ลิขิตเสน่หา
3
ตอน
194
เข้าชม
0
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
3
เพิ่มลงคลัง
คำเตือนเนื้อหา
คำเตือนเกี่ยวกับเนื้อหาในเรื่องอาจมีการสปอยล์ถึงเนื้อเรื่องหลัก
โชคชะตานำพาให้เขาและเธอมาพบกันในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมแต่ด้วยความรักที่ทั้งคู่มีให้กันจึงช่วยนำพาให้ทั้งสองฝ่าฟันทุกอย่างเพื่อให้ได้ครองคู่กัน

 

ปฐมบท

คืนนี้ฝนตกหนักฟ้าแลบแปลบปลาบสว่างจ้ากึกก้องดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด แรงลมพายุพัดเอาฉากของเวทีงิ้วปลิวหายไปกับแรงของมันทั้งนักแสดงและคนงานในโรงงิ้วต่างก็พากันวิ่งเก็บโต๊ะเก้าอี้ให้วุ่นวาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เรียบร้อยก็ทำเอาเนื้อตัวเปียกปอนจนหนาวสั่น

“ เจ๊ซินอั๊วว่าเราปิดโรงงิ้วกันเลยดีไหม ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่มีใครเขาออกมาดูงิ้วกันหรอก ” อาสงเด็กในโรงิ้วออกความเห็น

“ นั้นสิอาซินเฮียก็เห็นด้วยกับอาสงมันนะ ” คังซีพระเอกงิ้วหน้าหยกประจำคณะพูดขึ้นบ้าง

ซินซินกวาดตามองออกไปยังสายฝนที่กระหน่ำจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นแล้วถอนหายใจ “ คืนนี้เป็นการแสดงคืนแรกของเราแท้ ๆ ฝนดันตกลงมาได้ ”

“ ไม่เห็นต้องถอนหายใจเลยเจ๊ถึงจะไม่ได้แสดงแต่เราก็ได้เงินค่าจ้างจากเถ้าแก่เล้งมาแล้วนี่ คืนนี้เล่นไม่ได้คืนพรุ่งนี้ค่อยเริ่มกันใหม่ก็ได้เถ้าแก่คงเข้าใจก็ฝนมันตกหนักจริง ๆ ” อาสงพูดไปก็ช่วยเก็บข้าวของประกอบฉากบนเวทีไปด้วย

“ เอาหน่าซินคืนพรุ่งนี้เราค่อยเริ่มกันใหม่ ตอนนี้เฮียว่าลื้อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะนะ ” คังซีมองนางเอกคู่ขวัญของเขาอย่างเอ็นดู เพราะตอนนี้ชุดงิ้วที่เธอสวมใส่เปียกน้ำฝนจนเจ้าตัวปากคางสั่นด้วยความหนาวเย็น

“ ถ้าอย่างนั้นอั๊วเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ ฝากเฮียกับอาสงดูความเรียบร้อยทางนี้ด้วย ” พูดจบซินซินก็เดินเข้าไปด้านหลังของเวทีแสดง

ฟ้าฝนยังคงตกหนักลงมาอย่างไม่ขาดสาย เสียงลมพายุพัดประตูหน้าต่างของเรือนพักดังปึงปังน่ากลัว แต่ในเสียงฝนที่ครืนครั่นยังมีเสียงโหวกเหวกของคนจำนวนหนึ่งดังแทรกอยู่เป็นระยะ ๆ

“ เจ๊ได้ยินเสียงข้างนอกไหม เสียงเหมือนคนมีเรื่องกัน ” อาสงวิ่งออกไปเอาหูแนบประตูเรือนพัก

“ ไม่ใช่มั้งอาสง เสียงลมพายุมากกว่า ” ซินซินสีหน้าหวาดกลัว

“ ไม่ใช่เสียงลม เจ๊ลองฟังดี ๆ ซิเสียงคนตีกันจริง ๆ” อาสงวิ่งกางร่มจากเรือนพักออกไปยังหน้าประตูศาลเจ้าที่ไม่ไกลกันมาก

“ อาสงลื้อจะไปไหน!? ” ซินซินตะโกนตาม

“ เจ๊เกิดอะไรขึ้น อั๊วได้ยินเสียงเจ้ตะโกน ” อาไทวิ่งหน้าตาตื่นออกมาพร้อมกับเหง็กน้องสาว

“ อาสงน่ะซิวิ่งออกไปดูคนมีเรื่องกันที่นอกศาลเจ้า” ซินซินบอกทำท่าจะรีบออกไปดูบ้าง

“ จริงเรอะเจ๊!? ” อาไททำหน้าตื่นเต้น

“ อาไทลื้อรีบไปบอกเฮียคังซีให้รู้ทีนะ เจ๊จะออกไปดูอาสงข้างนอก” พูดจบซินซินก็เดินเลาะไปตามกำแพงที่มีหลังคายื่นออกมาพอจะกันฝนได้

ที่ถนนด้านหน้าศาลเจ้ามีชายกลุ่มหนึ่งวิ่งโวยวายเสียงดังลั่น แต่ละคนท่าทางเหี้ยมเกรียมทั้งยังถืออาวุธครบมือเหมือนกำลังตามเอาชีวิตของใครอยู่

อาสงแง้มประตูศาลเจ้าออกแค่พอมีช่องให้พอมองเห็นแล้วมองรอดช่องว่างออกไป ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างด้วยความกลัว

“ อาสง! ลื้อดูอะไร? ”

อาสงหันควับมาหาซินซินพลางเอามือขึ้นบอกให้เธอเงียบ

ซินซินค่อยๆ ย่องเข้ามานั่งข้างอาสงแล้วชะเง้อมองออกไปที่ด้านหน้าถนน “ ตายแล้ว! ” เธอเผลอตัวร้องออกมา

“ เจ๊! ” อาสงรีบเอาขึ้นมามือปิดปาก ซินซินทันที

“ ผู้ชายคนนั้น ” ซินซินเสียงและเนื้อตัวสั่นไปหมด

“ รอให้ไอ้พวกห้าคนนั้นมันไปก่อน เจ๊อย่างเพิ่งออกไปนะ ” สองคนจับจ้องร่างที่นั่งหมดสติอยู่ตรงซอกข้างกำแพงตลาด โชคดีที่ชายฉกรรจ์ห้าคนนั้นมองไม่เห็นเขา

“ เราต้องช่วยเขานะอาสงทิ้งเอาแบบนี้ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่ ๆ ”

“ ช่วย? ช่วยใครกันซิน ” คังซีถามขึ้น

ซินซินชี้ไปทางที่ชายหนุ่มสลบอยู่ “ ผู้ชายคนนั้นไงเฮีย ”

“ จะไปยุ่งเรื่องของพวกอันธพาลแบบนั้นทำไม ปล่อยมันไปเถอะซิน ”

“ จะปล่อยให้เขาตายได้ยังไงล่ะเฮียทีหมาแมวเจ็บมาเรายังช่วยพวกมันเลย นี่คนทั้งคนนะจะไม่ช่วยได้ยังไง” เธอพูดอย่างไม่พอใจ

“ มันเป็นใครก็ไม่รู้ อาก๋งก็ไม่อยู่ด้วยขืนพามันเข้ามาแล้วไอ้พวกที่ตามมันอยู่แห่เข้ามาด้วยเราจะทำยังไงกัน”

“ มันไปหมดแล้วเจ๊! ” อาสงร้องขึ้น

ซินซินไม่ฟังเสียงคังซีเธอรีบลุกขึ้นเปิดประตูศาลเจ้าวิ่งฝ่าสายฝนออกไปกับอาสง สองคนช่วยกันหิ้วปีกชายแปลกหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเข้ามาในศาลเจ้า

“ อาสงลื้อไปเอาลังเก็บสมุนไพรของอาก๋งมาให้เจ้ อาไทลื้อช่วยไปหยิบผ้าขาวสะอาด ๆ กับอ่างน้ำมาทีนะ” ซินซินสั่ง

“ แล้วอั๊วล่ะเจ๊ ” เหง็กถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น

ซินซินยิ้ม “ ลื้อมาช่วยเจ๊ทางนี้ ”

สองคนช่วยกันถอดเสื้อผ้าของชายแปลกหน้าออกอย่างทุลักทุเลเพราะเขาตัวใหญ่และหนักเกินกว่าที่หญิงสาวร่างเล็กบางสองคนจะจัดการได้

“ พวกลื้อหลบไปอั๊วจัดการเอง ” สุดท้ายคังซีที่ตัวสูงใหญ่พอ ๆ กันก็ต้องเข้ามาช่วย

ซินซินมองคังซีแล้วยิ้มให้เขาอารมณ์หงุดหงิดของชายหนุ่มจึงเบาบางลง

อาสงและอาไทเอาสิ่งของต่าง ๆ ที่ ซินซินต้องการมาครบหมดแล้ว หญิงสาวจึงเริ่มทำความสะอาดตามเนื้อตัวของชายแปลกหน้าก่อนจะใส่ยาสมุนไพรที่แผลของเขา

“ แผลที่หลังกับแขนซ้ายลึกน่ากลัวจังเลยเจ๊ ” เด็กสามคนพากันทำหน้าสยดสยอง

“ ที่แก้มขวานี่ด้วยทำไมคนพวกนั้นถึงได้ใจร้ายนักนะ ” ซินซินทายาอย่างเบามือที่แก้มขวาของชายหนุ่มแปลกหน้า บาดแผลนั้นยาวและลึกลงมาถึงเหนือ ริมฝีปากเลือดยังคงไหลซึมไม่หยุด

“ อีจะรอดไหมเจ๊ ” อาไทถามขึ้น

ซินซินถอนใจ “ คงต้องรอดูคืนนี้ถ้าอีผ่านคืนนี้ไปได้ก็คงจะรอดนะ ”

“ ไปทำอะไรมาหนอถึงได้ถูกเล่นงานจนปางตายอย่างนี้ ” อาไทรำพึงรำพัน

ซินซินมองดูชายแปลกหน้าที่เธอช่วยเอาไว้อย่างเวทนา “ ไม่มีอะไรแล้วพวกลื้อไปนอนกันเถอะนะ ”

“ แล้วลื้อล่ะอาซิน?” คังซีถามขึ้น

“ อั๊วจะอยู่เฝ้าอีที่นี่แหละเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยทัน ”

“ ทำไมต้องเป็นลื้อเฝ้าด้วยให้อาไทหรือไม่ก็อาสงเฝ้าไปสิ ” คังซีพูดอย่างหงุดหงิด

“ ไม่ได้หรอกเฮียสองคนนั้นทำอะไรไม่เป็นอั๊วเฝ้าอีเองดีกว่า เฮียไปนอนเถอะนะพรุ่งนี้เช้าต้องไปรับอาก๋งนี่ ”

คังซีทำหน้าบึ้งตึง “ ให้ใครคนใดคนหนึ่งอยู่เป็นเพื่อนลื้อด้วย ” เขาจ้องเด็กชายหญิงที่นั่งหน้าสลอนอยู่

“ เดี๋ยวอั๊วอยู่เป็นเพื่อนเจ๊ซินเอง ” เหง็กเสนอตัว

“ ถ้ามีอะไรก็ไปเรียกอั๊วได้ตลอดเวลาเข้าใจไหม ” คังซีย้ำชัด

“ เข้าใจแล้วเฮียรีบไปนอนเถอะนะ ” ซินซินพูดขึ้นอย่างอ่อนใจ

ชายทัั้งสามคนจึงพากันเดินไปยังเรือนนอนด้านหลังศาลเจ้าปล่อยให้หญิงสาวอยู่พยาบาลชายแปลกหน้าที่ยังสลบไสลไม่ได้สติ

เวลาผ่านไปกว่าครึ่งคืนฝนข้างนอกก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกแต่ยังดีที่พากันซาเม็ดลงบ้าง อากาศยามนี้จึงหนาวสะท้านจนจับขั้วหัวใจ

ซินซินขนผ้าในห้องเก็บของที่ซักสะอาดแล้วมาคลุมตัวให้ชายแปลกหน้าเพราะเขาตัวสั่นสะท้านด้วยหนาว

“ อาเหง็กลื้อ…” ซินซินหันมามองเหง็กที่ตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว เธอโคลงศีรษะน้อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเอาผ้าไปห่มให้

“ เข้ามา! พวงมึงเข้ามาเลยกูไม่กลัว…” ชายแปลกหน้าละเมอโวยวาย ท่าทางของเขายิ่งกระสับกระส่ายหนักขึ้น

“ นี่ นี่นาย…” ซินซินพยายามเขย่าปลุกเขาให้รู้สึกตัว

“ ม่าม๊า อย่าทิ้งอั๊วไป…” เสียงเขาครวญคราง

“ ตัวร้อนเหลือเกิน ” เธอเอามือวางที่แก้มและลำคอของเขา ก่อนจะรีบร้อนลุกขึ้นไปเอาผ้าสะอาดมาเช็ดตามแขนพับและซอกคอเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย

“ ใคร! ” มือใหญ่กำข้อมือเล็กเอาไว้แน่นจนซินซินรู้สึกเจ็บ

“ นี่อั๊วกำลังช่วยลื้ออยู่นะ ปล่อยมือก่อน ” เธอพยายามจะดึงข้อมือออกแต่มือใหญ่ก็ยังกำแน่นราวกับคีมเหล็ก

“ มึงเป็นใคร!? ” ดวงตาที่บอบช้ำด้วยถูกทำร้ายค่อยๆ เปิดขึ้น ภาพตรงหน้าเลือนลางจนไม่รู้ว่าคือความฝันหรือความจริงกันแน่

“ นี่ปล่อยอั๊วเถอะ อั๊วกำลังช่วยลื้ออยู่นะ ” เธอพยายามพูดอย่างอ่อนโยน

มือใหญ่ค่อย ๆ คลายออกก่อนจะเจ้าของมือจะหมดสติไปอีกครั้ง

“ ทำไมถึงแรงเยอะขนาดนี้นะ ” ซินซิน ยกข้อมือขึ้นมาดูรอยแดงช้ำที่เขาทำเอาไว้

เธออยู่เช็ดตัวให้เขาจนไข้ลดลงจึงผล็อยหลับไปข้าง ๆ เขา มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อคังซีเดินออกมาเรียก

“ นี่ลื้อนอนข้าง ๆ มันทั้งคืนเลยเรอะ? ” คังซีถามอย่างไม่พอใจ

ซินซินงัวเงียขยับตัวบิดขี้เกียจ “ ก็อีไข้ขึ้นสูง แถมยังละเมออีกอั๊วก็เลยต้องเช็ดตัวให้ทั้งคืนเลย ”

คังซีมองร่างที่ไร้สติตาขวางก่อนจะหันกลับมามองซินซิน หญิงสาวที่เขาแอบรัก “ ลื้อไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ ป้าจูอีเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว ”

“ จ้ะ ฝากเฮียดูผู้ชายคนนี้เอาไว้ด้วยนะ ”

“ ทำไม? ลื้อกลัวอีจะหนีไปหรือไง ”

“ ไม่ใช่เสียหน่อย เผื่อเขารู้สึกตัวขึ้นมาจะได้ถามไถ่ว่าเป็นใครมาจากไหนไงเฮีย เราจะได้พาเขาไปส่งที่บ้านถูกไง” ซินซินพูดนำเสียงอ่อนหวาน

คังซีสีหน้าคลายโกรธลง “ อือ เดี๋ยวอั๊วเฝ้าให้เองลื้อรีบไปอาบน้ำอาบท่าซะ ”

“ จ้ะเฮีย ” สิ้นเสียงซินซินก็เดินเร็ว ๆ เข้าไปยังเรือนพัก

“ ตื่น! ตื่นได้แล้วเหง็ก” คังซีเขย่า เหง็กแรง ๆ

“ โอ้ย! จะปลุกทำไมยังเช้าอยู่เลย” เหง็กโวยวาย

“ เช้าอะไรกันนี่สายแล้วนะ ”

เหง็กงัวเงียลืมตาดูรอบตัว “ พระอาทิตย์ยังขึ้นไม่เต็มฟ้าเลยเฮียจะรีบปลุกอั๊วทำไม ”

“ หรือลื้อจะให้อี๊จูมาปลุกลื้อแทน ”

เหง็กทำหน้าขยาดเมื่อนึกถึงหญิงวัยกลางคนหน้าตาบึ้งตึงรูปร่างใหญ่โตราวชายอกสามศอกแล้วทำท่าขนพองสยองเกล้า

“ ไม่เอาๆ อั๊วตื่นก็ได้ แล้วเจ๊ซินล่ะ”

“ อีไปอาบน้ำแล้ว ”

“ ไปก็ไม่เรียกกันเลยเจ๊ซินเนี่ย ” เหง็กลุกขึ้นเดินอ้าปากหาวไปตลอดทาง

คังซีนั่งลงที่เก้าอี้ข้างชายคนเจ็บ “ อั๊วไม่ชอบขี้หน้าลื้อเลยจริง ๆ ” เขาส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูศาลเจ้า

ทุกคนที่อาศัยอยู่ในศาลเจ้าพ่อกวนอูพากันทำความสะอาดศาลรับวันใหม่ บางส่วนก็แยกย้ายไปทำความสะอาด โรงงิ้วที่อยู่ในบริเวณรั้วเดียวกัน จนสาย คังซีจึงขี่รถจักรยานยนต์ของเขาออกไปหัวลำโพงเพื่อรับอาก๋งที่กลับมาจากไปเยี่ยมญาติที่นครสวรรค์

ซินซินทำโจ๊กมาให้กับคนเจ็บที่ไม่รู้ว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอวางถ้วยโจ๊กเอาไว้ที่โต๊ะไม้ข้างเขาก่อนจะเดินไปจุดธูปไหว้เจ้าพ่อกวนอูขอพรตามปรกติอย่างที่เคยทำ

“ โอ้ย….” เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น

ซินซินรีบปักธูปที่กระถางทันที เธอเดินกลับมาที่คนเจ็บนอนอยู่ “ นี่ลื้อรู้สึกตัวแล้วเหรอ ”

“ อั๊ว… อยู่ที่ไหน ” เขาถามเสียงแหบแห้ง

“ ลื้ออยู่ที่ศาลเจ้าพ่อกวนอูหลังตลาดเก่า ” ซินซินตอบ

ดวงตาช้ำ ๆ เปิดขึ้นช้า ๆ ภาพตรงหน้าจึงชัดเจนขึ้นกว่าเมื่อคืนนี้ รอยยิ้มสดใสและดวงหน้าหวานละมุนละไมทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงขึ้น

“ ลื้อเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอยู่ไหม ” ซินซินถามด้วยความห่วงใย

“ เจ็บทั้งตัว ” เขากัดฟันตอบ

“ ก็แน่ละซิ ลื้อถูกฟันทั้งตัวเลยนี่หน่า ” เธอมองเขาอย่างเวทนาสงสาร

“ อั๊วจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”

“ เมื่อคืนนี้ลื้อวิ่งหนีพวกอันธพาลห้าคนมาหลบอยู่ที่ข้างกำแพงตลาดแล้วลื้อก็หมดสติไป ”

คิ้วหนาได้รูปขมวดมุ่น “ จำไม่ได้ ”

สีหน้าของซินซินยิ่งเป็นกังวลหนักขึ้น “ ลื้อจำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ เหรอ ”

“ จริง ๆ จำอะไรไม่ได้เลย ” เขาตอบพลางยกมือขึ้นทั้งทียังสั่น

“ อย่าเพิ่งขยับ ลื้อยังบาดเจ็บอยู่ ” ซินซินเข้าไปจับมือเขาลง

“ ขอบใจนะที่ช่วยอั๊วเอาไว้ ” เขามองหน้าเธออย่างซาบซึ้ง

“ ไม่เป็นไร ว่าแต่ลื้อจำได้ไหมว่าตัวเองชื่ออะไรแล้วอยู่ที่ไหน อั๊วจะได้ให้คนไปบอกที่บ้านลื้อให้มารับลื้อกลับไป ”

เขาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า “ จำไม่ได้ ”

ซินซินถอนหายใจอย่างเป็นกังวลใจ “ แล้วจะทำยังไงกันต่อล่ะทีนี่ ”

 

 

*** ถึงนักอ่านทุกท่านคะ เรื่องนี้ไรต์ตั้งใจจะเขียนต่อแล้วลงให้อ่านกันนะคะ เนื้อเรื่องเกิดขึ้นหลังช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสามปี สถานที่ในเรื่องคือเยาวราชและบริเวณใกล้เคียงนะคะ ไรต์หวังว่าทุกคนจะชอบและสนุกไปกับทุก ๆ เหตุการณ์และทุกตัวละครในเรื่อง

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว