จบ เสน่หาพ่ายรัก (ลบแล้วค่ะ)
18
ตอน
9.21K
เข้าชม
25
ถูกใจ
17
ความคิดเห็น
9
เพิ่มลงคลัง

...เสน่หาพ่ายรัก... 

โดย 

กุมภ์พวา 

..... 

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม)พ.ศ.2558 

..... 

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่มีสาระความรู้ใดๆ 

หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้แต่งต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย 

*************************************** 

“หนึ่ง!”

พี่ชายของอดีตเพื่อนสนิทร้องเรียกชื่อหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องรับแขกอย่างตกใจ กานต์ที่ยืนหันหลังให้ ใจกำลังเต้นรัวเลือดสูบฉีดทั่วร่างทันที เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู ซึ่งเขาจำได้มิเคยลืมเลือน ค่อยๆ หันมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนเดียวที่เขารักเสมอมา เวลาสี่ปีไม่อาจพรากความรู้สึกนี้ไปจากหัวใจของเขาได้

“พี่กานต์!”

“ใช่! พี่เอง!”

หัวใจสองดวงกำลังเต้นผิดจังหวะ สายตามองประสาน ยืนนิ่งงันด้วยกันทั้งคู่ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ภาพความทรงจำในวันวานฉายเข้ามา เหมือนย้ำเตือนเยื่อใยความผูกพันที่ตัดเท่าไหร่ก็ไม่เคยขาด

“หนึ่ง...”

กานต์เรียกชื่อเหมือนละเมอ สี่ปีมานี้เขาเฝ้าฝันถึงแต่ใบหน้าหวานๆ ดวงตาเศร้าๆ ของคนตรงหน้าแทบทุกครั้งที่หลับตา พูดได้ว่าไม่มีคืนไหนที่เขาล้มตัวลงนอนโดยไม่คิดถึงเธอคนนี้ ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขายอมศิโรราบ กานต์เดินเข้ามาใกล้ อยากเห็นหน้าคนรักให้ชัดๆ แม้ไม่อาจแตะต้องได้ กลับต้องหยุดชะงัก เมื่อศัตรูหัวใจตัวฉกาจก้าวไปขวางหน้าเอาไว้

“กลับไปเสียเถอะคุณกานต์ ผู้หญิงคนนี้อาจเคยเป็นคนรักของคุณ แต่ตอนนี้เธอเป็นเมียและเป็นแม่ของลูกผม คุณกลับไปอยู่ในที่ๆ คุณควรอยู่ ไปหารัสรินทร์เมียคนที่คุณต้องดูแล อย่ามายุ่งกับเมียผมอีก”

คำประกาศกร้าวของเจ้าของบ้านหนุ่ม ทำเอากานต์แทบล้มทั้งยืน เดินถอยหลังกลับไปนั่งบนโซฟา แทบหมดแรงราวโดนมัจจุราชสูบเอาวิญญาณ ดวงตาสีนิลเข้มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ

“เจ็บ”

ทำไมมันเจ็บอย่างนี้ เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป เงยหน้ามองเหมือนต้องการฟังคำปฏิเสธของหญิงสาวให้ใจชื่นขึ้นมาบ้าง คำพูดสั้นๆ แม้เพียงคำเดียวก็ไม่หลุดออกจากปากสั่นๆ บรรยากาศเงียบกริบไปอึดใจ จนคนนั่งบนโซฟาเป็นฝ่ายทนไม่ได้

“หนึ่งจะไม่พูดอะไรสักคำเลยเหรอ"

ตาคมเข้มพยายามส่งประสาน วิงวอนอย่างคนหมดหวัง

“พี่ก้องพูดไปหมดแล้ว ฉันไม่มีอะไรจะพูดอีก คุณกลับไปอยู่กับเมียของคุณเสียเถอะ ที่นี่ไม่มีสิ่งที่คุณต้องการหรอก อย่าจมปลักอยู่กับอดีต มันไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลยสักนิดเดียว”

“หนึ่งจะใจร้ายเกินไปหรือเปล่า แม้แต่ความทรงจำเรื่องของเรา หนึ่งก็จะไม่ให้เหลือไว้บ้างเลยเหรอ”

ยังไม่สิ้นคำสุดท้าย น้ำตาของคนพูดก็หยดแหมะลงบนพื้นพรมอย่างเกินห้าม จนสิตางค์แทบทนยืนในห้องนี้ไม่ได้อีกต่อไป พานน้ำตาจะไหลตาม แต่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ ไหนๆ ก็ได้เจอกับชายหนุ่มซึ่งหน้าอีกครั้ง มาทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบกันเสียที ขืนปล่อยให้ยืดเยื้อมีแต่ต้องตรอมใจเพราะความเจ็บปวดกันทุกฝ่าย ถึงแม้ถ้อยคำที่พูดไปทำร้ายตัวเธอเองไม่น้อยไปกว่าคนได้ฟัง

“ฉันขอร้อง คุณอย่ามายุ่งกับพวกเราอีกเลย ให้ถือว่าเราได้ตายจากกันไปแล้ว”

นี่คือคำพูดทิ้งท้ายก่อนร่างระหงจะหันหลัง แล้วก้าวออกจากห้อง ตามด้วยร่างสูงของสามีในนาม ทิ้งให้อดีตสามีตัวจริงนั่งใจแตกสลายยับเยิน

“คุณเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เหรอหนึ่ง”

“ฮือ...ฮือ...ฮือ...พี่กานต์จะกลับมาอีกทำไม ฮือ...ฮือ..ฮือ...”

เมื่อประตูห้องส่วนตัวปิดลงสนิท สิตางค์ทิ้งทั้งร่างลงบนเตียงอย่างไม่แยแสว่าร่างกายส่วนใดจะเจ็บ ปล่อยน้ำตาให้รินไหลจนเกือบแห้งเหือด ภาพของชายหนุ่มติดหนึบในสมอง สลัดยังไงก็ไม่หลุด ทุกอย่างในตัวเขายังเหมือนเดิม เหมือนเดิมทั้งสีหน้าและแววตา ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

หากยามนี้แม้นใครได้เห็น คงคิดว่าบ้านหลังนี้เกิดเรื่องโศกเศร้าหรือไม่ก็สูญเสียของรักเป็นแน่ เพราะแต่ละห้องล้วนนองไปด้วยน้ำตา กานต์นั่งจมอยู่ที่เดิม ไม่มีแรงพาตัวเองเดินออกจากห้องรับแขกหรู คิดวกไปวนมาถึงคำพูด เมื่อครู่ ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดให้ลึกถึงก้นบึ้งของก้อนเนื้อด้านซ้ายจนเต็มปรี่ทั้งสี่ห้อง

แว่นตากันแดดสีชาถูกลดระดับลง เพื่อให้ใบหน้าสวยเฉี่ยวมองเห็นสิ่งตรงหน้าได้ชัดเจนเต็มสองตา สาวสวยนั่งนิ่งหลังพวงมาลัยตั้งแต่สามีในนามย่างเท้าเข้าบ้านหลังสีฟ้า

“แกจะกลับเข้ามาในชีวิตฉันอีกทำไม! นังเพื่อนทรยศ!”

สายตามองทะลุไปในบ้านด้วยความเคียดแค้น เหมือนที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด ตั้งแต่ชายหนุ่มกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปสามปี เขาไม่เคยกลับเข้าบ้านแม้สักครั้ง นี่ถ้าไม่มีสายในบริษัทคอยรายงาน ตอนนี้เธอคงไม่รู้ว่าสามีของเธอกลับมาแล้ว เพราะทุกคนในบ้านไม่มีใครพูดกับเธอแม้แต่คนเดียว    รัสรินทร์นั่งมองจุดเดิมอยู่เป็นนาน จนเห็นร่างสูงแกร่งชินตาของคนที่เธอรักก้าวออกมาหยุดนิ่งอยู่หน้ารั้วไม้สีขาว สายตาเขาหันกลับไปทอดมองบ้านหลังนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนยกแว่นกันแดดขึ้นใส่ ก้มหน้าเดินกลับขึ้นรถหรู แล้วขับทะยานออกไป ทิ้งให้สองสาวที่เฝ้าดูจากคนละมุม มองตามท้ายรถด้วยอารมณ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง

“อาลัยอาวรณ์กันมากใช่มั้ย เดี๋ยวฉันจะช่วยให้คุณลืมมันง่ายขึ้น”

ฝากผลงานเรื่องแรกของกุมภ์พวาด้วยนะคะ 

ด้วยความขอบคุณ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว