“น้องรันมาพอดีเลยค่ะ”
“อ้าวยายรัน แต่งตัวเร็วนะเรา พี่ขอตัวก่อนนะคะ ไว้ทานข้าวด้วยกันสักมื้อ พี่จะทำอาหารที่ชอบให้เป็นพิเศษ”
รันลดาใส่ชุดเสื้อแขนกุดสีขาวคู่กับกระโปรงลายยาวพลิ้วเดินลงมาพร้อมกระเป๋าผ้าลายเก๋ใบใหญ่
“ค่ะพี่พิมรันพร้อมแล้ว ขอตัวก่อนนะคะคุณรส”
สองสาวต่างวัยพากันเดินจับจ่ายซื้อของเข้าบ้าน รันลดาหาโอกาสที่จะคุยเรื่องการไปอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเธอก็ไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ เธอเบื่อหน่ายต่อการเผชิญหน้ากับภพพัฒน์เต็มทน ตลอดสามปีที่ผ่านมาเขาค่อยแต่จะหาเรื่องเธอไม่เว้นแต่ละครั้งที่พบหน้ากัน ทั้งที่เธออยากให้มันเป็นการพบกันด้วยมิตรไมตรีที่ดี ไม่มีสักครั้งที่จะได้คุยกันดีๆ
“มีเรื่องกังวลอะไรในใจหรือเปล่ารัน พี่เห็นเราหน้ายุ่ง เหมือนมีอะไรในใจ”
“รัน เออ รันอยากคุยกับพี่เรื่อง ๆ ย้ายมาอยู่ข้างนอกค่ะ” หน้าใสมีรอยกังวลจนพิมพาสงสาร ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องที่น้องชายตัวดี คอยแต่ระรานน้องของสามี ไม่ว่าเธอจะบอกอะไร เขาก็ไม่เคยปรับพฤติกรรมที่แสดงออกต่อหญิงสาวผู้น่าสงสารตรงหน้า
“พี่ขอเถอะนะรัน ถือว่าอยู่เป็นเพื่อนพี่ พี่ชายของรันเขาก็หายไปนานจนพี่หมดหนทางจะตามหาแล้ว รันไม่อยู่พี่เหงาแย่ เดี๋ยวพี่จะคุยกับตาภพอีกครั้งนะ”
“รันอยากไปจริงๆ นะคะ พี่พิมรันจะกลับมาเยี่ยมพี่บ่อยๆ”
“รันจะปล่อยให้พี่เหงาอยู่บ้านคนเดียวหรอ พี่ขอร้องละ อย่าไปอยู่คนเดียวเลย อันตรายมากนะ ผู้หญิงคนเดียวอยู่ข้างนอก” พิมพาพยายามพูดโน้มน้าว ด้วยความเป็นห่วง จนแล้วจนรอดรันลดาขอโอกาสคิดดูก่อน จนกลุ้มใจจึงได้นำเรื่องมาพูดคุยกับน้องชาย
“เขาอยากไป พี่พิมจะไปห้ามทำไมครับ พี่น้องกันนิสัยจะต่างกันไปเท่าไร” ภพพัฒน์ชะงักก่อนจะพูดออกมาอย่างพาลๆ
“พี่บอกเรากี่ครั้งแล้วว่ายายรันนะเป็นเด็กดี เราก็คอยหาเรื่องน้องเขาอยู่เรื่อย พาลเหมือนเด็กๆ อายุจะสามสิบสามแล้วนะ” พิมพาพูดอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
“แล้วแต่พี่ครับ ผมไม่อยากแสดงความคิดเห็นแล้ว เด็กนั้นเป็นน้องรักพี่นี่ แต่สำหรับผมไม่ใช่”
“เราก็อย่าหาเรื่องรันก็แล้วกัน ” พิมพาส่ายหน้าให้กับความเกเรของน้องชาย
“ผมจะคุยกับเขาเอง ถ้าเรื่องมากนักก็ พี่จะได้สบายใจ”
“จ้า ขอบใจมาก คุยดีๆ นะ ไม่ใช่ขู่”
“เดี๋ยวพี่พิมให้ หวานไปตามมาให้ผมหน่อยนะครับ ผมจะรอห้องทำงาน”
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นในสิบนาทีต่อมา หญิงสาวร่างบางระหงเดินด้วยฝีเท้าแผ่วเบาเข้ามาหยุดหน้าโต๊ะทำงาน
“นั่งสิ จะยืนค้ำหัวทำไมกัน แล้วไอ้ท่าทางที่ทำเหมือนฉันจะฆ่านะเลิกสักทีเถอะ”
“คุณภพมีธุระกับรันหรอคะ” หน้าเรียวค่อยๆ เงยขึ้นมาสบตาคมเข้มที่จ้องเธอแทบไม่กระพริบ
“ใช่ พี่พิมมาบอกว่าเธอจะออกไปอยู่ข้างนอก จะไปทำไม ฉันไม่ได้ไล่เธอสักหน่อย”
ไม่ไล่ก็เหมือนไล่ ทำหน้าบอกบุญไม่รับสะขนาดนี้ ใครจะกล้าอยู่ต่อไป
“คือรันไม่อยากรบกวนพี่พิมไปมากว่านี้นะคะ”
“คงไม่มีอะไรมากำปกว่าที่พี่ชายเธอได้ทำไว้หรอก หรือคิดเธอคิดว่ายังไง” น้ำเสียงเยาะเย้ยที่ได้ยินไม่อาจทำให้เธอใจเย็นได้อีกต่อไป
“รันว่าคุณภพเริ่มพาลแล้วนะคะ อย่าว่าพี่ชายรันอีกเลย อีกอย่างรันจะได้ไปให้พ้นๆ หน้าคุณ”
“เธอจะทำไมพี่ชายเธอดีขนาดไหน ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ คนเลวยังไงมันก็เลวอยู่วันยังค่ำ”
“รันขอตัวก่อนนะคะ ถ้าคุณภพไม่มีเรื่องอะไรแล้ว” ร่างบอกบางแทบจะปลิวลมลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เร็วไปกว่าชายหนุ่มร่างสูงที่พุ่งมากระชากแขนก่อนที่จะเปิดประตูออกไปได้
“รับความจริงไม่ได้ เลยหนียังงั้นหรอ อย่าคิดว่าพี่พิมจะคุ้มครองเธอได้นะ ที่อยู่นี่หวังอะไรล่ะ”
“ปล่อยค่ะ คุณภพ อย่ามาถูกต้องตัวรัน ถ้าคุณเกลียดรันนักรันจะไปให้พ้นหน้า” แรงอารมณ์ทำให้รันชญาสะบัดแขนอย่างแรงออกจากการเกาะกุมแทบที่จะเป็นการกอดของภพพัฒน์ แต่สะบัดเท่าไรก็ไม่หลุดจากการเกาะกุมอันแน่นหนา
“รังเกียจอะไรหนักหนา ที่ไอ้นัดทำไมกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไม่อายผู้คนในบ้าน” อ้อมแขนแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อรัดแน่นมากขึ้นเหมือนแกล้งให้เธอรู้สึกเจ็บ มือใหญ่จับใบหน้าที่สะบัดหนีให้อยู่จริง ตาจ้องตา ใบหน้าคมค่อยๆ ก้มลงมาจนเกือบชิดหน้านวล