โทน
ท่ามกลางห่าฝนในดงพุ่มไม้รกรุงรังที่โทนใช้เป็นที่ซ่อนตัว ที่อาคารห่างออกไปไม่ไกลมีกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่กำลังดื่มสังสรร โทนนับจำนวนชายในวงได้สี่คน พวกเขาเหล่านั้นทั้งเมามายและขาดความระมัดระวัง โทนยังคาดการว่าอาจมีอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ในอาคารภายใน
“ช่างขาดความระมัดระวังโดยแท้”
โทนนึกขอบคุณที่ได้เห็นเป้าหมายที่มีท่าทีเหยาะแหยะเช่นนี้ เขามองกลุ่มชายทั้งสี่อย่างไม่ละสายตาผ่านกล้องเล็ง มั่นคงและนิ่งสงบผิดจากสภาพอากาศอันโกลาหนที่พัดกระหน่ำใส่
กลุ่มเมฆฝนก้อนใหญ่เคลื่อนตัวมาบนบังท้องฟ้าก่อเกิดเป็นความมืดบดบังเบื้องล่าง แต่สำหรับโทนกลับสว่างชัดเนื่องจากมุมมองของเขาที่ทุกอย่างล้วนถูกฉาบด้วยสีเขียวจากกล้องมองกลางคืน สายฝนพัดผ่าน หมวก ชุดเกราะ และไรเฟิลที่โทนชี้ไปยังตัวอาคาร
เมื่อเห็นว่าชายสี่คนที่นั่งสังสรรเริ่มเมามายจนได้ที่ โทน ลุกขึ้นจากที่กำบังในท่านั่งและค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านความมืดของสายฝนก่อนที่จะหยุดเมื่อเห็นว่าสามในสี่คนเดินเข้าไปภายในอาคารทิ้งอีกคนในสภาพนอนคว่ำหน้ากับโต๊ะ เมื่อเห็นทั้งสามเข้าผ่านประตูไปแล้ว โทนดึงมีดสั้นออกมา ถึงแม้ว่าไรเฟิลของเขาจะใส่ที่เก็บเสียงแต่มันก็ยังดังพอที่จะปลุกคนภายในอาคาร ชายที่คนดว่ำหน้าถูกสังหารอย่างไร้เสียงกรีดร้อง มีดของโทนเสียบเข้าช่องว่างระหว่างกระดูกซี่โครงก่อนที่เขาใช้มีดปาดไปที่คออย่างแม่นยำแทบจะทันทีที่โทนดึงมีดออกมา โทนเสียบมีดกลับเข้าฝัก มือข้างหนึ่งประทับ ไรเฟิลไว้แน่นและมืออีกข้างเปิดประตู
ร่างชายคนแรกสิ้นใจก่อนที่ร่างหล่นถึงพื้นแทบจะทันที่ ที่โทนเปิดประตูเข้าไป โทนไม่รอช้า ปล่อยกระสุนอีกสองนั้นเข้าที่หัวชายอีกคน ชายคนที่สามตาถลอนด้วยความตกใจร่างกายเขาตระกายไปยังประตูอีกฝั่งเพื่อจะหลบหนี แต่ความพยายามของเขาต้องสูญเปล่าเมื่อศีรษะของเขากระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยกระสุนความเร็วสูง สาดกระเซ็นเศษชิ้นสมอง เลือดและเศษกะโหลกไปตามผนังและบานประตู โทนเร่งฝีเท้าไปยังประตูห้องถัดไป ข้ามศพและเศษสมองของชายคนดังกล่าวเข้าสู่โถงทางเดินที่แบ่งอาคารเป็นสองฝั่ง โทนบิดกลอนประตูห้องทางซ้าย เมื่อพบว่าไม่ได้ล็อคเขาผลักประตู ชายคนหนึ่งที่นอนอยู่ที่เตียงพลันชโงกหัวมองสิ่งที่เข้ามาภายในห้องตนด้วยความสงสัย แต่ก่อนที่เขาจะได้คำตอบกระสุนสองนัดก็พุ่งเข้าหน้าอกและเบ้าตา โทนเคลียร์ห้องนั้นด้วยความรวดเร็วและรอบคอบก่อนกลับออกมายังโถงทางเดินเพื่อเช็คห้องทางขวาพบว่าห้องถูกล็อค โทนดึงค้อนปอนออกมาจากถุงหลัง ดึงด้ามให้ยืดออกก่อนจะทุบไปยังลูกบิด เท้าของเขาถีบประตูทันทีที่พบว่าลูกบิดหลุดเข้าไปภายในห้อง
โทนบิดตัวจากมีดของชายคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาก่อนจะใช้พานท้านปืนปัดป้องแล้วกระแทกไปที่หน้าชายคนนั้นจนทำให้อีกฝ่ายชะงักไปชั่วครู่แต่ไม่นานพอที่โทนจะเล็งปืน ชายร่างอ้วนกระโจนเข้าหาใช้ร่างการอันใหญ่โตของเขาคร่อมร่างโทนและไรเฟิลเอาไว้ เมื่ออาวุธหลักใช้การไม่ได้โทนจึงดึงปืนสั้นที่แนบเอวก่อนที่ยิงไปที่สีข้างชายคนนั้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะเงื้อมีด เสียงปืนดังลั่นสนั่นห้อง ปืนสั้นที่ไม่มีที่เก็บเสียงปลุกทุกคนทั้งอาคาร โทนบิดตัวออกจากร่างชายคนนั้นยัดปืนพกกลับซองที่เอวและลั่นไกใส่ร่างชายคนนั้นเพิ่มแทบจะทันทีเมื่อพบว่าเขายังหายใจ
“เหลืออีกสาม” โทนคิดในใจ
โทนเร่งฝีเท้าไปยังบันใด แม้จะเบาบางโทนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังลงมาจากชั้นบนเสียงหยุดลงที่ชานพักระหว่างชั้นหนึ่งและชั้นสองก่อนจะปรากฎมือของใครบางคนยื่นปืนออกมาจากชานพักแล้วรัวใส่แบบไม่มองเป้า โทนพุ่งหลบเข้าห้องทางด้านซ้ายแต่ไม่เร็วพอ กระสุนนัดหนึ่งพุ่งเข้าด้านซ้ายของแผ่นเกราะแข็ง ความรู้สึกโทนเหมือนถูกชกเข้าอย่างจังที่ซี่โครง
โทนลุกขึ้นยืนยิงสวนไปที่ชานบันได กระสุนของโทนเจาะทะลุเข้าไปที่ส่วนแขนที่ยื่นออกมาจนเลือดสาดตามผนัง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหยุดยิงโทนจึงก้าวออกมาจากห้องแล้วรัวปืนไปที่ชานบันไดหวังให้ใครก็ตามไม่มีจังหวะยิงสวนเขา โทนคว้าปืนสั้นทันทีเมื่อกระสุนไรเฟิลหมด แต่ชานพักบันไดว่างเปล่ามีเพียงรอยเลือด หยดไปตามทางเข้าสู่ห้องชั้นสอง โทนเปลี่ยนแม็กกาซีนไรเฟิล ก่อนเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วผิดกับเสียงที่เงียบเชียบไปยังบานประตูห้องดังกล่าว โทนดึงระเบิดแสงออกจากเอวดึงสลักแล้วถีบบานประตูอย่างสุดแรง บานประตูเปิดอย่างฉับพลันและรุนแรง ตามด้วยเสียงที่ดังรัวของระเบิดแสงที่ถูกโยนเข้าไป โทนกวาดปืนไปทั่วห้องจนเจอชายคนหนึ่งที่นอนพิงที่ผนัง เลือดที่แขนไหลทะลักนองพื้น สายตาอ้อนวอนขอชีวิตพลันดิ้นคลานหาทางหนีอย่างทุรนทุราย แต่เมื่อเห็นแขนอีกข้างยังถือปืนโทนไม่รอช้าส่งกระสุนเข้าที่หัวจนร่างแน่นิ่งไป
ที่มุมห้องโทนสังเกตุเห็นผู้หญิงสองคนนั่งขดด้วยความกลัวและมึนงงจากผลของระเบิดแสง โทนผลักกล้องมองกลางคืนขึ้นเหนือหัวก่อนจะเปิดไฟที่ติดกับหมวกกันกระสุนพลางดึงแขนของหญิงทั้งสองออกจากมุมห้อง เขาดึงเสื้อผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นจนเห็นรอยสักที่สีข้าง และดึงเสื้อที่หัวไหล่ลงเห็นเป็นรอยสักอีกรอยรูปดอกไม้ โทนคว้าแผ่นผับจากกระเป๋ากางเกงของเขาเปรียบเทียบรูปที่เขาได้มา
“รูปพรรณสัณฐานเช็ค”
“รอยสักที่สีข้างเช็ค”
“รอยสักที่ไหล่เช็ค”
โทนใช้สายรัดข้อมืดมัดตัวหญิงสาวคนดังกว่าไว้ แล้วมาเช็คหญิงอีกคน หญิงอีกคนไม่มีรูปพรรณสันฐานอะไรตรงกับอีกคนที่เขาต้องการ
“เราได้ดอกไม้หนึ่ง” “ย้ำเราได้ดอกไม้หนึ่ง” โทนแจ้งผ่านชุดหูฟัง
“แค่หนึ่งรึ ?” ปลายสายตอบกลับ
“ยังมีหญ้าอีกหนึ่งตอนนี้ทั้งสองพร้อมส่งแล้ว” “ให้เก็บไว้มั้ย ?” โทนถาม
“เก็บมาทั้งคู่”
โทนรัดสายพลาสติกที่ข้อมือหญิงอีกคนก่อนจะกระแทกพานท้ายปืนไปที่ท้ายทอยแล้วจบด้วยการคลุมถุงดำที่ศีรษะทั้งสอง เมื่อแน่ใจว่าทั้งสอหมดสติ โทนแบกทั้งสองมายังห้องชั้นหนึ่งที่เต็มไปด้วยเลือดและกองศพ สูบน้ำมันจากรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ใกล้ๆใส่ถังแล้วราดไปที่โถงทางเดินทั้งชั้นสองและชั้นหนึ่ง
“สาบสิบวิ”เสียงแจ้งจากยังหูฟัง
ก่อนจะปรากฎรถเอสยูวีคันหนึ่งแล่นฝ่าความมืดหลังสายฝนสิ้นสุดมายังลานบ้านโดยที่ไม่มีไฟรถ ชายหน้าตาที่คุ้นเคยออกมาจากรถช่วยโทนแบกร่างหญิงทั้งสองไว้ที่ท้ายรถก่อนที่ชายคนนั้นจะนำอุปกรณ์ต่างๆมาสวมให้หญิงทั้งสอง มันคือ ยานอนหลับที่ใส่ในหน้ากากผ้า ผ้าปิดตา และหูฟังตัดเสียง โทนผับเบาะหลังให้กว้างพอที่วางร่างที่หมดสติของทั้งสองก่อนที่จะจุดไฟเผาอาคารที่เขาเตรียมไว้แล้ว โทนเข้าไปนั่งในรถคุมตัวหญิงสวยที่หมดสติ ก่อนที่รถจะแล่นออกไปในความมืดมิด โทนมองอาคารที่ไฟลุกท่วม อยู่เบื้องหลังและกลิ่นคาวเลือดขอคนที่เขาฆ่าที่ติดตัว.