ร่างของพิมพ์ประภัสเริ่มกระวนกระวายเมื่อหมายเลขที่ปรากฏบนลิฟต์ใกล้จะถึงชั้นที่อลันอยู่ เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเขาเพราะเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่จะเจอมันเป็นอย่างไร
ติ้ง เสียงลิฟต์เปิดดังขึ้นดึงสติอีกคนที่กำลังคิดเตลิดไปไกลให้กลับมาดังเดิมเพราะสิ่งที่เธอกลัวกำลังใกล้เข้ามา
“วันนี้ทำไมร้อนจังวะ”เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างคนหัวเสีย เขาคงไม่ชินกับอากาศที่ร้อนปรอทแตกแบบนี้จริงๆขนาดเปิดแอร์22องศายังเอาไม่อยู่
ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากข้างนอกเป็นระยะ อลันไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะเขาค่อนข้างชินกับการเข้าออกห้องของเรขาเคเลน
พิมพ์ประภัสที่ยืนอยู่หน้าห้องได้แต่ให้กำลังใจตัวเองว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอแม้ลึกๆเธอจะรู้ดีว่าต้องเจออะไร
เมื่อเธอยังไม่เห็นมีคนมาเปิดห้องเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทั้งที่ใจเต้นรัวเร็ว
“วันนี้เธอเข้ามาหลายรอบแล้วนะ”อลันพูดขึ้นทั้งๆที่สายตายังจับจ้องที่โทรศัพท์เครื่องหรูเพื่อเช็คงานที่เขาหนีมา
อากาศภายในห้องที่เย็นบวกกับความกลัวทำให้ร่างบางสั่นเทาจนแทบจะพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ คงมีแต่ดวงตากลมแดงที่ทำได้เพียงมองแผ่นหลังของคนที่เธอควรจะเกลียดด้วยอารมณ์ที่ยากจะขาดเดา
“นะ นะ นี่ฉันเอง”ร่างบางพยายามรวบรวมสติที่ยังมีอยู่เอ่ยเรียกอีกคนออกไป
ท่าทีของอลันชะงักไปเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรแม้จะรู้ว่าคนที่อยู่ในห้องนี้คือใคร
ท่าทีเฉยชาของอีกคนมันช่างบีบใจดวงน้อยเสียเหลือเกินแม้รู้ดีว่ายังไงก็คงจากกันแต่ทำไมแค่เขาทำเมินเฉยกลับปวดใจทั้งๆที่ทำใจเอาไว้เเล้ว
“เธอมาที่นี่ทำไม”เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า เขาพยายามกดอารมณ์ตัวเองอยู่เพราะไม่อยากทำร้ายเธอ ยิ่งเขาโมโหเขาก็ยิ่งดิบเถื่อนแล้วเขาคิดว่าถ้าเขาไม่ใจเย็นเธอคงได้ตายคามือเขาแน่
“ ฉะ ฉันจะมาขอร้องนาย”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาขอร้องฉัน”ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอย่างเชื่อช้า การกระทำที่เชื่องช้าของอลันช่วยดึงบรรยากาศให้น่ากลัวเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเพราะมันทำให้อีกคนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
พิมพ์ประภัสที่เห็นอลันลุกยืนขึ้นสัญชาตญาณของเธอก็บอกให้เธอต้องเดินถอยหลังหนีเขา แม้เขาจะยังไม่หันหน้ามามองเธอด้วยซ้ำ
“เธอมายืนตรงนี้สิ”อลันพูดกึ่งสั่งอีกคน
ร่างบางที่ได้ยินเช่นนั้นยิ่งใจเต้นระรัวแม้น้ำเสียงที่อลันสั่งจะไม่ได้ดุดันเหมือนครั้งที่เธอเคยเจอแต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย
“ฉะ ฉันจะยืนตรงนี้ไม่ไปยืนตรงไหนทั้งนั้นแล้วคุณก็ไม่มีสิทธิมาสั่งฉันด้วยเพราะคุณไม่มีสิทธินั้น”ร่างบางพลั่งพลูคำพูดออกมาอย่างลืมกลัว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไปเอาความกล้ามาจากไหน
“เธอรู้ไหมว่าสิ่งที่เธอพูดมันกำลังจะทำฉันตะบะแตก แล้วเธอก็น่าจะรู้ถึงความโหดเหี้ยมของฉันนะว่ามันเป็นอย่างไร”
เธอคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไปยืนตรงหน้าเขาเพราะเธอรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดมันเป็นจริงทุกอย่าง
ร่างบางค่อยๆกระมิดกระเมี้ยนเดินเข้าไปหาชายหนุ่มอย่างเชื่องช้า เธอยอมรับเลยตั้งแต่เหตุการณ์ที่เธอโดนครั้งนั้นมันทำให้เธอกลัวเขา
ทันทีที่ร่างของพิมพ์ประภัสเดินไปยืนตรงหน้าอลันหัวใจของเธอก็กระตุกวูบ 5วันที่ไม่ได้เจอกันทำให้คนตรงหน้าผอมลงไปได้ขนาดนี้เลยหรอ
“ทำไมคุณดูซูบผอมจัง คุณได้กินอะไรบ้างไหม”เสียงหวานเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน เธออดเป็นห่วงเขาไม่ได้จริงๆร่างกายที่ซูบผอมดูก็รู้ว่าเขาคงไม่ได้ทานอะไร
“เมียหนีตามผู้ชายไปทั้งทีจะให้กินข้าวลงได้ไง”เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างคนเอาแต่ใจ เขาก็ไม่รู้ตัวเขาเหมือนกันว่าทำไมไม่มีคนตรงหน้าเขาถึงกินข้าวไม่ลง
“คุณไม่โกรธฉันหรอ ไหนคุณบอกถ้าเจอฉันที่ไหนจะไม่ปล่อยฉันไง”
“โกรธ โกรธมากด้วยแต่ไม่อยากเสียเมียไปไหนแล้ว”สายตาเข้มจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
“เราไปกินข้าวกันไหมฉันอยากกินข้าวกับคุณนะ”
“เธอไปอยู่ไหนมาฉันตามหาเธอมาหลายวันแล้วนะ”
การกระทำของคนตรงหน้าทำให้พิมพ์ประภัสแปลกใจไม่ใช่น้อยเธอคิดว่าเขาควรจะทำร้ายเธอหรือไม่ก็ให้คนมาจับตัวเธอแต่เปล่าเลยเขาดูอ่อนลงแถมใจเย็นขึ้นจนน่าตกใจ
ยิ่งประโยคที่เขาพูดกับเธอมันชวนให้เธอคิดไปไกลแล้วแอบเข้าข้างตัวเองว่าเขาก็เริ่มรักเราแล้วเหมือนกัน
“ฉะ ฉันเอ่ออก็อยู่แถวนี้แหล่ะ”ร่างบางเอ่ยบอกอย่างเร่งรีบ เธอไม่อยากให้เขาได้ถามอะไรไปมากกว่านี้จึงต้องดึงมือหนาขึ้นมาจับเอาไว้เพื่อดึงดูดความสนใจของอีกคน
“เธอมาจับมือฉันทำไม”เขาไม่เข้าใจคนตรงหน้าเขาจริงๆเมื่อกี้ยังกลัวเขาจนตัวสั่นแต่พอเขาคุยดีเข้าหน่อยทำเป็นมาจับไม้จับมือเธอคงไม่รู้สินะว่าจะเจออะไร
“จะพาไปกินข้าว”ร่างบางเอ่ยขึ้นเบาๆ
“งั้นก็ลงไปกันเลย”ชายหนุ่มทำท่าจะเดินออกไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงอีกคน
“เดี๋ยว!!”
“อะไร?”
“ทำไม่คุณไม่ไปใส่เสื้อคุณจะไปแบบนี้ไม่ได้”
“มันร้อนใส่เสื้อแล้วมันทำให้เหงื่อฉันไหลฉันไม่ชอบ แต่ถ้าเธอรับไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะฉันรับได้”ชายหนุ่มหันมาพูดจาแบบไม่แคร์อะไรเพราะเขาร้อนจริงๆขืนให้ไปใส่เสื้อที่มีแต่แขนยาวเขาคงได้ตับแตกตายพอดี