EP 01
หน้าที่ของบอดี้การ์ด Loading…75%
Kirawa part :
ถึงผมจะรู้สึกยังไงกับริโกะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะสามารถละเลยหน้าที่ที่ผมได้รับมอบหมายได้หรอก ยังไงซะสิ่งที่คุณโอยามะย้ำกับผมและคนอื่นๆ มาตลอดนั่นก็คือเรื่องของการเรียงลำดับความสำคัญ
...ถ้าเราเรียงลำดับความสำคัญไม่ถูกต้อง ผลกระทบที่ตามมาอาจเป็นการสูญเสีย...
ผมลงลิฟต์มารอคุณโอยามะที่ชั้นล่างตามที่ได้รับคำสั่ง แต่ก่อนอื่นเลยผมคงต้องบอกคนที่ยังคงนั่งรอผมอยู่ในรถซะก่อนว่าวันนี้ผมคงไม่สามารถขับรถไปส่งเธอกลับบ้านได้แล้ว
ฟึ่บ!
เริ่มจากการเปิดประตูรถทันทีที่เดินมาถึง
การที่อยู่ๆ ผมเปิดประตูรถออกโดยไม่ได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านในก่อน ทำให้ริโกะหันมามองผมด้วยสองตาที่เบิกโพลงขึ้นเพราะความตกใจ
“ถ้าฉันเป็นคนร้าย เธอคงตายไปแล้ว ทำไมไม่ล็อกประตูรถ” ผมถามเสียงขุ่นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเตือนเรื่องนี้กับเธอ ไม่อย่างนั้นผมจะตั้งใจเดินมากระชากประตูรถทำไม
“เอ่อ ริโกะขอโทษที่ประมาทค่ะ”
“เวลาโดนยิง คำขอโทษมันไม่ได้ทำให้เธอหายเจ็บหรอกริโกะ” ผมดุใส่ ซึ่งเธอก็ทำหน้าหงอใส่ผมเหมือนทุกที แต่ไม่เคยจำเลยสักครั้งเดียว
“ลงมา”
“คะ?”
“บอกให้ลงมา เดี๋ยวฉันต้องไปทำงานต่อ โยชิจะเป็นคนไปส่งเธอแทนฉัน” ผมถือโอกาสบอกริโกะไปในตัว ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะยังงงๆ อยู่กับคำสั่งปุบปับของผม แต่เธอก็รีบก้าวเท้าลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าเป้นักเรียนที่เธอมักจะวางมันเอาไว้บนตักของตัวเองเสมอ
“ช่วงนี้โยชิจะทำหน้าที่ไปรับไปส่งคุณฮานะกับเธอแทนฉันชั่วคราว”
“ทำไมเหรอคะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า ริโกะทำอะไรผิดรึเปล่าคะ” ริโกะรีบถาม สายตาของเธอฉายแววกังวลขึ้นมาอย่างชัดเจน นั่นทำให้ผมต้องรีบส่ายหัวปฏิเสธ
“ไม่หรอก ฉันต้องไปทำงานน่ะ” ผมตอบสั้นๆ ซึ่งผมดูออกว่าริโกะน่าจะยังมีคำถามที่เธออยากจะถามต่อ แต่เธอคงไม่กล้าพอจะถามออกมา เธอถึงได้เลือกที่จะเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วเปลี่ยนเป็นส่งยิ้มให้ผมแทน
“ริโกะเข้าใจค่ะ”
“เป็นเด็กดีด้วยล่ะ” ผมทิ้งท้ายสั้นๆ อีกครั้งก่อนจะปิดประตูรถลงเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นเงาของโยชิสะท้อนออกมาจากกระจกรถทางด้านหลังของริโกะ
ผมหันไปมองหน้าโยชินิ่งๆ ซึ่งทันทีที่เขาเดินมาถึงจุดที่ผมกับริโกะยืนอยู่ เขาก้มหัวให้ผมนิดหน่อยก่อนจะมองเลยไปที่ริโกะที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“รถฉันจอดอยู่ข้างหลังน่ะ”
“ค่ะคุณโยชิ” ริโกะตอบรับพร้อมกับยิ้มเจื่อน เธอหันมาทำความเคารพผมก่อนจะเดินนำออกไปตามทางที่โยชิบอก ส่วนผมก็คงต้องรอคุณโอยามะอยู่ตรงนี้
“ผมจะดูแลคุณฮานะกับริโกะอย่างดี คุณคิราวะวางใจเถอะครับ” โยชิบอกผมอย่างนั้นก่อนจะเดินตามริโกะออกไป ซึ่งผมรู้ดีว่าเขาต้องทำได้แน่ๆ ไม่อย่างนั้นคุณโอยามะคงไม่เลือกให้เขาทำหน้าที่สำคัญแบบนั้น
“คุณคิราวะคะ”
แล้วอยู่ๆ เมื่อผมกำลังจะละสายตาออกเส้นทางการเดินออกไปของทั้งริโกะและโยชิ เสียงของริโกะก็ทำให้ผมต้องหันกลับไปสบตากับเธออีกครั้ง
“ริโกะรอได้ค่ะ” ริโกะยกมือขึ้นมาป้องปากแล้วพูดโดยไม่เปล่งเสียงออกมา แต่ผมอ่านปากของเธอออก เพราะจำได้ว่ามันเป็นประโยคเดียวกับที่เธอเพิ่งจะพูดกับผมไปเมื่อตอนก่อนที่ผมจะขึ้นไปข้างบน มีเพียงโยชิเท่านั้นที่คงไม่เห็นว่าเธอพูดอะไร
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะสะบัดมือไล่ให้เธอรีบเดินออกไปเท่านั้น
ผมไม่อยากให้โยชิสงสัยอะไรมากมาย ไม่ชอบให้เขามองผมหรือเธอด้วยสายตาที่เหมือนจะลอบสังเกตตลอดเวลาแบบนั้น รวมถึงไม่อยากให้คุณโอยามะเดินลงมาเห็นริโกะในท่าทีแบบนั้นด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมทำให้เธอตกที่นั่งลำบากที่ต้องตอบคำถามคุณโอยามะ
แล้วนี่ตกลงแล้วสาเหตุที่เธอพูดแล้วยิ้มได้แบบนั้นเป็นเพราะเธออยากให้ผมสบายใจ หรือเป็นเพราะตัวเธอเองรู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องตอบคำถามของผมแล้วกันแน่
ยัยเด็กแสบ รู้มากขึ้นทุกวันจริงๆ
เฮ้อ~
ผมได้แต่ถอนหายใจก่อนจะสะบัดหัวเบาๆ เพื่อไล่ความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านอยู่ออกไป พอดีกับจังหวะที่คุณโอยามะเดินมาถึงตัวรถ และหน้าที่ของผมก็คือการเปิดประตูรถให้เขา
“ไปแบล็กทาวน์”
คำสั่งจากคุณโอยามะทำให้ผมคำนวณเส้นทางการขับรถในหัวทันที แม้จะยังไม่รู้ว่าคุณโอยามะจะกลับไปที่นั่นทำไมในเวลานี้ ทั้งที่เขาเองก็เพิ่งจะกลับออกมาได้ไม่นานด้วยซ้ำ แต่คิดว่าเดี๋ยวอีกสักพักผมคงได้รู้คำตอบ
ทันทีที่ผมเข้ามานั่งประจำที่คนขับ ผมก็ขับรถออกมาเพื่อตรงไปยังแบล็กทาวน์ตามคำสั่ง แบล็กทาวน์คือตึกแฝดที่สูงที่สุดในย่านมารุ ศูนย์รวมคำสั่งและการปฏิบัติงานทุกอย่างของแบล็กสกอร์เปี้ยน
“ถ้าฉันให้เปิดโอกาสให้นายถามคำถามฉันได้หนึ่งคำถาม นายอยากถามอะไรคิราวะ” คุณโอยามะถามพลางเหลือบสายตามองผมผ่านกระจกมองหลังตรงหน้าผม ซึ่งก็ทำให้ผมเหลือบมองเขากลับไปเช่นกัน
“ผมไม่มีคำถามครับ”
“แม้แต่เรื่องริโกะก็จะไม่ถามงั้นเหรอ”
“ครับ”
“ทำไม หรือนายกลัวว่าฉันจะสั่งให้นายวนรถกลับไปแบล็กวิลล์”
น้ำเสียงของคุณโอยามะเย็นเยียบแบบนี้เสมอ ผมเชื่อสนิทใจว่าถ้าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ผม มันคงกลัวจนหัวหดไปแล้ว แต่สำหรับผม ไม่ว่าน้ำเสียงของคุณโอยามะจะเย็นหรือนิ่งมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถสื่อหรือแสดงออกได้ถึงอารมณ์ของเขาเท่ากับสายตาหรอก และเป็นเพราะว่าผมมองเห็นได้ชัดเจนว่าสายตาของเขาในเวลานี้ดูนิ่งสงบ นั่นแปลว่าเขาไม่ได้กำลังคิดจะหลอกถามเพื่อให้ผมเปิดปาก หากแต่กำลังประเมินความคิดของผมอยู่ต่างหาก
“เปล่าครับ แต่ที่ผมไม่ถาม เพราะผมไม่ได้สงสัยอะไร”
“อย่างเช่นเรื่องที่ฉันสั่งให้โยชิไปทำหน้าที่รับส่งริโกะแทนนายด้วยใช่มั้ย”
คำถามชี้นำของคุณโอยามะทำให้ผมนิ่งไปสักพัก แต่ถึงจะเอะใจอยู่บ้าง ผมก็ยังไม่คิดจะถามออกไปอยู่ดี
“คุณโอยามะวางใจให้เขาทำหน้าที่นั้นก็เพราะเขามีความสามารถครับ อีกอย่างหน้าที่หลักของโยชิคือรับส่งคุณฮานะต่างหาก ส่วนริโกะเป็นผลพลอยได้” ผมตอบอย่างพยายามแยกแยะ ซึ่งก็ทำให้ผมได้เห็นรอยยิ้มมุมปากของผู้ชายที่ใครๆ ก็มักจะบอกว่าเขาไร้ซึ่งอารมณ์ขัน
“นายไม่ควรเชื่อใจฉันขนาดนั้นหรอกคิราวะ”
“ผมเชื่อในเหตุและผลของคุณโอยามะครับ เชื่อเพราะรู้และมั่นใจว่าเหตุผลนั้นมันจะเป็นผลดีกับเราทุกคนเสมอ” ผมตอบพลางยิ้มตอบคุณโอยามะนิดหน่อย ก่อนจะตั้งใจขับรถต่อไปเงียบๆ
“ขอบใจที่นายเชื่อใจฉัน”
คำตอบของคุณโอยามะทำให้ผมรู้สึกใจโล่งใจขึ้นมาได้บ้างนิดหน่อย ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าเหตุผลที่คุณโอยามะออกคำสั่งแบบนั้นคืออะไร แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นทางเลือกที่คุณโอยามะคิดว่ามันดีที่สุดแล้วสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้
“คุณโอยามะมีอะไรจะบอกผมงั้นเหรอครับ” ผมถามเมื่อสบโอกาส รู้สึกได้ว่าตั้งแต่ที่ผมขับรถออกมาคุณโอยามะเหลือบสายตามองผมอยู่หลายครั้ง ซึ่งถึงจะเป็นเพราะคุณโอยามะมีเรื่องจะพูดกับผม แต่มันก็บ่อยเกินไปอยู่ดี บวกกับการที่ผมเห็นว่าเขายกข้อมือซ้ายขึ้นมามองนาฬิกาข้อมือ ทำราวกับว่ากำลังรอเวลาอะไรสักอย่าง
“สมกับเป็นคนที่ฉันไว้ใจให้ดูแลฮานะ”
“เกี่ยวกับเรื่องของพวกเสือขาวใช่มั้ยครับ” ผมพยายามคาดเดาอย่างไม่อ้อมค้อม ซึ่งคำตอบของคุณโอยามะก็คือการพยักหน้าเบาๆ แล้วสบตาผมนิ่งๆ เหมือนเป็นสัญญาณเตือน
“ผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้ครับ”
“นายรู้ตัวมานานเท่าไหร่แล้ว”
นี่ต่างหากสิ่งที่คุณโอยามะต้องการจากปากผม
“สองวันครับ”
“เพราะแบบนี้นายถึงไม่สงสัยเรื่องที่ฉันสั่งให้โยชิไปดูแลฮานะสินะ” คุณโอยามะพูดต่ออย่างรู้ทัน ซึ่งผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบเขาอย่างตรงไปตรงมาเหมือนเคย
ก่อนหน้านี้ประมาณสองวันก่อน ผมรู้สึกว่ามีคนคอยสะกดรอยตามผม เพียงแต่ยังไม่มั่นใจเท่านั้นว่าเป็นพวกไหน มันปฏิเสธได้ยากว่ายิ่งคุณโอยามะนำพาแบล็กสกอร์เปี้ยนให้แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ คนที่คิดจะล้มเขาก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
แต่การที่จะล้มเขาโดยตรงมันไม่ง่าย แต่ขั้นตอนมันก็ไม่ได้ยาก เพราะก็คือการต้องเริ่มจากการข้ามศพผมไปก่อน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ค่าหัวของผมจะพลอยสูงตามไปด้วย เพราะถ้ากำจัดผมได้ก็ไม่ต่างอะไรกับการตัดแขนของคุณโอยามะ
“ผมทราบครับว่าคุณโอยามะเป็นห่วงคุณฮานะ และต้องขออภัยที่ผมไม่ได้บอกให้คุณโอยามะทราบตั้งแต่ต้น จนอาจทำให้คุณฮานะต้องตกอยู่ในอันตราย”
“ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก คนที่ทำให้ฮานะต้องตกอยู่ในอันตรายคือฉันต่างหาก เป็นคนของฉัน จะอยู่ตรงไหนกับใครก็อันตรายทั้งนั้น นายเองก็เหมือนกัน” คุณโอยามะพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ซึ่งผมรู้ดีว่าเป็นเพราะความห่วงใยที่เขามีต่อคุณฮานะ ก่อนหน้าที่เขาจะได้รู้จักเธอ ไม่ว่าจะปัญหาอะไรหรือแม้แต่ความตาย ผมก็ไม่เคยเห็นคุณโอยามะยี่หระต่ออะไรสักอย่าง แต่ตั้งแต่ที่เขามีคุณฮานะ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
จากที่รอบคอบอยู่แล้ว เขาก็รอบคอบขึ้นอีกหลายเท่าในทุกๆ ด้าน ระวังตัวเองมากขึ้น และก็ดูเหมือน...จะอ่อนโยนมากขึ้นอีกด้วย
“ผมจะพยายามลากตัวมันออกมาให้ได้เร็วที่สุดครับ”
“อย่าวู่วามจนกว่าจะแน่ใจ ไม่ว่าจะฮานะหรือนาย ต่างก็มีความสำคัญกับฉันทั้งนั้น”
“ครับผม”
ปัง!