EP 02
การกลับมา Loading…100%
Riko part :
“แค่กๆๆ”
เสียงไอแห้งๆ ของผู้หญิงคนนั้นทำให้จำต้องหันกลับไปสบสายตากับเธออีกครั้ง แต่กลับเห็นว่าเธอไม่ได้มองฉันอยู่เหมือนเมื่อตอนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เพราะเธอกำลังหันไปคว้ากระดาษทิชชูใกล้มือมาปิดปาก และเมื่อเธอดึงกระดาษทิชชูแผ่นนั้นออกจากปาก สองตาของฉันก็เบิกโพลงขึ้นทันทีที่เห็นว่ามันเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดงฉาน
หัวใจไหวระริกเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้าบอกได้ดีว่าเธอโกหก เธอไม่ได้แค่ป่วยเป็นไข้ธรรมดาที่กินยาแล้วจะสามารถหายขาดได้ แต่เธอเป็นโรคร้ายอยู่จริงๆ แบบที่ผู้ชายคนนั้นตั้งใจจะไปส่งข่าวบอกฉันผ่านโทโมะต่างหาก หลักฐานมันฟ้องตั้งแต่ที่ฉันเห็นว่าเธอไม่มีเส้นผมหลงเหลืออยู่บนศีรษะแล้ว
ฉันยืนจ้องมองผู้หญิงคนนั้นที่กำลังพยายามกำกระดาษทิชชูแผ่นนั้นเอาไว้ในมือแน่นๆ ราวกับกลัวว่าฉันจะเห็นว่าเธอไอเป็นเลือด แต่ถึงเธอจะกำแผ่นนั้นเอาไว้จนมิด ฉันก็ยังสังเกตเห็นว่ามีอีกหลายแผ่นที่เธอปั้นทิ้งลงไปในถุงใบเล็กๆ ราวกับว่ามันเป็นถุงสำหรับใส่กระดาษทิชชูเปื้อนเลือดของเธอ
“คือแม่...”
โครม!
แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากหน้าบ้านทำให้ฉันต้องรีบหันกลับไปมอง ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลงขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีกลุ่มชายชุดดำสี่ห้าคนบุกรุกเข้ามา
แต่ละคนล้วนแล้วแต่ตัวใหญ่และดูน่ากลัวทำเอาฉันต้องก้าวถอยกลับเข้ามาด้านในโดยอัตโนมัติ ถึงจะเคยเห็นและคลุกคลีอยู่กับมาเฟียแต่ฉันกลับรู้สึกไม่ชิน และในสถานการณ์แบบนี้ ในสถานที่นี้ ฉันยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย
หากแต่ว่าการก้าวถอยหลังออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าวกลับทำให้ฉันเกือบจะชนชิดกับผู้หญิงคนนั้นที่กำลังพยายามจะประคองตัวเองลุกขึ้นมาจากฟูกที่นอน
“พวกนายเป็นใคร เข้ามาในบ้านได้ยังไง” ฉันรีบถามเมื่อจนแต้มแล้ว ไม่มีทางหนีก็ต้องพุ่งชน แต่ผู้ชายพวกนั้นกลับไม่สนใจเสียงของฉันเลยด้วยซ้ำ เพราะแต่ละคนกำลังแยกย้ายกันเดินไปค้นข้าวของในบ้านจนกระจัดกระจาย
“นี่ ฉันถามว่าพวกนายเป็นใคร ไม่ได้ยินที่ฉันถามรึไง”
“ออกไป” ผู้หญิงคนนั้นกระซิบบอกพลางเอื้อมมือมาดันไหล่ฉันเบาๆ
“หนีไปซะ”
การกระทำของผู้หญิงคนนั้นทำให้ฉันนึกจะประหลาดใจอยู่ลึกๆ เพราะปกติแล้วเธอไม่เคยออกตัวปกป้องฉันด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้กลับไล่ให้ฉันหนีเอาตัวรอดออกไปงั้นเหรอ
“แม่บอกให้หนีไปยังไงล่ะริโกะ”
“แม่?”
แล้วก็มีคำถามหนึ่งดังขึ้นมาทันทีเมื่อหนึ่งในห้าคนที่กำลังรื้อค้นข้าวของได้ยินประโยคนั้นเข้าพอดี ก่อนจะตามมาด้วยสายตาวาววับของผู้ชายกลุ่มนั้นทั้งหมดที่พุ่งตรงมาที่ฉัน
สัญชาตญาณของฉันบอกว่าอันตรายใกล้จะมาถึงตัวแล้ว!
“เฮ่ย เอาเงินในลิ้นชักมา!” น้ำเสียงทุ้มใหญ่ตะคอกบอก ก่อนที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรื้อค้นลิ้นชักตามคำสั่ง ไม่นานก็ได้เงินจำนวนหนึ่งในลิ้นชักออกมายื่นให้หัวหน้ากลุ่ม ซึ่งถึงแม้ฉันจะไม่เห็นสีหน้าเย้ยหยันของทุกคนในที่นี้ แต่ฉันก็เดาได้จากจำนวนเงินที่น้อยนิดนั้นแล้วว่ามันไม่น่าจะพอ
“แค่นี้?”
“มะ มีแค่นี้ เอาไปก่อนเถอะนะ เดี๋ยวอีก...”
แกร๊ก!
เสียงบางอย่างที่ได้ยินบวกกับภาพเบื้องหน้าที่กำลังได้เห็นทำให้ร่างกายของฉันชาดิกไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นคือสองเท้าของฉันดันก้าวเข้ามากั้นตรงระหว่างผู้หญิงคนนั้นกับปลายกระบอกปืนของผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ตรงหน้าโดยที่ฉันไม่รู้ตัว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันถูกข่มขู่ ผู้ชายพวกนี้ไม่ใช่กลุ่มแรกที่เข้ามารื้อค้นและทำลายข้าวของที่นี่ แต่สิ่งที่ฉันไม่ควรทำคือการปกป้องผู้หญิงที่ไม่เคยแม้แต่จะปกป้องฉันอย่างที่กำลังทำต่างหาก
แต่จะถอยกลับไปก็ไม่ได้ซะแล้วในเมื่อปลายกระบอกปืนยังคงจ่ออยู่ที่กลางหน้าผาก
“จะเอาเท่าไหร่” ฉันข่มเสียงถามออกไปพร้อมกับที่พยายามบอกตัวเองว่าอย่าไปกลัว ฉันมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่งที่ได้มาจากการทำงานให้คุณโอยามะ ซึ่งอาจจะทำให้ฉันรอดออกไปจากสถานการณ์นี้ได้ ฉันต้องออกไปให้ได้ไม่อย่างนั้นคุณโอยามะต้องรู้แน่ๆ ว่าฉันมาที่นี่ และนั่นเท่ากับว่าเขาจะรู้ว่าฉันทำผิดข้อตกลงที่ระบุเอาไว้ในสัญญา ซึ่งมันแปลว่าอนาคตของฉันจะดับวูบลงในทันที
“เหอะ มีปัญญาจ่ายเหรอถึงกล้าถาม”
“เท่าไหร่”
“เท่าชีวิตของยัยนั่น ลากตัวมันออกมา”
“อย่า!”
ฉันร้องบอกออกไปเสียงดังพร้อมกับการยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกางออกไปจนสุดแขน หัวใจเต้นถี่ยิบและเริ่มรู้สึกเกลียดตัวเองที่ตัดสินใจทำแบบนี้
“จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา แต่อย่าทำอะไร...เธอ”
คำว่าแม่มันพูดยากตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันเกลียดคำนั้นนับตั้งแต่วันที่ถูกขาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องการและคิดถึงมันมาตลอดเกือบสี่ปี
ยอมรับว่าต้องการและคิดถึง แต่จะไม่มีทางกลับไปเด็ดขาด!
“เหอะ! จะยอมแลกด้วยชีวิตเธอมั้ยล่ะ เพราะถึงฉันบอกจำนวนเงินที่พ่อของเธอติดหนี้เจ้านายฉันอยู่ เธอก็ไม่มีปัญญาชดใช้อยู่ดี”
“ฉันมีเงิน” ฉันบอกออกไปอย่างนั้น เงินเก็บที่ได้มาจากการทำงานให้กับคุณโอยามะมาตลอดสี่ปีมันน่าจะมากพอใช้หนี้สิ มันจะมากมายถึงขนาดที่เงินเก็บสี่ปีของฉันไม่พอเลยรึยังไง
“เธอคิดว่าเงินเท่าไหร่ถึงจะพอซื้อชีวิตพ่อกับแม่ของเธอได้ล่ะ ยัยเด็กโง่”
“ก็แล้วจะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามาสิ อื้ออ”
มือหนาจับล็อกปลายคางของฉันเอาไว้แน่นก่อนจะบีบแก้มของฉันแรงๆ จนฉันรู้สึกปวดไปทั้งกราม ปลายกระบอกปืนที่กดลงมากลางหน้าผากทำให้ฉันต้องหลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้นในอก
“อย่าทำอะไรลูกสาวฉันเลยนะ ฉันขอร้องล่ะ ฉันจะรีบหาเงินมาใช้คืนให้”
“แค่ลุกจากเตียงยังยากเลย แล้วคนอย่างแกจะเอาปัญญาที่ไหนไปหาเงิน”
“ฉันมีแน่ แต่อย่าทำอะไรลูกสาวฉันเลยนะ”
ฉันควรตื้นตันรึเปล่าที่วันนี้ผู้หญิงคนนั้นกล้าที่จะปกป้องฉันในวันที่ตัวเอง...ใกล้ตาย
“ฉันไม่เชื่อ พวกแกพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้จะเห็นแก่ที่แกมีลูกสาวสวยก็แล้ว” ผู้ชายคนนั้นพูดพลางมองกลับมาที่ฉัน ราวกับว่าจะให้ฉันเป็นคนตัดสินใจ
“ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทาง จะให้ฉันฆ่าผู้หญิงคนนั้นซะ เพราะยังไงก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว หรือเธอจะลองไปตกลงกับเจ้านายของฉันดู เรื่องจำนวนเงินฉันไม่แน่ใจนักหรอก เพราะดอกเบี้ยมันมากขึ้นทุกวันๆ แต่ถ้าเธอมั่นใจว่ามีเงินมากพอ...” ผู้ชายคนนั้นใช้สายตากวาดมองหน้าตาและร่างกายของฉันราวกับจะพิจารณาฉันจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย มันทำให้ฉันรู้สึกโกรธจนต้องกำหมัดแน่นแต่ต้องพยายามอดทนเพราะวู่วามไปก็มีแต่จะเกิดเรื่อง
“เจ้านายของฉันก็อาจจะเมตตา”
“อย่านะริโกะ ฆ่าฉันเลย ฆ่าฉัน” ผู้หญิงคนนั้นร้องบอก ซึ่งฉันก็ได้แต่ยืนกัดฟันและพยายามคิดหาทางออกในใจ แต่เวลามีไม่มากพอ เพราะเมื่อมันเห็นว่าฉันนิ่ง ปลายกระบอกปืนที่เคยจ่ออยู่ที่กลางหน้าผากของฉันก็ค่อยๆ ถูกยกออกไปเพื่อเล็งไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่กำลังร้องขอความตาย
“ยิงฉันเลย แต่อย่าทำอะไรลูกสาวฉัน ริโกะ แม่ขอโทษนะลูก แม่...”
“พาฉันไป”
...ยัยริโกะ ยัยโง่!...