ในโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขันมุนษย์แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันวุ่ยวาย ทว่ายังมีนักศึกษาสาวผู้หนึ่งที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ถือคติว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มิได้ดิ้นรนพาตัวเองเข้าหาความยุ่งยากเหล่านั้น ...ดังเช่นนักศึกษาสาวที่สามารถมองเห็นวิญญาณได้นามว่าซูซู
ปกติเสาร์อาทิตย์หญิงสาวมักจะทำงานที่บ้านซึ่งงานของเธอก็คือเปิดสำนักดูดวงหาเงินส่งตัวเองเรียนจึงไม่ค่อยมีเวลาว่างไปสุงสิงกับใครมากนัก วันนี้ซูซูว่างเพราะอาจารย์ยกคลาสทั้งเวลาเธอจึงหยิบเอาสมุดวาดเขียนกับดินสอเดินไปร้านกาแฟในละแวกใกล้เคียง จิบเครื่องดื่มเย็นๆ แกล้มกับของหวานสักชิ้นสองชิ้น นั่งวาดรูปเรื่อยเปื่อยดำเนินชีวิตเรียบง่าย ผ่านคืนวันอันเนิบนาบไปอย่างมีความสุขตามอัตภาพ
ในเวลาว่างซูซูมักชอบวาดรูปเพราะมันเป็นวิธีฝึกสมาธิชั้นดีเลยทีเดียว เมื่อเธอมีสมาธิ มีสติ เธอก็จะไม่ตกใจกับวิญญาณมากมายที่ลอยไปลอยมาอยู่รอบๆ แต่ทว่าเส้นทางไปร้านเจ้าประจำในวันนี้กลับพลุกพล่านกว่าเคย จากจุดที่เดินสามารถมองเห็นคนกล่มใหญ่ซึ่งคาดเดาว่ามีประมาณมากกว่าร้อยชีวิตยืมรวมตัวกันอยู่ตรงสุดถนน มีการชูป้ายข้อความแต่ก็ไกลเกินกว่าจะอ่านออกลักษณะคล้ายการชุมนุมประท้วงอะไรบางอย่าง
“…”
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คนรอบข้างที่รีบเร่งอยู่แล้วยิ่งก้าวเร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ร้านกาแฟเล็ก ๆ ซึ่งเป็นจุดหมายนั้นตั้งอยู่ในระยะใกล้ ๆ นี้เองซูซูจึงยังคงเดินทอดน่องเรื่อยๆ ชมต้นไม้ใบหญ้าข้างทางราวกับเพิ่งเคยพบเห็นพวกมันเป็นครั้งแรกขณะเพลิดเพลินกับการซึมซับความงามตามธรรมชาติอยู่ ๆ ก็มีฝูงชนกรูกันแทรกเข้ามาพยายามแซงขึ้นหน้าท่าทางเหมือนจะรีบไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมเหล่านั้นแล้วพลันชายร่างหนาคนหนึ่งก็เบียดกระแทกเข้ามาอย่างแรงจนซูซูเซถลาไปกลางสี่แยกตัดหน้ารถขับเคลื่อนสี่ล้อที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูง
ทว่ารู้ตัวอีกทีหญิงสาวก็กำลังยืนมองร่างโชกเลือดของตนเองบนพื้นถนนอย่างงุนงง ทว่ายังไม่ทันได้คิดค้นหาคำตอบใด ๆ บุรุษหน้าขาวสวมอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าและกล่าวประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้ามารับวิญญาณเจ้า”
ซูซูจึงค่อยกระจ่างแจ้งว่าตนนั้นได้ตายไปแล้ววิญญาณที่เพิ่งออกจากร่างหมาด ๆ ลอยตามยมทูตชุดขาวไปอย่างว่าง่าย เข้าใจดีว่าอะไรจะเกิดย่อมต้องเกิดอาจมีความเสียดายอยู่บ้างที่อายุขัยสิ้นสุดลงด้วยวัยเพียงเท่านี้ และไม่อาจทำตามความฝันที่จะเก็บเงินซื้อที่ดินแปลงเล็ก ๆ ในชนบทปลูกผักเลี้ยงไก่ไปตามประสาชีวิตเนิบช้าอย่างที่ตัวเองนิยมชมชอบได้
ที่ซูซูมิได้ฟูมฟายต่อความตายของตนส่วนหนึ่งก็เพราะไม่มีญาติพี่น้องใกล้ชิดให้อาลัยทั้งบิดามารดาก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน ยามนี้พอนึกย้อนถึงเรื่องราวน่าเศร้าในครั้งนั้นก็กลับกลายว่าเป็นเคราะห์ดีไปเพราะหากพวกท่านยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ที่ลูกสาวคนเดียวมีอันต้องอำลาโลกก่อนวัยอันควรคงเป็นการทรมานจิตใจคนแก่อย่างแสนสาหัส