน์เข้าใจแล้วว่าเพื่อนรักของเธอหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดตั้งแต่ขึ้นรถมาด้วยเรื่องอะไร
“ ฉันต้องทำงานกับสองคนนั้นจนกว่างานประชาสัมพันธ์ของโรงแรมฉันจะเสร็จ ” พูดจบแพรวาก็หันไประบายอารมณ์กับกระสอบทรายอีกหนึ่งยกจนหมดแรงจึงหยุด
“ ฉันเดาหน้ายายณดาได้เลยยายนั้นคงลอยหน้าแสดงความเป็นเจ้าของพี่วีเต็มที่เลยใช่ไหม แล้วก็คงจะกระแหนะกระแหนแกแบบว่า ฉันเป็นผู้ชนะใช่ป่ะ ” สุรนันทน์ทำท่าชม้อยชม้ายจีบปากจีบคอเลียนแบบณดาแพรวาเห็นจึงหัวเราะออกมา
“ อือ ” แพรวาพยักหน้า
“ แต่ฉันเชื่อว่าพี่วีไม่สนใจยายนั้นหรอก ดูพี่วีเขายัง... ” สุรนันทน์ยังพูดไม่ทันจะจบประโยคแพรวาก็ขัดขึ้น
“ ฉันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันนะหิวข้าวแล้ว ” แพรวาหยิบขาขนหนูผืนเล็กขึ้นเช็ดเหงือและเดินออกไปนอกห้องเพราะไม่อยากฟังเรื่องที่สุรนันทน์จะพูดต่อ สุรนันทน์จึงได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้จะช่วยอธิบายความจริงให้เพื่อนรักรับรู้ได้ยังไง
รถมอร์เตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สีดำปลาบทะยานเข้ามาจอดที่หน้าประตูรั้วบ้านหลังหนึ่งเจ้าของรถลงจากรถอย่างหัวเสีย เขาถอดหมวกกันน็อกออกวางกระแทกลงบนเบาะรถแล้วถอดเสื้อแจ็คเก็ตผาดทับบนหมวกกันน็อกอีกที เสียงของเจ้าของบ้านจึงตะโกนออกมาเรียกให้เข้าบ้าน
“ ไอ้วี! มึงเอารถเข้ามาเก็บที่โรงรถอย่าจอดขวางประตูรั้ว ” สรวิทย์ยืนมองอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
“ กูขี้เกียจเข็นจอดเอาไว้ตรงนี้แหละ ” ปวีณ์ตะโกนตอบ
“ กูบอกให้เอารถเข้ามาไง ” สรวิทย์ทำเสียงดังราวออกคำสั่ง
“ เออ ๆ ทำไมต้องโมโหด้วยวะแค่เรื่องจอดรถ ” ปวีณ์บ่นงึมงำเข็นรถเข้าไปจอดข้างรถกระบะสี่ประตูคันใหญ่ของเพื่อน รถมอร์เตอไซค์ของเขาจึงถูกรถกระบะบังเอาไว้ทั้งคันเสร็จเรียบร้อยจึงก้าวเท้าตึง ๆ เข้าไปในบ้าน
“ เป็นไง ไปประชุมงานที่บริษัทเมียเก่าสนุกดีไหม?” หนุ่มถามอย่างเย้าแหย่
“ สนุก... สนุกมากด้วย ” น้ำเสียงของปวีณประชดประชัน
“ เหรอ ๆ เล่าให้ฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ” ดวงตาคมฉายประกายอยากรู้อยากเห็น
“ ไม่มีอารมณ์ เอาเบียร์มาให้ทีดิร้อนว่ะ ” ปวีณ์นั่งเอนหลังพิงโซฟานวมสีหน้ายังบึ้งตึง
“ มาถึงก็ใช้เลยนะ ” สรวิทย์ค่อนขอด
“ เร็ว ๆ ” ปวีณ์ตะโกนตามหลังหนุ่มไป
ไม่นานสรวิทย์ก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเบียร์สองกระป๋องใหญ่และกับแก้มอีกสองอย่าง หนุ่มส่งเบียร์ให้ให้ปวีณ์เขาก็รับมาและเปิดกระป๋องยกขึ้นดื่มเบียร์อึกใหญ่
“ มีอารมณ์ยัง เล่าให้ฉันฟังได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ” สรวิทย์จ้องหน้าปวีณ์อย่างคาดคั้น
“ ก็ไม่มีอะไร ” ปวีณ์ตอบปัดอย่างรำคาญเขาคิดว่าเล่าอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์เหมือนเอาแพรวามานินทาหลับหลังซึ่งไม่ใช่นิสัยของเขา
“ อะไรวะ!? ” สรวิทย์สบถอย่างหัวเสีย
“ กินเบียร์เถอะ แล้วนี้ไอ้สาวล่ะไม่อยู่เรอะ ” ปวีณ์ยกเบียร์ขึ้นจิบอีกครั้ง
“ ออกไปรับน้องแพรน่ะ เห็นว่าจะไปออกกำลังกายกัน ” สรวิทย์ตอบ
ปวีณ์พอได้ยินว่าน้องสาวของเพื่อนออกไปหาภรรยาเก่าของเขาดวงตาก็ฉายเจ้าเล่ห์ออกมา
“ อีกเดี๋ยวสาวก็คงจะพาน้องแพรมาที่นี่ กูว่าเราสองคนไปนั่งกินเบียร์กันที่สวนหลังบ้านดีกว่าถ้าน้องแพรมาถึงแล้วเห็นแกน้องแพรคงจะหนีกลับแน่ ๆ ” สรวิทย์ลุกขึ้นจากโซฟาเดินนำปวีณ์ไปที่สวนหย่อมหลังบ้าน
การจราจรในช่วงหัวค่ำไม่ติดขัดมากนักจะติดก็เพียงตามสี่แยกไฟแดงเท่านั้นสุรนันทน์จึงขับรถได้อย่างสบายใจสองสาวจึงเปิดเพลงฟังและร้องตามไปด้วยอย่างสนุกสนาน เพียงไม่นานรถเก๋งสีน้ำเงินเข้มของสุรนันทน์ก็ขับเข้ามาในบ้านจอดขนาบข้างรถของหนุ่มพี่ชายของสุรนันทน์
“ เราไม่ได้ซื้ออะไรเข้ามาเลย ” แพรวาบ่นอุบอิบเพราะสุรนันทน์ขับรถตรงกลับมาบ้านของเธอเลยไม่ยอมแวะซื้อของกินเข้ามา
“ จะต้องแวะทำไมในตู้เย็นบ้านฉันทั้งของสดของแห้งเต็มตู้ไปหมด ” สุรนันทน์พูดขึ้น
“ งั้นเราเข้าไปทำกับข้าวกันเถอะ พี่หนุ่มกลับมาจะได้กินข้าวกัน ” แพรวาเดินจูงมือสุรนันทน์เข้าบ้านโดยไม่ได้เอะใจเลยว่าภายในบ้านก็มีแขกอีกคนกำลังนั่งดื่มเบียร์อย่างสบายใจอยู่ที่สวนหลังบ้าน
สองสาววางกระเป๋าเอาไว้ที่ห้องนั่งเล่นแล้วจึงพากันเดินไปที่ห้องครัว สุรนันทน์เปิดตู้เย็นนำของสดออกมาวางบนโต๊ะเพื่อเตรียมทำอาหารส่วนแพรวาเตรียมกระทะ หม้อเคียงและมีดออกมาจากในชั้นวาง
“ แกจะทำอะไรแพร ” สุรนันทน์ถามแพรวาที่ยืนกอดอกสีหน้าครุ่นคิด
“ ผัดขี้เมาทะเลแกงจืดเต้าหู้หมูสับและก็ไข่เจียว แกหุงข้าวด้วยนะ ” แพรวาตอบแล้วจึงลงมือทำอาหาร
“ โอเค ” สุรนันทน์จึงกุ้งข้าวเสร็จแล้วก็มาช่วยแพรวาทำกับข้าว เพียงไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบ
กลิ่นอาหารลอยออกไปจนถึงสวนหย่อมด้านหลังที่ปวีณและหนุ่มนั่งดื่มเบียร์กันอยู่
“ กลิ่นกับข้าว ” หนุ่มพูดขึ้น
ปวีณ์ทำจมูกฟุดฟิดสูดกลิ่นอาหาร “ แพรกับสาวคงทำกับข้าวเสร็จแล้ว เราเข้าไปกินข้าวกันเถอะ ” ปวีณ์วางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะลุกขึ้นก้าวออกไปจากโต๊ะเดินเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี
เสียงประตูหลังบ้านเปิดขึ้นแพรวาที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่จึงหันไปมองที่ประตูด้านหลัง ดวงตาคู่สวยเบิกโตสองมือกำหมัดแน่นจ้องหน้าคนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างขุ่นเคือง
“ สวัสดีตอนเย็นครับคุณแพรวา ” ปวีณ์ทักทายอดีตภรรยาอย่างยียวน
แพรวามองปวีณ์นิ่งไม่ตอบโต้อะไรกับอดีตสามีของเธอแต่หันไปค้อนใส่สุรนันทน์จนคนถูกค้อนต้องผินหน้าหนีไปทางอื่น