ในสำนักแห่งอเวจีมหานรก วันพระดับอันถือเป็นวันประชุมสรุปงานประจำเดือนของเหล่าพระยมทั้งสี่ ณ สำนักแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ในเขตแดนของยมโลกซึ่งเป็นคนละส่วนกับแดนลงทัณฑ์
“ทรรปณ์มาหรือยัง”
คำถามนั้นดังมาจากพระยมตนหนึ่งที่มีตำแหน่งเป็น อุดรยมราชหรือผู้ดูแลมหาอเวจีเขตเพลิงไฟ
ว่ากันว่า ถึงแม้อเวจีจะเป็นมหานรกที่ไม่มีขุมย่อยเหมือนนรกขุมอื่นๆ แต่ก็ถูกแบ่งออกเป็นสี่เขตการลงทัณฑ์ และในแต่ละเขตจะมีผู้ดูแลหรือพระยมประจำเขตได้แก่
1. อเวจีเหนือ มีพระยาอุดรยมราชเป็นผู้ดูแล ลักษณะของเขตลงทัณฑ์นี้เป็นนรกเป็นแห่งเพลิงไฟ ไฟแห่งนรกมิเคยดับเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
2. อเวจีตะวันออก มีพระยาบูรพายมราชเป็นผู้ดูแล ลักษณะของเขตลงทัณฑ์นี้เป็นนรกแห่งความตาย ความตายจะเกิดขึ้นวนไปไม่มีสิ้นสุด สัตว์นรกจะถูกลงโทษให้ตายซ้ำๆ จนกว่ากรรมจะเบาบางลงและถูกส่งไปยังขุมอื่น
3. อเวจีตะวันตก มีพระยาประจิมยมราชเป็นผู้ดูแล เขตนี้เป็นนรกแห่งกามคุณ สัตว์นรกที่ถูกส่งมายังที่นี่จะทำผิดโดยมีโมหะ ราคะและโลภะนำทางเป็นอาจิณ
4. อเวจีใต้ มีพระยาทักษิณยมราชเป็นผู้ดูแล เป็นนรกแห่งเวรกรรมซึ่งสัตว์นรกจะถูกลงโทษด้วยสะท้อนกรรมหนักที่ตนเคยทำด้วยน้ำหนักความทรมานที่หนักกว่าหลายเท่า จนกว่ากรรมจะเบาลง
“ข้ามานานแล้ว” ทรรปณ์ หรือพระยาทักษิณยมราชตอบขณะที่เข้ามาในห้องพร้อมกับพระยาประจิมยมราช นามว่า “วิภูต”
หลายตนในนั้นถึงกับเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นวิภูตปรากฎร่างในการประชุมครานี้
“รอบนี้เจ้ามาได้แล้วกระนั้นหรือ หวังว่าภารกิจของเจ้าคงเรียบร้อยแล้วสินะ”
“คิดถึงข้ากระนั้นหรือ” วิภูต ยมราชหนุ่มถามพร้อมยิ้มมุมปาก
“พวกเจ้าอย่ามัวคุยเล่นเลย วันนี้พวกเรามีเคสพิเศษต้องพิจารณา ‘สีกาแก้ว’ จะถึงวันหมดอายุขัยในอีกไม่กี่ชม.ข้างหน้า แต่ยมทูตมีความเห็นขัดแย้ง ระบบประมวลผลของนรกไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าที่ไปของนางควรเป็นที่ใด” วิมุติ ยมราชแห่งทิศเหนือของอเวจีนรกกล่าวเป็นงานเป็นการ
เสียงในห้องประชุมเงียบลงหลังจากวิมุติเอ่ยเคสพิเศษออกมา ทุกสายตาหันมาที่โต๊ะกลางที่มีแท่นบันทึกกรรมเรืองแสงสลัว ๆ
“เคสนี้ระบบบัญชีกรรมรวมของยมโลกประมวลผลไม่ได้…” วิมุติขมวดคิ้ว
“กรรมของนางหนักเกินกว่าจะเป็นเปรต แต่ก็ยังไม่ชัดว่าจะถูกผลักไปโลกันตร์หรืออเวจี”
วิภูตหัวเราะแผ่ว ๆ “หากข้าจะพูดตรง ๆ นะ ท่าทางเหมาะกับอเวจีมากที่สุดแล้ว”
“ท่านว่าเช่นนั้นเพราะนางทำผิดจนเป็นนิสัย ใช่หรือไม่” อุดรยมราชถามเสียงขรึม
“ถูกต้อง” วิภูตยิ้มเย็น “แต่สุดท้าย ขึ้นอยู่กับท่านทั้งสี่ว่าจะรับไว้หรือไม่”
บรรยากาศเริ่มหนักขึ้นเมื่อทุกสายตาเบนไปที่ ทรรปณ์ ผู้เป็นทักษิณยมราช ผู้มีหน้าที่สะท้อนความจริงแห่งจิตใจมนุษย์
ทรรปณ์ผู้ยังมีสีหน้าเฉยเมยนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดเจน
“ก่อนที่พวกเราจะชี้ขาด… ข้าจะไปถามวิญญาณด้วยตัวเอง”
วิมุติเลิกคิ้ว “ท่านจะไปเองรึ”
“ถูกต้อง” น้ำเสียงนั้นหนักแน่น
“หากเป็นความดีเพียงเล็กน้อยที่นางยังพอจดจำได้ ความดีที่ว่าจะเป็นเหมือนใบผ่านพิเศษที่นางต้องมีสิทธิ์ได้รับผลแห่งบุญนั้นทันที แต่หากผลเป็นตรงกันข้าม หากข้าถามแล้วนางยังระลึกถึงความดีที่เคยทำไม่ได้… เมื่อนั้นด้วยกรรมชั่วของนางจะเป็นตัวพานางมาที่นี่เอง”
ไม่มีใครค้าน เพราะนี่คือหน้าที่โดยตรงของทักษิณยมราช
