บทที่ 2 ไม่มีเหตุผล แค่อยากซื้อให้
หลังจากเมื่อคืนได้ปลดปล่อยผมก็กลับมานอนที่คอนโด จนสายๆผมจึงลงไปหาอะไรง่ายๆกินที่ร้านอาหารข้างคอนโด แล้วกลับขึ้นมาข้างบนตามเดิม แต่ก่อนที่ผมจะเปิดประตูเข้าห้องก็เห็นน้องสาวเดินออกมาจากห้องข้างๆ น้องสาวผมก็อยู่คอนโดนี้เหมือนกัน แต่อยู่อีกห้องหนึ่งติดกันเนี่ยแหละ
ผมรอให้ยัยตัวดีเดินเข้ามาใกล้จึงเอ่ยถาม
“จะไปไหนฮึเรา ไปเที่ยวรึไง”
“ไปเดินห้างฯ อยากช้อป ฮี่ๆ”
น้องสาวผมตอบด้วยใบหน้าระรื่น
“อะไรอ่ะ..เมื่อวันก่อนก็ไป วันนี้ไปอีกแล้ว” ไม่เบื่อบ้างรึไงวะน้องกู
“ออยจะไปซื้อรองเท้า มิ้นเลยว่าจะไปเป็นเพื่อนออยอ่ะ”
แล้วชื่อของคนที่น้องสาวผมเอ่ยถึงก็ทำให้ผมสนใจขึ้นมาทันที
“ข้ออ้างมากกว่ามั้ง”
“หง่ะ..เฮียอ่ะ รู้ทันตลอด”
ผมจึงเอื้อมมือไปยีผมคนหน้าบูดตรงหน้าเบาๆ
“งั้นเฮียไปด้วยดิ อยู่ห้องเฮียก็ไม่รู้จะทำอะไรอ่ะ”
“อ้าว..แล้วเฮียบอส เฮียเกมส์อ่ะ”
“พวกมันก็อยู่ห้องมันดิ จะให้เฮียตัวติดกับพวกมันตลอดเลยรึไง อย่าถามมากน่าเฮียจะไปด้วย ไม่อยากให้เราขับรถเอง ยิ่งขับไม่แข็งอยู่ด้วย” น้องสาวผมถามมากจังวะ กะอีแค่ผมอยากไปด้วยเนี่ย ก็แค่อยากไปด้วย ผมไม่มีไรทำไง
“ชิส์..ไม่ต้องมาอ้างหรอก อยากไปเพราะอยากเจอคนบางคนมากกว่ามั้ง มิ้นขับไม่แข็งมิ้นก็ขับช้าๆเดี๋ยวก็ถึง”
ยัยตัวแสบเอ้ยทำมารู้ดี แต่ว่าไม่ใช่ซะหน่อย ทำไมผมต้องอยากเจอเพื่อนน้องสาวด้วยหล่ะ
“พูดมากน่า ไปได้แล้ว”
“อ้ะ..เบาๆดิเฮีย น้องเป็นผู้หญิงนะ”
ก็ผมแกล้งลากแขนน้องสาวแรงๆโทษฐานที่รู้ทันผมดีนัก
@ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“นัดกันไว้กี่โมง”
“11 โมงนี่แหละเฮีย”
“ทำไมยังไม่มาซักที” ผมกับมิ้นมารอเพื่อนเธออยู่ที่ชั้น 1 ของห้างได้ซักพักแล้ว แต่ยังไร้วี่แววว่าเพื่อนเธอจะโผล่มาซักที
“ออยบอกว่าแวะรายงานตัวที่ร้านแปปหนึ่งหน่ะใกล้ถึงแล้ว เฮียจะบ่นทำไมเนี่ย ตามมาเองนะ”
อ้อ..ร้านที่ว่าก็คงร้านอาหารที่เธอทำงานอยู่สินะ ผมรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเธอหน่ะแหละ อ้ะ..อย่าจับผิดผมน่า ที่ผมรู้ก็เพราะยัยมิ้นเล่าให้ผมฟังหน่ะแหละ
“นั่นไงมาแล้ว ออยทางนี้”
ฉันหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่ามิ้นไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว ข้างๆเพื่อนฉันกลับมีพี่ชายเธอที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ ที่ต่อให้ทำหน้านิ่งแค่ไหนก็ยังหล่อมากๆเลยหล่ะ ฮือ..ทำไมมิ้นพาพี่ชายมาด้วยหล่ะเนี่ย ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหน้าเขาหรืออะไรหรอกนะ เพราะฉันชอบเขาหน่ะแหละถึงไม่อยากเจอหน้าอ่ะ ก็วันนี้ไม่ได้เตรียมใจที่จะมาเจอเขานี่นา กลัวทำตัวไม่ถูกอ่ะ
“ห..หวัดดีค่ะพี่มิค” ฉันจึงเดินเข้าไปแล้วยกมือไหว้เขา ในฐานะที่เขาแก่กว่าตั้ง 2 ปี
“อืม.. ทำไมมาช้า”
เอ้ะ..เขาถามทำไมอ่ะ คำถามมันดูเหมือนจะตำหนิก็ใช่ แต่สายตาเขาที่มองมามันก็ดูไม่เหมือนตำหนิเท่าไร มันเหมือนอยากรู้มากกว่าอ่ะ หรือเปล่านะ ฉันก็ดูเขาไม่ออกหรอก
“ออยแวะรายงานตัวที่ร้านอาหารค่ะเลยมาช้า ขอโทษที่ให้รอนะคะ”
“ป่าว..ก็ไม่ได้รอนานขนาดนั้น จะซื้อรองเท่าไม่ใช่เหรอไปสิ”
เขารู้เหรอ งั้นก็แสดงว่า..
“มิ้นบอกเฮียมิคเอง”
พอฉันหันไปมองเพื่อน มิ้นเลยพูดขึ้นยิ้มๆ
“ป่ะ..ออยอยากได้รองเท้าแบบไหน เดี๋ยวมิ้นช่วยเลือก”
มิ้นเดินเข้ามาคล้องแขนฉัน
“อืม..ก็ต้องเป็นรองเท้าผ้าใบแหละ” ฉันเดินคุยกับมิ้นมาเรื่อยๆ ส่วนพี่มิคก็เดินตามเราสองคนมาห่างๆ
“ไม่สนใจเปลี่ยนมาใส่ส้นสูงบ้างเหรอ เปลี่ยนลุคไง”
น้องสาวผมทำท่าจะดึงมือเพื่อนเธอเข้าร้านรองเท้าแฟชั่นผู้หญิง ผมจึงรีบขัดขึ้น
"รองเท้าผ้าใบอยู่ร้านโน้น” จะให้เพื่อนเธอใส่ส้นสูงเหรอ หึ..ขาเรียวๆเล็กๆนี่แค่ใส่ผ้าใบผู้ชายก็มองกันอยู่แล้วป่าววะ ขืนใส่ส้นสูงอีกมีหวังเธอคงได้กลายเป็นอาหารตาผู้ชายทั้งมหาลัยแน่
“รู้แล้ว แต่จะแวะร้านนี้ก่อน”
ยัยมิ้นมันฟังผมที่ไหนหล่ะเนี่ย
“เตี้ยๆแบบนี้อ่ะนะ ใส่มาแล้วคงสวยหรอก”
“เอ้ะ..เฮีย ทำไมชอบขัดจัง มองยังไงว่าออยไม่สวย สวยกว่าสาวๆเฮียละกัน”
ทำไมสองพี่น้องต้องเถียงกันจริงจังขนาดนี้ด้วยเนี่ย
“เอ่อ..ออยว่าไปร้านผ้าใบดีกว่า ออยไม่ถนัดรองเท้าแบบนี้หรอก”
หึ..ผมชนะ ยัยเด็กน้อยเพื่อนน้องสาวคงเกรงใจผมหน่ะแหละ
พอเข้ามาในร้านแล้วฉันก็เดินเลือกดูรองเท้าผ้าใบผู้หญิงแบบเรียบๆสีขาวที่สามารถใส่ไปมหาลัยได้
“ทำไมเลือกนาน”
“อ่ะ..พี่มิค” พี่มิคมายืนช้อนหลังฉันตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ตกใจหมดเลย แล้วมิ้นไปไหนอ่ะ
“ไม่ถูกใจเหรอ”
“ถูกใจค่ะ แต่ว่าลองใส่ดูแล้ว บางคู่ก็ใส่ไม่ค่อยสบาย”
เขาจึงหยิบรองเท้าจากมือฉันไปดูด้วยการพลิกไปพลิกมา
“รองเท้าที่เธอเลือกหน่ะมันแบบลดราคา มันจะใส่สบายได้ยังไงหล่ะ”
ห่ะ..นี่เขาสังเกตฉันตลอดเลยเหรอเนี่ย
“ชอบคู่นี้ไหม”
แล้วเขาก็หยิบรองเท้าคู่หนึ่งออกมาจากชั้น ดูแล้วน่าจะเป็นรุ่นใหม่ด้วย แบบนี้คงแพงน่าดู
“ก็ชอบนะคะ สวยดีค่ะ”
“งั้นลองใส่ดูดิ”
“เอ่อออยไม่..” จะปฏิเสธยังไงดีหล่ะเนี่ย
“ลองใส่ดูก่อน” ยัยขี้งกเอ้ย ลังเลอยู่นั่นแหละ
ผมจึงผลักเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่ทางร้านมีไว้บริการลูกค้าสำหรับนั่งลองรองเท้า แล้วจัดการแกะสายรองเท้าผ้าใบออกให้เธอ
“อ่ะ..ลองใส่ดู หรือจะให้ฉันช่วยใส่ให้”
“มะ..ไม่ต้องค่ะ ออยใส่เองได้” พอฉันลองใส่รองเท้าที่พี่มิคเลือกให้ มันพอดีเป๊ะเลย แถมใส่สบายมากด้วย
“ใส่แล้วเป็นไง”
“สบายค่ะ นุ่มมากเลย” ฉันลองลุกขึ้นยืนเดินไปมาแล้วตอบเขาไป
“พอดีไหม หรือหลวมไป”
“พอดีเลยค่ะ”
จะไม่พอดีได้ไงหล่ะ ผมรู้แม้กระทั่งไซส์รองเท้าของเธอหน่ะแหละ
“งั้นผมเอาแบบนี้ 2 คู่ครับ”
เขาหันไปคุยกับพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
ตายแล้ว 2 คู่เลยเหรอ แค่คู่เดียวยัยออยก็ปาดเหงื่อแล้วนะ แล้วนี่ตั้ง 2 คู่แบบนี้ฉันต้องทำงานกี่วันกันเนี่ยถึงจะพอค่ารองเท้านี่หน่ะ แต่ฉันก็ไม่กล้าขัดเขาด้วยสิ
ขณะที่เรากำลังรอพนักงานเข้าไปคิดเงินและก็จัดรองเท้าใส่ถุงอยู่นั้น ฉันก็หันมองหามิ้นเพื่อฆ่าเวลา ก็ฉันไม่กล้ามองหน้าเขานี่
“มิ้นรออยู่ร้านรองเท้าข้างๆ”
เขามองฉันอยู่สินะ ถึงได้รู้ว่าฉันมองหามิ้นอ่ะ
“อ๋อค่ะ”
เมื่อพนักงานนำถุงรองเท้ามายื่นให้พร้อมกับแจ้งราคา พี่มิคก็รับถุงนั่นไปถือซะเอง ฉันจึงเปิดกระเป๋าเพื่อจะหยิบเงิน ในใจกำลังภาวนาขอให้เงินในกระเป๋าพอค่ารองเท้าด้วยเถอะ ไม่งั้นฉันหน้าแตกแน่ๆ แต่ก็ช้ากว่าพี่มิคที่ยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานเรียบร้อยแล้ว
“ฉันซื้อให้”
“อ้าว..ซื้อให้ออยทำไมคะ”
“ไม่มีเหตุผลแค่อยากซื้อให้”
TALK เอ๊ะยังไง อิพี่ตามน้องมามิใช่รึ แล้วสนใจน้องบ้างม้ายเอาแต่มาขลุกอยู่กะเพื่อนน้อง มีโมเม้นต์แกะสายรองเท้าให้ด้วยนะ