เขาบอกให้หนูมาตามล่าหารักแท้ (ทะลุมิติ)

แฟนตาซี

เขาบอกให้หนูมาตามล่าหารักแท้ (ทะลุมิติ)

เขาบอกให้หนูมาตามล่าหารักแท้ (ทะลุมิติ)

พกร่มยามฝนตก

แฟนตาซี

11
ตอน
467
เข้าชม
17
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
6
เพิ่มลงคลัง
คำเตือนเนื้อหา
คำเตือนเกี่ยวกับเนื้อหาในเรื่องอาจมีการสปอยล์ถึงเนื้อเรื่องหลัก
ฉันเกิดมามีอายุเพียงแค่ 25 ปีก็ต้องมาจากโลกโดยไม่มีอะไรให้ใครอื่นต้องมาหวนนึกถึงฉันเลย..สักคน คิดว่าความตายจะพาให้มาพบความสงบสุขที่อยากใฝ่ฝัน..แต่ทำไมดันมีบททดสอบหฤหรรษ์ให้ฉันฝ่าฝันจนได้เล่า..

............❤️❤️❤️........... 

คำโปรย...... 

ตลอดการเติบโตและมีชีวิตมาจวบจนถึงอายุ25 ปีของฉันมันผ่านมาได้ยังไงนะ มีหลายอย่างที่อยากทำตอนเยาว์วัย อยากจะมีแบบนั้นหรือนี้ให้เหมือนเพื่อน กลับทำได้เพียงให้ผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่าความสุขของฉันหายไปไหนนะ 

ฉันพยายยามตามหาความสุขและความสดใสให้ชีวิตที่เหือดแห้งในวัยทำงานของฉันมันกลับมา ยิ่งนึกคิกยิ่งเสียดาย... 

กาลเวลาไม่เคยรอใคร..... 

กาลเวลาจะกลืนกินเราเสมอ..... 

กาลเวลาไม่สามารถย้อนกลับไปได้ 

และการลเวลามักจะทำให้เราหวนนึกถึง..อดีต 

"โตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด"เป็นประโยคที่ทุกคนมักจะใฝ่ฝันอยากเป็นอยากเห็นตัวเราในอนาคตมากที่สุด...แต่ ความสมบูรณ์แบบมันเป็นแบบไหนกันแน่?... 

............❤️❤️❤️........... 

สปอย... 

ตั้งแต่เกิดมาได้ใช้ชีวิต 25 ปี จนมาจบที่โลงศพไร้ญาติขาดมิตรมาร่วมอาลัย ร่างบางเบาโปร่งแสงของสตรีนางหนึ่งทอดมองเบือนหน้าด้วยอารมณ์ไร้อาลัยอาวรณ์ใดๆทั้งสิ้น  

การตายจากโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องธรรมชาติ หากแต่ถ้าคนผู้ตายจากมีคนรักและเทิดทูนล้วนแล้วเป็นเรื่องไม่สมควรเลยสักนิด..แต่เธอนั้นไม่มีใครให้ รักและหวังดี ถึงเธอจะจากไปบนโลกนี้ก็ไม่มีใครจะสนใจหรือแลเห็นตัวตนของเธอเลยสักคน...น่าเวทนา เหมาะสมแล้วสำหรับตัวของเธอ... 

"ช่างเวทนานะ หล่อนมีศักดิ์เป็นหลานสาวของคุณหญิงท่านมรกต แต่ไม่เห็นมีญาติฝั่งมารดาหรือคุณหญิงจะมาร่วมงานเธฮเลย"เสียงกระซิบกระซาบแขกในงานที่มาร่วมงานได้พูดคุยกัน แต่ถึงจะกระซิบอย่างไรก็ยังได้ยินชัดเจนอยู่ดี  

"เงียบๆไปเลย เธอไม่รู้อย่ามาเที่ยวพูดไป"อีกคนเอ็ดเพื่อนข้างๆที่มาตั้งคำถามไม่มารยาทในงานแห่งนี้ เห็นแล้วมันก็นาเวทนาจริง งานศพหลานสาวทั้งคนใยไร้ญาติขาดมิตรมาร่วมงาน มีแต่คนรู้จักสนิทสนมระดับหนึ่งเท่านั้นที่มาร่วมงานฌาปนกิจ ไร้เสียงร่ำไห้อาลัยอาวรณ์มีแต่เสียงพูดคุยบ้างเบาจากแขกกลุ่มน้อยเท่านั้นที่มาร่วมงาน น่าเวทนา มันคงเหมาะแล้วจริงๆ 

"เฮ้อ.."เจ้าของงานที่นั้งมองลงมาจากโลงศพไม้จันทร์หอมได้แต่ทอดสายตามองงานตนเองที่เป็นเจ้าภาพอย่างเวทนาตนสุดจับใจ ใดๆก็แล้วแต่ เธอตายไปแล้วจากโลกนี้ ก็คงต้องวนเวียนล่องลอยไปทั่วก่อนจะมีคนมารับเธอไปยังอีกโลกหนึ่ง 

"ช่างเงียบเหงาเหมือนตอนเธฮมีชีวิตจริงๆ.."ทุ่มเสียงต่ำดังขึ้นมาจากด้านหลังเธอ ทำเอาร่างโปร่งแสงที่นั้งเบื่อหน่ายหันขวับไปมองยังต้นเสียงทันทีด้วยความตกใจ 

"คุณคือ ยมฑูตที่จะมารับฉันหรอคะ"เธอถามชายหนุ่มร่างกำยำตรงหน้าพร้อมเอาแขนแนบลู่ข้างลำตัวอย่างน้อบน้อม 

"ใช่แล้วครับ"เขาตอบกลับเสียงดังฟังชัดพร้อมกับรัศมีแรงกล้าที่แพร่ออกมาจนเธอเริ่มหวั่นเกรงชายตรงหน้าผู้นี้จับจิต 

"วันนี้คือวันสุดท้ายที่เธอจะอยู่ดูโลกมนุษย์"เขากล่าวพลางเอาสมุดยกขึ้นมาแล้วทำท่าขีดเขียนในสมุดสักเล็กน้อยก่อนจะเก็บมันหายไปทันที 

"ดูแล้วไม่อาลัยอาวรณ์โลกแห่งนี้หน่อยหรอครับ"เขาถามเธอที่ก้มหน้าก้มตา ที่ไร้อาการโต้แย้งหรือจะโวยวายอ้อนวอนเขาให้อยู่ต่อบนโลกใบนี้เหมือนดวงวิญญาณอื่นๆทั่วไป 

"ไม่คะ"เธอตอบสั้นๆพร้อมเงยหน้าหันไปมองเบื้องหลังที่มีแขกกลุ่มสุดท้ายทยอยออกจากศาลาที่จัดงานศพเธอไปจนหมดทุกคน 

"มันเงียบไปจนฉันไม่เห็นความแตกต่างที่เป็นอยู่เลยคะ"เธอกล่าวเรียบนิ่งแต่มีความไหววูบสายหนึ่งในดวงตาเธอก่นจะจางหายไปในที่สุด 

"งั้นตามผมมาเถอะ เรามาพิจรณาตามกรรมที่คุณได้กระทำไว้"ยมฑูตหนุ่มเดินไปใกล้ชิดเธอพร้อมกับแสงสว่างสุดแสบตาฉายออกมาทำเอาตาเธอพร่าพราวเห็นแต่สีขาวเจิ่ดจ้าไปเสียหมด 

"ตุ้บ!!โอ๊ย!"เสียงของหนักตกกระทบพื้นดังขึ้นมาพร้อมเสียงจากร่างบางร้องโอดโอยเสียงหลงเมื่อตัวเธอได้รับแรงกระแทกจนจุกไปหมด 

"ไหนบอกว่าตายไปแล้วมีทางให้เลือกคือ สวรรค์กับนรกไงละ?"เสียงในจิตใจของเธอดังขึ้นมาพร้อมวิวทิวทัศน์ที่ปราฏเบื้องหน้า 

"ไหงมีแต่ทุ่งกว้างเขียวขจีแถมท้องฟ้าที่ดูไม่เหมือนกับโลกที่ฉันจากมาเลยละ...มันสวยจังเลยนะ"ความแปลกใหม่ที่ประสบพบเจอมันสะท้อนให้เธอได้มองเห็นความสวยงามเบื้องหน้าที่ตัวเธฮรู้ดีว่าไม่อาจพบเจอได้แน่นอนจากโลกคนเป็น 

"เธอจะนอนเปลื่อยร่างกายโชว์คนอื่นเขาไปทั่วแบบนี้เลยหรือไง?"เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาพร้อมเงาดำใหญ่พาดทับแสงแดดที่แยงตาเธอ ทำให้ได้เห็นว่าคนมาเยือนคือ ยมฑูตหนุ่มที่พาเธอมายังที่แห่งนี้นั้นเอง 

"เออคือ..."ได้แต่อำอึ่ง เธอส่ายสายตาไปมาพร้อมพยายามยันกายให้ลุกขึ้นยืน เมื่อรู้สึกตัวเองแล้วว่าความเจ็บปวดก่อนหน้าได้หายไปแล้ว ความเขินอายที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าเบาหวิวที่แห่งความจริง เธอไร้อาภรณ์ใดๆปกปิดร่างกายเลยแม้แต่น้อย.. 

"ที่นี่คือที่ไหนหรอคะ?"เธอเอ่ยถามยมฑูตเสียงแผ่วเบาก่อนจะเสมองไปทางอื่นด้วยความไม่คุ้นชินทั้งสถานที่และสถานะของคนตรงหน้าที่แพร่กระจายกลิ่นอายความตายอยู่ตรงหน้าเธอ ความเขอะเขินอับอายที่ยืนล้อนจ้อนอยู่ก็หายไปทันที เหลือเพียงความประหม่าหวั่นเกรงยมฑูตหนุ่มตรงหน้าแทน.. 

"ด้วยทั้งคุณงามความดีและความบาปทั้งปวง..คุณได้ถูกโยนลงมายังโลกที่ไม่ใช่ทั้งสวรรค์หรือเมืองนรก"ยมฑูตกล่าวบอกพร้อมยกมือทำท่าทางโบกไปมา ปรากฏเป็นชุดสีขาวสะอาดที่ทำมาจากผ้าด้ายดิบธรรมดาชุดหนึ่งปกปิดร่างกายที่โป๊เปลือยของเธอขึ้นมาทันที 

"ขอบคุณค่ะ"เธอกล่าวขอบคุณน้อบน้อมพร้อมสำรวจชุดตนเองด้วยความสงสัย 

"ต่อจากนี้ไป ผมจะส่งคุณไปทำหน้าที่คล้ายคนเป็นอีกครั้ง" 

"....คะ?"เธอสับสนงงงวย..สวรรค์ไม่ได้ไปนรกไม่ได้ลงแต่ได้ไปเกิดไหมหรอเนี่ย 

"มันเป็นบททดสอบของคุณ วิญญาณที่ไม่มีทั้งความดีและบาปให้ตัดสินว่าจะไปที่ใดได้"ยมฑูตหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมเดินนำหน้าเธอไปสองก้าว 

"ครืด!!"เสียงพื้นดินสั่นสะเทือนพร้อมปรากฏประตูบานใหญ่ค่อยๆดันขึ้นมาจากพื้นพิภพ 

"เข้าไปเผชิญด้านเคราะห์กรรมพร้อมทำคุณงามความดีกลับมา"ยมฑูตหนุ่มเขยิบไปข้างเสาประตูพร้อมสั่งเสียเธออย่างน่าเกรงขาม 

"หากคุณไม่ทำความดีหักลบความชั่ว วิญญาณคุณจะตกนรกโลกันต์ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย" 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว