6 Things
About You, Allen
ก่อนอื่น อัลเลน...
เราพบกันได้อย่างไร หรือจะเรียกอีกอย่างว่าฉันเจอเธอได้อย่างไรเสียมากกว่า เมื่อตอนที่ฉันอายุได้เก้าปี ฉันปั่นจักรยานเล่นอยู่บนถนนของหมู่บ้านสปริงฟิลด์โร้ด ช่วงนั้นเป็นวันอีฟอีฟ ทุกบ้านประดับไฟและตกแต่งด้วยต้นคริศต์มาสละลานตา ตรงหัวมุมถนน เลยสวนสาธารณะไปอีกสองบล็อก มีบ้านหลังหนึ่งเงียบเหงาไร้ซึ่งไฟประดับ รั้วหน้าบ้นถูกหิมะจับหนาและพื้นก็กลายเป็นสีขาว ฉันปล่อยเท้าละพื้นเพื่อชะลอความเร็วของรถ มองขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้านด้วยความสงสัยใครรู้อย่างเด็กน้อย ม่านที่ชั้นสองกำลังขยับ และเด็กชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นด้านหลังบานกระจกที่มัวไปด้วยฝ้าสีขาว เด็กคนนั้นมองมายังฉัน วินาทีนั้นฉันก็ถูกความอยากรู้อยากเห็นครอบงำเข้าเต็มประดา เด็กคนนั้นเป็นใคร เขาอยู่กับใคร ทำไมบ้านของเขาจึงไม่ประดับไฟ และอีกหลายๆคำถามเกิดขึ้นในหัว ฉันซึ่งยังเป็นแค่เด็กน้อยยกมือขึ้นโบกเพื่อทักทายเด็กชายแปลกหน้า แต่เด็กคนนั้นก็ยังคงยืนนิ่งราวกับว่า เขาเป็นเพียงหุ่นขี้ผึ้งเท่านั้น --- ฉันจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจึงเริ่มปั่นจักรยานของฉันห่างออกไปเรื่อยๆจากบ้านหลังนั้น ฉันได้แต่ครุ่นคิด ว่าเด็กคนนั้นเป็นใครกันนะ
เรื่องที่สอง
ตอนที่ฉันอยู่เกรดเก้า ฉันทะเลาะกับแฟนคนแรกอย่างหนัก หมอนั่นชื่อ แม็ค เบฮาร์ดี้ ฉันจำได้ว่าฉันถูกนอกใจเพราะหมอนั่นแอบไปกุ๊กกิ๊กกับสาวเชียร์ลีดเดอร์ นั่นทำให้ฉันเกลียดเชียร์ลีดเดอร์ --- เย็นวันที่ฉันทะเลากกับแม๊คอย่างหนักจนถึงขั้นเลิกรา ฉันมาที่สวนสาธารณะสปริงฟิลด์ เพียงเพราะฉันยังไม่อยากกลับไปที่บ้านเท่านั้น หรืออีกเหตุผลคือฉันไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน
ฉันนั่งอยู่บนชิงช้า อากาศหนาวเริ่มโหมเข้ามาและโซ่ของชิงช้าก็เย็นเฉียบจนฉันจับมันเอาไว้นานๆไม่ได้ รอบกายฉันไร้ผู้คน และเมื่อลมหนาวพัดมาอีกครั้งฉนเริ่มร้องไห้ --- ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครอยู่แถวนั้น ฉันก็ยังคงยกมือขึ้นมาเพื่อปกปิดใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา
“ ร้องไห้อยู่เหรอ ”
เสียงของเด็กชายทักทาย ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมอง --- เด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับฉันยืนอยู่ตรงหน้า เขาสวมเสื้อไหมพรมสีดำ และกางเกงกับรองเท้าแม้กระทั่งถุงมือก็ยังคงเป็นสีดำ ผมของเขาบลอนด์ออกไปทางสีขาว ฉันไม่แน่ใจเท่าไรเพราะแสงสีส้มยามเย็นสาดกระทบจนทำให้มองผิดเพี้ยนไปเป็นสีชมพูอมส้มในบางครั้ง
“ นายเป็นใคร ” ฉันถาม
“ เป็นคนแถวๆนี้แหละ ” นายตอบฉันอย่างนั้น อัลเลน....
ฉันยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า และฉันหยุดร้องไห้ในทันที นั่นเป็นเพราะนายเข้ามารบกวนการร้องไห้ของฉัน ครู่หนึ่งนายเดินเข้ามานั่งที่ชิงช้าข้างฉันพอดิบพอดี ฉันหันหน้ากลับไปมองยังเด็กหนุ่มแปลกหน้า และดวงตาคู่นั้นเป็นสีเทาอมส้ม ฉันคิดว่ามันส้มเพราะแสงยามเย็นเสียมากกว่า
“ ไม่หนาวเหรอ ”
“ ก็นิดหน่อย ” ฉันตอบ
“ อยากเล่นชิงช้ามั้ย ”
เด็กหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยถาม ฉันจ้องนัยน์ตาคู่นั้น เราไม่เคยรู้จักกันเลย หรือไม่ใช่ ? ฉันไม่รู้ว่านายเป็นใครอัลเลน ฉันหมายถึงในตอนนั้น และนายไม่ถามด้วยซ้ำว่าฉันร้องไห้ทำไม หรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ --- นายแค่คุยกับฉันโดยไม่สนใจจะถามชื่อของฉันด้วยซ้ำ
ฉันพยักหน้าให้นายเป็นคำตอบ และนายลุกขึ้นจากชิงช้าก่อนที่จะถอดถุงมือไหมพรมของนายส่งให้ฉัน
“ สวมไว้สิ่ โซ่มันเย็นออกนะ ”
ฉันรับถุงมือจากเด็กชายแปลกหน้า มันอบอุ่นจากไอร้อนของร่างกาย ในยามที่ฉันสวมมัน ความอุ่นนั้นก็แพร่กระจายที่มือของฉันในทันที เด็กหนุ่มแปลกหน้าลุกขึ้นจากชิงช้าและเดินอ้อมไปด้านหลังของฉัน ในขณะเดียวกันฉันก็จับโซ่ของชิงช้าเอาไว้ ไออุ่นจากมือของนายแตะลงบนไหล่ของฉัน แรงผลักเบาๆทำให้ชิงช้าเคลื่อนที่ ---
ฉันลอยลิ่วรับลมอยู่บนชิงช้า ทุกครั้งที่ถูกเหวี่ยงกลับไปด้านหลังมือของนายจะคอยรอรับไว้เสมอ ความเร็วยังคงที่เพราะนายคอยประคองเอาไว้ ลมหนาวปะทะที่ใบหน้าและเส้นผม ฉันรู้สึกคล้ายตัวเองกำลังบินได้ และล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่า
เรื่องวันนั้นจบลงเพียงเท่านั้น เราแทบไม่พูดอะไรกันเลย หลังจากที่ฟ้ามืดได้ไม่นานฉันและนายก็แยกย้ายกันกลับบ้าน และฉันยังไม่รู้จักชื่อของนายด้วยซ้ำ อัลเลน ...
มาต่อกันด้วยเรื่องที่สาม
งานพรอม --- เป็นปัญหาใหญ่ของเด็กไฮสคูล นั่นแหละ ชีวิตเอย เรื่องเรียน เกรด ไหนจะความรักที่เข้าใจยาก สารพัดปัญหาเสียจริง เมื่อตอนเกรดสิบเอ็ด ฉันถูก เควิน คอร์เนอร์ ชวนไปงานพรอม ว้าวใช่มั้ยล่ะ เควิน เป็นหนุ่มฮอต และฉันรู้ดีว่าสาวๆต่างมีดวงตาเป็นประกายให้แก่เขา แต่นั่นแหละ ทำไมหนุ่มฮอตอย่างเควินถึงมาชวนฉันไปงานพรอม ? แน่นอนมันไม่ใช่เพราะฉันเป็นสาวฮอต เพราะว่า ฉันไม่ใช่
ในคืนนั้น เควินมาที่บ้านของฉันและเคาะประตู ฉันเปิดประตูต้อนรับชายหนุ่มผู้หล่อเหลา ในมือของเขาถือคอร์สาจสีชมพู มันสวยมากทีเดียว ฉันยิ้มรับในขณะเดียวกันก็ส่งมือให้กับเขา เควินสวมมันให้กับฉัน และฉันคิดว่ามันสีของมันสวยแมชกับชุดของฉันพอดิบพอดี ฉันต้อนรับเขาเข้าบ้าน แม่กำลังยืนยิ้มอยู่ในครัว --- และ ว้าว ---
เควิน ช่างเป็นหนุ่มที่น่ารักและแสนสุภาพ เขาทักทายคุณพ่อคุณแม่ของฉัน ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ฉันติดดอกไม้ที่อกของเขาและเราออกจากบ้านไปด้วยกัน
เมื่อถึงงานพรอม ฉันกับเควินเดินเข้างานพร้อมกัน สายตาหลายๆคู่มองมายังเรา และฉันรู้พวกเขาต่างตั้งคำถามว่า ทำไมฉันจึงมากับเควิน --- ฉันไม่แปลกใจที่พวกเขาจะคิดอย่างนั้น เพราะฉันก็ตั้งคำถามเดียวกันนั้นในตอนที่เควินเอ่ยปากชวนฉันมางานพรอม
แล้วความจริงก็กระจ่างเมื่อตอนที่เราเต้นรำอยู่บนฟลอร์ เควินเริ่มเมานิดๆ ฉันคิดอย่างนั้น เขาพยายามจับก้นของฉันหลายครั้ง ฉันจึงปัดมือเขาออกไปอย่างเงียบๆ ไม่มีการโหวกเวกใดๆ เราเพียงแค่เต้นรำต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกดขึ้น จนกระทั่งเควินพยายามทำดีกับฉัน เขานุ่มนวนกับฉันมากในตอนที่เราเต้นรำกัน และเขาพยายามจูบฉัน ฉันรู้ว่านี่มันแปลก แต่เราก็จูบกัน หลังจากนั้นเควินก็หัวเราะออกมา --- ในคราวแรกฉันไม่เข้าใจ แต่ไม่นานหรอก เขาหอมแก้มฉันทีหนึ่ง และเขาพูด
“ น่ารักจริงๆ ขอบใจมากนะ ”
ฉันเห็นเขาเดินจากไป --- ตรงไปยังเพื่อนชายและหญิง --- ชายคนหนึ่งส่งเงินให้เขาราวๆ 30 ดอลลาร์ --- ให้ตายสิ่พับผ่า จูบของฉันมีค่า 30 ดอลลาร์ ! ฉันถูกทิ้งกลางงานพรอม กลางฟลอร์เต้นรำ ทุกคนกำลังสนุก แต่ฉัน --- แล้วเสียงไมโครโฟนก็ดังขึ้น ฉันหันไปยังเวที
“ ได้เวลาที่ทุกท่านรอคอย การประกาศ คิงและควีนพรอมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ”
ช่างหัวคิงหรือควีน ฉันไม่แคร์ ! ฉันหันหลังเดินออกจากฟลอร์เต้นรำ พยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ออกมา เพราะเควิน ไอ้บ้านั่นไม่มีค่าพอสำหรับน้ำตาของฉัน
“ และคิงพรอมปีนี้ได้แก่ ! --- อัลเลน พอล ไคเซน! ”
เสียงประกาศดังสนั่น ฉันหันกลับไปมองด้วยความสงสัย อัลเลนไม่เคยปรากฏตัวในงานเลี้ยงใดเลย ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้ หรือกระทั่งงานพรอม ตั้งแต่ที่นายย้ายเข้ามาเรียนไฮสคูลที่นี่ --- นายทำตัวเหมือนอากาศ เพราะนายไม่เคยปรากฎตัวที่ไหนเลยนอกจากห้องเรียน โรงอาหาร และอาจจะเห็นนายที่ห้องสมุดเป็นบางครั้ง และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นายอยู่บนโถงทางเดินของโรงเรียน ฉันจึงแปลกใจเพราะมันอาจจะมีอะไรผิดพลาด เสียงปรบมือและโห่ร้องยินดีดังสนั่น อัลเลน นายปรากฏตัวขึ้นบนเวที ผมของเขาสะท้อนรับกับแสงไฟ ในยามนี้มันกลายเป็นสีเทาอมน้ำเงิน ---
ช่างมีสเนห์เสียจริง
“ ขอบคุณครับ ” พ่อหนุ่มอัลเลนรับไมค์และกล่าวขอบคุณ
“ ว้าว --- พรอม --- คิงส์ พรอม --- ”
หลังพูดจบเสียงหัวเราะขบขันก็ดังขึ้น --- นี่เป็นภาพแปลกใหม่ อัลเลน ไม่ใช่คนของประชาชน จะว่าเขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูงก็คงใช่
“ ผมคงต้องพูดอะไรบางอย่างใช่มั้ย --- ถ้าอย่างนั้นเอาเป็น ขอให้ทุกคนสนุกกับงานเลี้ยง --- รวมถึงคนที่คิดว่ามันไม่สนุกเอาเสียเลยด้วยนะ ”
นายพูดพร้อมกับยกถ้วยรางวัลคิงพรอมขึ้น เสียงโห่ร้องยินดีดังสนั่น ครู่หนึ่งฉันมองเห็นสายตาคู่นั้นจับจ้องมายังฉัน --- นั่นอาจเป็นสิ่งที่ฉันคิดไปเองก็ได้ อัลเลน หลังจากนั้นเวทีก็เป็นของควีนพรอม เชียร์ลีดเดอร์สาวสวยอดีตศัตรูหัวใจของฉันเป็นผู้ครองตำแหน่ง ช่างเป็นงานพรอมที่ห่วยแตกอะไรอย่างนี้
เว้นอยู่อย่างเดียว
นาย อัลเลน --- หลังจากที่นายลงจากเวที ฉันเดินออกจากประตูของงานเลี้ยง ตรงไปยังถนนที่มืดทึมไร้ผู้คน ในสมองของฉันคิดถึงเรื่องเงิน 30 ดอลลาร์ และแม่สาวเชียร์ลีดเดอร์ เควิน คอร์เนอร์ และ แม็ค เบฮาร์ดี้ --- พวกบ้า --- พวกนั้นทุกคน
“ เฮ้ ” เสียงทักทายดังไล่หลัง ฉันจึงหันไปมอง
“ ชุดสวยดีนะ ”
ฉันยังคงจ้องมองดวงตาสีเทาลึกลับ --- ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงมาอยู่ตรงนี้ นายควรอยู่บนฟลอร์เต้นรำ กับคู่ของนาย อาจเป็น เจสสิก้า แม่สาวควีนพรอมก็ได้ ฉันไม่รู้ว่านายมากับใคร ให้ตายสิ่อัลเลน
“ นายก็ --- สีดำเหมือนทุกที ”
ฉันบอก เพราะแม้แต่สูทงานพรอมของนายก็ยังเป็นสีดำสนิท
“ เธอชอบมั้ยล่ะ ”
“ ก็เหมาะกับนายดี ”
ฉันนึกภาพของนายกับสีอื่นๆไม่ออกเลย นายสวมแต่สีดำตลอดเวลา ฉันนึกไม่ออกว่าถ้านายคู่กับสีเหลือง สีฟ้า หรือสีแดงแล้วจะเป็นยังไง
“ จะกลับแล้วเหรอ ”
“ ก็คงงั้น --- ยินดีด้วยนะ ” ฉันพยักหน้าไปยังถ้วยรางวัล และนายหัวเราะ
“ คิงพรอม --- ฉันไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็เอาเถอะ ” นายพูดพลางมองถ้วยรางวัลในมือ --- ถ้วยที่ทำจากพลาสติก ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ทั้งพรอม งานเต้นรำ หรือกระทั้ง ทำไมเราต้องมีคู่เดทในงานพรอม
“ ออกมาแบบนี้จะดีเหรอ ” ฉันถาม
“ ทำไมล่ะ --- ไม่มีใครสังเกตุหรอกว่าฉันออกมาแล้ว ”
“ แล้วคู่เต้นรำของนายล่ะ ”
หลังคำถามของฉัน นายหัวเราะออกมา รอยยิ้มของนายเป็นปริศนาเสมอ อัลเลน ที่อกของนายไม่มีดอกไม้ นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกสงสัย
“ ฉันไม่มีคู่เต้นรำ --- มาคนเดียวน่ะ รู้มั้ย ”
“ มางานพรอมคนเดียว ? ”
ฉันถามทวน และหยุดจ้องไปที่นายไม่ได้เลย --- นายเป็นคนแปลกอัลเลน แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นถึงขั้นนี้ นายหล่อ หน้าตาดี นายได้เป็นคิงพรอมตั้งแต่ปีแรกที่ปรากฏตัวในงานพรอม เพราะนายไม่เคยไปงานเลี้ยงใดเลย แต่ให้ตายสิ่ คิงพรอมไม่มีคู่เต้นรำเนี่ยนะ ?
“ อื้ม --- ก็กะว่าจะมาหาคู่เอา --- แถวๆนี้ ” นายบอก พร้อมกับรอยยิ้มปริศนา
และฉันไม่รู้ว่าอย่างไร --- ในคืนนั้นฉันพบว่าตัวเองกำลังเต้นรำอยู่บนฟลอร์กับคิงพรอม --- บนอกของนายไม่มีดอกไม้ และข้อมือของฉันว่างเปล่าไร้ซึ่งคอร์เส็จที่สวยงามใดๆทั้งสิ้น
ทุุกอย่างราวกับความฝัน อัลเลน ฝันที่ดีมากๆเสียด้วย ---
เข้าเรื่องที่สี่กันด้วยความรวดเร็ว...
หลังงานพรอม --- ฉันก็แทบไม่ได้พูดกับนายอีก เราเจอกันที่โรงเรียน แต่ก็เพียงแค่ยิ้มให้กันในระยะไกลเท่านั้น ฉันยังคงนั่งกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนของฉัน และนายก็อยู่กับเพื่อนของนาย
ในโรงอาหาร บางครั้งฉันหันมองไปที่โต๊ะของนาย และฉันพบว่า มีเพียงฉันเท่านั้นที่มองหานาย อัลเลน นั่นเป็นความรู้สึกผิดหวังหรือไม่ ฉันเองไม่แน่ใจ
หลังการเรียนวันสุดท้ายจบลงก็เข้าสู่ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน --- ทุกอย่างเลือนราง ทั้งนายและงานพรอม ฉันค่อยๆลืมเรื่องของนายไปจากความทรงจำ --- ในเย็นวันหนึ่งหลังจากที่ฉันกลับจาโรงหนัง ฉันเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนสปริงฟิลด์โร้ด --- ไฟบนท้องถนนเริ่มเปิด เพราะความมืดกำลังคลืบคลานเข้ามา ตรงหัวมุมถนน เลยสวนสาธารณะไปอีกสองบล็อก บ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่อย่างเงียบสงบ ฉันยังคงจำได้ --- ฉันหยุดยืนที่ถนนหน้าบ้านหลังนั้น มองขึ้นไปยังหน้าต่างชั้นสองพลาคิดถึงเด็กชายแปลกประหลาดที่ฉันพบเจอเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก --- ครู่หนึ่งม่านก็ขยับ และนายปรากฏตัวหลังบานกระจก --- เพียงแต่วันนี้ไม่มีหิมะ และนายโตขึ้น เป็นหนุ่มเต็มตัว ไม่ใช่เด็กชายแปลกหน้าอีกต่อไป
ฉันไม่รู้ว่านายมองเห็นฉันหรือไม่ และฉันไม่ได้ยกมือขึ้นโบกหรือทักทาย ฉันเพียงแค่ยืนมองอยู่ตรงนั้นอยู่ราวครึ่งนาที จากนั้นฉันหันกลับไปยังถนนและเริ่มเดิน --- ไม่มีเสียงเรียกจากนาย ไม่มีการทักทายใดๆ อัลเลน ----
ในคืนนั้นฉันกลับไปที่บ้าน กินข้าวเย็นกับครอบครัวและเข้าห้องเหมือนไร้ตัวตน ฉันอนอยู่บนเตียงด้วยสมองที่ว่างเปล่า ปฏิเสทไม่ได้ว่าฉันคิดเรื่องนาย คิดเรื่องของนายไม่ใช่คิดถึงนาย --- ในขณะที่จ้องมองเพดาน เสียงบางอย่างกระทบที่กระจกห้องของฉัน
ฉันลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง มองลงไปยังถนนก็เห็นายกำลังยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ตรงกับหน้าต่างห้องของฉันพอดิบพอดี --- ฉันเปิดหน้าต่าง และนายถอยหลังออกไปราวๆสามก้าว เรามองหน้ากันและนายโบกมือทักทาย
“ ฉันขึ้นไปได้มั้ย ” นายบอก
“ ห๊ะ ? ”
“ ให้ฉัน --- ขึ้นไป --- ได้มั้ย ? ” นายพูดช้าๆ ชัดๆ แต่เสียงเบาราวกระซิบ
ฉันได้ยิน อัลเลน ฉันไม่ได้หูหนวก และฉันเข้าใจความหมาย แต่ฉันไม่เข้าใจว่านายกำลังจะทำอะไร ฉันหมายถึงว่า ฉันไม่เข้าใจว่านายต้องการอะไร ฉันถอนหายใจและถอยห่างออกจากบานหน้าต่างเล็กน้อย เพียงแค่ครู่เดียวนายก็ปีนขึ้นมาที่หน้าต่างห้องของฉันอย่างง่ายดาย นายนั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ตรงข้ามกับหน้าต่างห้องของฉันพอดิบพอดี เราห่างจากกันแค่ไม่เท่าไหร่ ฉันเท้าแขนลงบนขอบหน้าต่างและมองไปยังนาย
“ นายมาทำไม ” ฉันถาม
“ ฉันเห็นเธอที่ถนน ”
อ้อ นายเห็น แล้วยังไงอีก --- นายขยับตัวเล็กน้อยตอนที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ ฉันเห็นนายมองลงไปข้างล่างเป็นบางครั้งคล้ายว่านายกังวลว่าตัวเองจะตกลงไปหรืออะไรทำนองนั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้สูงมาก แต่มันก็คงเจ็บเอาเรื่องถ้าหากตกลงไป
“ ฉันบังเอิญผ่านไป ” ฉันตอบ
“ เหรอ --- ชอบสีชมพูเหรอ ”
หลังได้ยินคำถามฉันหลังหลังกลับไปมองภายในห้อง --- ห้องของฉันเป็นสีชมพูอ่อน จะว่าฉันชอบสีชมพูมันก็ไม่เชิง ฉันเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้นเพราะไม่รู้จะอธิบายเกี่ยวกับสีของห้องนอนได้ยังไง นายยิ้ม --- อีกครั้ง --- ยิ้มที่ลึกลับ
“ เหมาะกับเธอดี ”
“ ขอบคุณ ”
“ Cold play ด้วยเหรอ ”
คราวนี้ฉันหันกลับไปมองยังโปสเตอร์วงดนตรีที่ถูกติดอยู่ภายในห้องของฉัน --- ให้ตายสิ่ ตอนนี้นายกำลังสังเกตการณ์ห้องนอนของฉันอยู่ ฉันหันกลับไปมองหน้านายอีกครั้ง และดวงตาคู่นั้นจ้องมายังฉัน มันเปลี่ยนสีอีกแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นมัน มันเป็นสีเทาอมฟ้า แต่ตอนนี้คล้ายว่ามันอมชมพูอย่างบอกไม่ถูก และผมของนายก็ด้วย ฉันไม่รู้เลยว่าตกลงแล้วผมของนายมันเป็นสีอะไรกันแน่
“ ก็นิดหน่อย ” ฉันตอบ
“ Look at the stars, Look how they shine for you ? ”
ฉันหัวเราะ --- มันช่วยไม่ได้ --- นายกำลังปีนต้นไม้นั่งอยู่บนกิ่งที่ไม่รู้ว่าจะหักลงไปตอนไหน มองหน้าฉันและร้องเพลงของ Cold play ให้ฉันฟัง --- อยู่ยนต้นไม้ --- ฉันมองหน้านายและนายเริ่มเผยรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเข้าใจ ฉันไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย อยู่ๆนายก็ปรากฏตัว และ หายไป และวันดีคืนดีนายก็ปรากฏตัวอีกครั้ง --- และวันนี้เรากำลังหัวเราะด้วยกัน
“ ไม่รู้เลยนะว่านายก็ชอบเหมือนกัน ” ฉันพูดทั้งที่ยังหัวเราะ
“ ก็นิดหน่อย ”
“ ฉันไปดูคอนมาเมื่อสองเดือนที่แล้ว --- ฉันมีเสื้อวงด้วยนะ ”
“ ว้าว --- ขอดูหน่อยได้มั้ย ”
ฉันหันหลังกลับเข้าไปในห้องเพื่อรื้อเสื้อผ้าในตู้ เสื้อวง Cold play สีเหสืองสดถูกแขวนเอาไว้ในไม้แขวนที่ลึกเข้าไปในตู้เสื้อผ้า เมื่อฉันหยิบมันออกมาและหันกลับไปยังหน้าต่าง นายก็นั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างห้องของฉันแล้ว --- ฉันไม่รู้เลยว่านายข้ามมาตอนไหน
“ เฮ้ --- นายข้ามมาได้ยังไง ” ฉันถาม และเริ่มเป็นกังวลเล็กๆ
“ ก็ --- กระโดดข้ามมานั่นแหละ ” นายตอบ
ฉันเดินตรงไปหานาย รู้สึกกังวลและหัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้น ทั้งความไม่ชินและความกลัวเล็กๆที่อธิบายไม่ได้ ฉันส่งเสื้อให้กับนายและนายก็รับมันเอาไว้
“ สีเหลือง ”
“ อื้ม --- แน่นอนสิ่ ” ฉันตอบ
นายยังคงจ้องมองเสื้อยืดสีเหลืองสดในมือ --- ฉันเดาว่านายคงคิดเกี่ยวกับสีของเสื้อ เพราะนายสวมแต่สีดำ ตลอดเวลา ฉันไม่เคยเห็นนายสวมเสื้อผ้าสีอื่นเลย สีที่สดใส –
“ อยากลองใส่ดูมั้ย --- มันเป็นไซต์ XL ฉันคิดว่านายคงใส่ได้นะ ”
“ เอ่อ --- ไม่รู้สิ่มัน --- ”
ฉันเงียบแต่ยังคงมองไปที่นาย นายมองกลับมาก่อนจะยักไหล่ --- และนายส่งเสื้อสีเหลืองตัวนั้นให้กับฉัน --- ฉันรับมันเอาไว้และคิดว่านายคงไม่ชอบสีเหลือเอามากๆ แต่นาย --- นายถอดเสื้อยืดสีดำของนายออก ต่อหน้าต่อตาของฉัน อัลเลน และดึงเอาเสื้อยืดสีเหลืองสดในมือของฉันไปสวม --- ฉันเพียงแค่มองดูนายโดยไร้คำพูดใดๆ
“ เธอว่าไง ”
ฉันจ้องมอง --- นาย ในเสื้อสีเหลือง ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายได้อย่างไร มันเหมือนกับว่า มันเป็นภาพที่ฉันไม่เคยจินตนาการออก แต่ว่า มันดี --- นายดูดี แต่ก็แปลกตาด้วย
“ ฉันว่า --- ว้าว --- นายควรจะใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันบ้างนะ ”
ฉันบอก และนายหัวเราะ
รอยยิ้มของนายสดใสกว่าทุกที ดวงตาของนายเหลือบสีชมพูอ่อนๆ และรอยยิ้มนั้นเปร่งประกาย เสื้อสีเหลืองทำให้นายดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น --- อัลเลน นายกำลังหัวเราะ สวมเสื้อของฉัน และนั่งอยู่บนขอบหน้าต่างห้องนอนของฉัน ไม่เคยมีใครเห็นนายกับสีสันที่ฉูดฉาดมาก่อน --- นี่เป็นครั้งแรก --- และมันจะเป็น
ครั้งสุดท้ายหรือไม่ --- อัลเลน ?
เรื่องที่ห้า
ตอนนั้นฉันกำลังยืนอยู่หน้ารูปปั้น --- รูปปั้นคนขนาดใหญ่ และมันถูกล้อมด้วยโครงเหล็กดูน่าอึดอัด ฉันจ้องมองมันด้วยความรู้สึกหดหู่
“ เอาอีกแล้วเหรอ ” เสียงทักทาย
ฉันหันไปก็เห็นนายยืนอยู่ข้างๆ นายละสายตาออกจากรูปปั้นและมองมายังฉัน --- ฉันส่งยิ้มให้กับนาย และนั่นทำให้ฉันนึกถึงวันแรกที่เราได้พูดคุยกัน ฉันหมายถึง --- ครั้งแรกที่เราพบกัน และฉันไม่ได้ตระหนักเลยว่านายจะกลายเป็นนายที่ยืนอยู่ข้างๆฉันในวันนี้
ตอนนั้นฉันอยู่เกรดสามและที่โรงเรียนของฉันพามาทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์ปฏิมากรรมประจำท้องถิ่น ฉันกำลังยืนมองรูปปั้นเดียวกันนี้ และฉันรู้สึกบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้สึก
รูปปั้นขนาดใหญ่ถูกโครงเหล็กล้อมรอบ เป็นดั่งกรงขังที่ทำให้ขยับตัวไม่ได้ ฉันรู้สึกหวาดกลัวแทนมัน ถ้าหากว่าเป็นตัวฉันเข้าไปติดอยู่ในลูกกรงนั้น แล้วฉันจะดิ้นรนออกมาได้อย่างไร
“ เธอชอบเหรอ ” เสียงเด็กคนหนึ่งทักทาย
ฉันหันมองก็พบเด็กชายผมสีเงินผู้สวมเสื้อสเว็ตเตอร์สีดำ ดวงตาของเขาช่างแปลกประหลาดเพราะฉันไม่เคยพบใครที่มีดวงตาสีนี้มาก่อนเลย
“ ไม่ชอบ ” ฉันตอบ
“ ทำไม่ล่ะ ”
“ มันน่าอึดอัดจะตายไป --- ถ้าฉันถูกขังอยู่ในนั้นเหมือนรูปปั้นนั่น ฉันจะทำยังไง ”
ฉันตอบและหันไปยังรูปปั้นอีกครั้ง ในใจรู้สึกเจ็บปวดจากบางอย่าง ฉันอธิบายไม่ได้ มันคงเป็นแค่ความกลัวในวัยเด็ก--- แต่เด็กชายคนนั้นขยับเข้ามาใกล้ฉัน
“ เธอไม่ถูกขังแบบนั้นหรอก ”
“ ฉันบอกว่าถ้า --- เราจะรู้ได้ยังไงว่าเราจะถูกขังเมื่อไหร่ อะไรๆอาจจะเกิดขึ้นก็ได้ ”
ฉันตอบโดยไม่มองหน้าของเด็กคนนั้น
“ ไม่เป็นไรน่า --- เอาไว้ถ้าถึงตอนนั้นฉันจะช่วยเธอออกมาเอง ”
ฉันจำได้เท่านั้น ---
มันเป็นคำที่เด็กชายแปลกหน้าได้พูดกับฉัน --- และฉันก็ลืมเลือนเขาไปจากชีวิตจนกระทั่งวันหนึ่ง วันใดฉันก็จำไม่ได้ ความทรงจำเหล่านั้นกลับมาในตอนที่ฉันมองหน้านาย มองเข้าไปในดวงตาของนายอัลเลน ---
นายคือเด็กคนนั้น ---
และฉันก็ไม่รู้เลยว่า ฉันดูเป็นอย่างไรบ้าง ในความทรงจำของนาย ...
เรื่องสุดท้าย
ในคืนที่หิมะตก ฉันอยู่ในบ้านของ อลิซ แรนเดอร์ ทุกๆคนกำลังเต้นรำ ในมือถือแก้วพลาสสิกสีแดง เครื่องดื่มมึนเมาและน้ำอัดลม เสียงเพลงดังสนั่น --- ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง และเช่นเคย นายไม่ปรากฏตัวที่นี่อัลเลน
นายไม่ใช่คนชอบปาร์ตี้ ข้อนั้นฉันรู้ดี
หลังจากที่ฉันกับนายเต้นรำด้วยกันในงานพรอม มีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้น เพราะฉันดื่มเข้าไปมากพอสมควร ในตอนที่เพลงขึ้นมือของนายประคองที่เอวฉัน และมือของฉันคล้องที่คอของนาย เราสองคนขยับไปตามท่วงทำนอง แสงไฟมืดสลัวฉันมองเห็นใบหน้าและดวงตาอันแสนจะลึกลับ และหลังจากนั้นฉันไม่มั่นใจว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่
แต่ฉันคิดวว่าเราจูบกัน
หลังจากงานเต้นรำ เราแทบไม่คุยกันอีกจนฉันคิดว่า มันอาจไม่ได้เกิดขึ้นจริง บางทีฉันคงเมามากแล้วคิดฟุ้งซ่านไปเอง หรือฉันอาจจะแค่ฝันไปแล้วดันแยกไม่ออกว่ามันเป็นฝันหรือความจริงกันแน่ --- เพราะทุกอย่างมันช่างเลือนรางเหลือเกิน
“ เฮ้ --- ทำไมมายืนคนเดียวล่ะ ”
ฉันหันมองยังต้นเสียง อีแวน มาร์ครอส ส่งยิ้มให้ฉัน และในมือของเขาถือถ้วยพลาสติกสีแดง
“ เฮ้ --- แล้วนาย ไม่อยู่กับเพื่อนๆเหรอ ”
“ แก๊งค์ผู้ชาย น่าเบื่อจะตายไป ”
ฉันหัวเราะไปพร้อมกับเขา อีแวนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับ เควิน ใช่ ผู้ชายที่ได้รับเงิน 30 ดอลล่าร์หลังจากที่จูบกับฉัน --- ฉันไม่แน่ใจว่าอีแวนมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนั้นหรือไม่ แต่ฉันเดาว่าเขาคงรู้เรื่องนั้นดี ก็พวกเขาเป็นเพื่อนกัน
“ ดื่มอะไรหน่อยมั้ย เดี๋ยวฉันไปเอาให้ ”
“ เอ่อ --- ไม่ดีกว่า ฉันรู้สึกอิ่มๆยังไงไม่รู้ ”
“ แต่เธอเพิ่งกินน้ำอัดลมไปแค่แก้วเดียวเองนะ ”
ฉันหรี่ตามองไปที่เขาหลังจากได้ยิน อีแวนยกมือขึ้นลูบผมที่ท้ายทอยเบาๆพลางหัวเราะ ก่อนที่เขาจะสบตาฉัน จากนั้นเราก็เงียบใส่กันครู่หนึ่ง
“ มันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ว่า --- บางทีเราน่าจะออกไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ”
“ ฮืมม---- เท่าไหร่ ” ฉันถามดักทาง
“ หืม ? ” เขาชะงัก มองมายังฉัน
“ ไม่ๆ --- ไม่ --- ฟังนะ มันไม่ใช่อย่างนั้น คือ --- ฉันเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรื่องเธอกับเควิน แต่ว่า เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกัน ฉันไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ”
อีแวนพูดมองไปยังกลุ่มเพื่อนของเขา ก่อนที่จะหันกลับมามองที่ฉัน
“ อีแวน --- นายเป็นคนหล่อ --- ส่วนฉัน ดูฉันสิ่ เราไม่เหมาะกันเลยสักนิด ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมนายถึงมาสนใจฉัน แต่ว่า มันไม่เวิร์คหรอกนะ ”
ฉันพูดก่อนจะเดินสวนเขาออกไป อีแวนคว้าแขนของฉันเอาไว้และฉันไม่ได้หันกลับไปมองที่เขา กลุ่มเพื่อนของอีแวนที่ตรงมุมห้องมองมายังฉัน สีหน้าของเควินดูไม่ค่อยดีเท่าไร ฉันรู้สึกอยากตบหน้าเขาแรงๆสักที ฉันหมายถึงเควิน และฉันคิดว่าเขาคงรู้สึกได้ เขาถึงได้พยายามหลบสายตาของฉัน
“ ได้โปรด --- มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด อย่ามองฉันในแง่นั้น ” เขาบอกราวกระซิบ
“ โอเค อีแวน --- ฉันจะกลับแล้ว ” ฉันตอบโดยไม่หันไปมอง และอีแวนปล่อยมือจากฉัน
“ วันนี้เธอสวยมากนะ... ”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากอีแวน --- ฉันเดินออกจากบ้านของอลิช และมุ่งไปยังถนน ปาร์ตี้ยังคงดำเนินต่อไปโดยที่ไม่มีฉัน ฉันแค่พาตัวเองออกจากบ้าน ไปยังปาร์ตี้ของเพื่อนที่ไม่ได้สนิทสนมด้วยเลย ฉันไม่รู้ว่าทำไปทำไม แต่ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้
บนถนนสปริงฟิลด์โร้ด สองข้างทางมืดสลัว ทุกๆอย่าคล้ายถูกทาไปด้วยสีน้ำเงินของแสงไฟดวงเล็กๆที่คอยสาดส่องไล่ความมืดมิด เลยหัวมุมถนนและผ่านสวนสาธารณะไปอีกสองบล็อก บ้านหลังนั้นยังคงเงียบสงบ หน้าต่างห้องนอนของนายไม่มีแสงไฟ ราวกับว่าบ้านทั้งหลังร้างมานานหลายปี ฉันหยุดยืนที่ถนน เงยหน้ามองและสงสัยว่าบางทีนายอาจจะหลับแล้ว
“ มองหาฉันเหรอ ”
” คุณพระช่วย !! ”
ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงของนายดังขึ้นที่ข้างหู หัวใจของฉันเต้นระรัวและเมื่อหันไปมองนายก็ยืนนิ่งงัน
“ ตกใจอะไรขนาดนั้น ”
“ ทำไมนายถึงมาเงียบๆล่ะ ”
ฉันยกมือขึ้นทาบอก ก่อนที่จะมองไปยังนาย คราวนี้รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในยามที่แสงไฟมืดสลัว นายดูเหมือนรูปปั้นหินอ่อนหรือไม่ก็ปูนปลาสเตอร์ --- รูปปั้นไร้ซึ่งชีวิตหรือจิตวิญญาน และมันถูกสาดด้วยหมึกสีดำ --- อัลเลน --- บางครั้งฉันก็คิดว่า นายดูน่ากลัวเหลือเกิน...
“ ฉันเห็นเธอยืนมองหน้าต่างห้องของฉันมาสักพักแล้ว --- มีอะไรรึเปล่า ”
" ฉันแค่ผ่านมาเท่านั้น " ฉันตอบ
" ปาร์ตี้เหรอ "
ฉันพยักหน้ารับ และสายตาของนายมองฉันคล้ายกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง นั่นทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด
" ฉัน --- ไปก่อนนะ "
เมื่อฉันก้าวเท้า เสียงฝีท้าวก็ไล่หลัง แขนของฉันถูกคว้าเอาไว้และเมื่อหันกลับไป มือของนายคลายออกเล็กน้อย ขยับเลื่อนจากแขนลงไปที่มือของฉัน ครู่เดียวเท่านั้นกลับกลายเป็นว่า เรากำลังกุมมือกัน --- ฉันสบตานาย และรอยยิ้มของนายหายไปจากใบหน้า ฉันไม่เข้าใจ ---
" ทำไมนายถึงใส่แต่เสื้อผ้าสีดำ " ฉันถาม
" --- ความลับ "
" หนุ่มลึกลับงั้นเหรอ "
มือของนายอบอุ่น ฉันรู้สึกถึงปลายนิ้วที่กำลังขยับอย่างเชื่องช้า --- นายมักจะทำอย่างนี้ใช่มั้ย อัลเลน --- นายมักจะโผล่มาและทำตัวเหมือนดาวเคราห์น้อยที่มีแรงดึงดูด และฉันเป็นมนุษย์โลกที่อยู่ระหว่างจักรวาลว่างเปล่า ลอยคว้างและขยับไปตามแรงดึงดูดของนาย แต่ไม่ --- ฉันไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วนายต้องการอะไรกันแน่
ฉันดึงมือออกจากมือของนาย
" เธอดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่เลย มีเรื่องอะไรรึเปล่า "
" ความลับ " ฉันตอบ
ทุกอย่างของนายล้วนเป็นความลับ นายมีความลับ และฉันก็มีของฉัน --- หลังคำตอบของฉัน สีหน้าของนายเปลี่ยนไป ริมฝีปากของนายคล้ายกำลังขยับแต่ก็หยุดลงในที่สุด ราวกับว่านายกลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกมาอย่างไรอย่างนั้น --- อัลเลน ฉันอยากรู้ว่านายกำลังคิดอะไร --- ในสายตาของนาย ในแววตาสีเทาซีดๆคู่นั้น ในยามที่ฉันจับจ้องและพยายามจะจดจำสีของมัน ฉันมองเห็นเพียงตัวฉันที่สะท้อนอยู่ในแววตาคู่นั้น ---
" เธอ --- อยากดื่มอะไรอุ่นๆสักหน่อยมั้ย "
อัลเลน --- นายทำอย่างนี้อีกแล้ว ....
นายเปิดประตูบ้าน และฉันเดินตามเข้าไปด้านใน --- รอบๆกายของเรามืดทึมก่อนที่นายจะเปิดสวิตไฟ ฉันมองไปรอบๆ และคิดว่านายคงเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเอามาก
" นั่งก่อนสิ่ "
ฉันเดินไปที่โซฟารับแขกหลังจากที่นายปิดประตูบ้าน ภายในบ้านอบอุ่นกว่าข้างนอกมากนัก ฉันกวาดสายตาไปบนชั้นหนังสือที่ประดับไปทั่วผนังห้อง สันปกหลากสีสันถูกวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ
" โกโก้ดีมั้ย "
นายถามและฉันพยักหน้ารับ หลังจากนั้นนายเดินหายเข้าไปในในห้องครัว --- บ้านทั้งหลังกลับเงียบสนิท จนกระทั่งฉันรู้สึกวังเวง หรือไม่ก็ --- อาจเป็นความกลัวก็ได้ --- ฉันสงสัย ว่านายอยู่คนเดียวมาตลอดเลยหรือว่า --- ฉันไม่รู้ว่าทำไมบ้านหลังนี้ถึงไม่มีคนอยู่เลย ฉันไม่แน่ใจบางทีพ่อแม่นายอาจจะหลับอยู่ข้างบนบ้านก็ได้ แต่ฉันไม่เห็นรองเท้าของใครอยู่ที่ชั้นวางรองเท้าเลย นอกจากรองเท้าของนาย และของฉัน ---ฉัน ---
" ฉันชอบชุดเธอนะ "
นายบอกก่อนจะวางแก้วโกโก้ลงบนโต๊ะ ฉันหันกลับไปมองที่นาย และยิ้มรับแทนคำของคุณ นายหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆฉัน และจ้องมองที่ถ้วยโกโก้ร้อน
" แล้วพ่อแม่นายล่ะ " ฉันถาม
นายหันมองฉัน และอัลเลน นายไม่ได้ตอบคำถามอะไรฉันแม้แต่คำเดียว แต่สายตาคู่นั้นคล้ายกำลังบอกอะไรบางอย่าง รอยยิ้มเศร้าๆแต้มที่ริมฝีปากของนาย ฉันรู้สึกเจ็บปวด ....
" เกิดอะไรขึ้น --- "
" ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ "
หลังจากนั้นเราต่างนิ่งเงียบ ฉันนั่งอยู่ที่เดิมและประคองถ้วยโกโก้ร้อนด้วยสองมือ นายนั่งอยู่ข้างๆไม่พูดจา ในขณะที่ฉันยกถ้วยโกโก้ขึ้นจิบ นายเอนตัวพิงไปกับพนักพิงของโซฟา --- และทุกอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงขยับตัวเล็กน้อยของฉันเท่านั้น --- อัลเลน --- นายอยู่อย่านี้มาตลอดเลยจริงๆเหรอ
ฉันวางถ้วยโกโก้ลงบนโต๊ะ เอนตัวพิงที่พนักพิงของโซฟา --- จากนั้นขยับเอนหัวพิงลงที่ไหล่ของนาย มันอบอุ่น นายยกแขนขึ้นโอบไหล่ของฉันและฉันขยับตัวเพื่อให้นายวางมือได้ถนัดขึ้น--- เรานั่งอยู่แบบนั้น นานเท่าไหร่ฉันจำไม่ได้ --- จนกระทั่งโกโก้เย็นชืด จนกระทั่งฉันรู้สึกว่าฉันเข้าใจในความเงียบเหงาและวังเวงเหล่านั้น
" นายเคยฉลองคริสต์มาสมั้ย " ฉันเอ่ยถามในอ้อมแขนอันอบอุ่น
" เมื่อตอนที่ฉันยังเด็กๆ "
" ไม่ได้ฉลองมานานเท่าไหร่แล้ว "
" ..... จำไม่ได้เลย ..... "
ฉันซบหน้าลงบนเสื้อไหมพรมสีดำของนาย มันเป็นสีดำเสมอ --- แม้กระทั่งในวัสคริสต์มาส --- ในยามที่หิมะโปรยปราย ฉันเคยเฝ้ามองนายจากอาคารเรียน นายเป็นเหมือนหยดหมึกสีดำบนลานหิมะ --- เป็นตัวแทนของความโศกเศร้าในวันแห่งความสุข ฉันมองเห็นนายในคืนวันคริสต์มาสอีฟเมื่อปีที่แล้ว นายยืนอยู่หน้าตู้กระจกของห้างสรรพสินค้า สองมือล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ดสีดำสนิท หิมะกำลังโปรยปราย แสงไฟสีส้มจากตู้กระจกสาดกระทบจนผมของนายกลายเป็นสีส้ม --- แสงวูบวาดสลับไปมา --- นายกำลังยืนมองต้นคริสต์มาสที่ประดับดวงไฟสวยงาม ใต้ต้นไม้มีกล่องของขวัญหลากสีสัน ในตอนนั้นฉันนั่งอยู่บนรถบัส และเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัว ฉันมองเห็น ...
.... นายกำลังร้องไห้ ....
ไม่เคยมีคำบอกเล่าใด ฉันได้แต่คาดเดาเท่านั้น ---
" บ้านของนายสวยดีนะ --- บางทีเราน่าจะช่วยกันแต่งต้นคริสมาส --- ที่หน้าบ้านของนาย --- "
ฉันกล่าวในความเงียบงัน ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ มีเพียงโอบกอดที่กระชับแน่นขึ้นจนฉันรู้สึกได้เพียงเท่านั้น --- นอกบานหน้าต่างหิมะยังคงโปรยปราย อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส นี่อาจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่บ้านหลังนี้จะประดับไฟรับเทศกาลเหมือนกับบ้านหลังอื่นๆ
แน่นอนว่า ถ้านายตกลง --- อัลเลน
ปล. ฉันไม่รู้ว่านายจะชอบของขวัญของฉันหรือเปล่า และฉันอยากให้นายรู้ว่าตอนที่นายสวมเสื้อยืดสีเหลืองของฉัน นายดูดีมาก ดังนั้นของขวัญคริสต์มาสปีนี้คือเสื้อสเว็ตเตอร์สีเหลือง ฉันก็อยากจะพูดว่าฉันถักมันด้วยตัวเองเหมือนกัน แต่ว่าไม่ใช่ เพราะฉันถักไม่เป็น เอาไว้ปีหน้าฉันจะไปหัดถักมาให้ก็แล้วกัน ---
และของขวัญชิ้นที่สองคือสิ่งที่นายกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ ฉันหวังว่านายจะยิ้มออกมานะ
เอาละของขวัญชิ้นสุดท้าย --- ปิดหนังสือเล่มนี้ซะ แล้วมองมาที่ฉัน
Merry Christmas อัลเลน : )
End.
แ ด่ ค ว า ม โ ศ ก เ ศ ร้ า ที่ เ ค ย ผ่ า น ม า
แ ล ะ ข อ ใ ห้ มั น จ ง ผ่ า น พ้ น ไ ป
: )
แมวจร