สปอยเรื่องย่อ....
"จอดทำไมคะเฮียธาม"
คนกำลังปวดท้องจนร้าวไปถึงแผ่นหลังถามอย่างงงงันไปเล็กน้อย เพราะสายตาดันเหลือบไปเห็นป้ายร้านสะดวกซื้อเด่นอยู่ไม่ไกล หรือเฮียธามจะเทพขนาดเดาถูกว่าน้องเดือนบุกเธอกันนะ
...ไม่มั้งยายมุ้ย ถึงหน้าตาของเฮียธามแกจะดูฉลาดมาก แต่คงไม่ถึงกับอัจฉริยะขนาดเดาแม่นอะไรเบอร์นั้นกระมัง....
ส่วนธาดาพอพารถหาที่จอดได้เรียบร้อยก็ไม่พูดอะไร แต่หันหน้ามาพร้อมมือหนาสองข้างกุมมือเรียวเล็กของภรรยาสาวทันที คาดเดาเอาว่ามณีกานต์คงเกรงใจจนไม่กล้าปริปากบอกอีกแล้วเป็นแน่
"หนูมุ้ยอย่าเกรงใจเฮียจะได้ไหม บอกมาเถอะหนูเจ็บหรือปวดตรงไหนนะครับคนดี...ดูสิเนี่ยมือเย็นเฉียบขนาดนี้แต่กลับมีเหงื่อออกเต็มตัวเต็มหน้าไปหมดเลย บอกมาเถอะนะคะคนดีหนูปวดตรงไหนไม่สบายอะไร"
'บอกยังไงดีเนี่ย?'
มณีกานต์กระสับกระส่ายแล้วตอนนี้ อย่างอื่นมันกลั้นกันได้ แต่ไอ้รอบเดือนมันกลั้นไม่ได้! ถึงจะคุ้นเคยกันยิ่งกว่าแม่ แต่ธาดาก็คือผู้ชาย จากที่หน้าซีดเซียวตอนนี้เลยประเดี๋ยวก็แดงประเดี๋ยวก็ซีดเซียวสลับกันจนธาดามองแล้วกังวลมากกว่าเดิม ภาพวันที่คนตรงหน้าเลือดโทรมกายแขนและขาบิดผิดรูปหวนมาหลอกหลอนชายหนุ่มอีกครั้ง
...ยายณีจ๋า หนูมุ้ยอยากร้องไห้เป็นภาษาต่างประเทศแล้วตอนนี้...
เอาน่าจะตอนนี้หรือบอกเขาตอนหน้า อย่างไรน้องเดือนก็คงออกมาฟ้องจนเปื้อนเบาะรถหนังราคาแพงระยับของชายหนุ่มอยู่ดี ไม่พูดตอนนี้ที่เห็นทางสวรรค์เช่นร้านสะดวกซื้อรออยู่ไม่ไกล ก็ไม่รู้จะไปบอกตอนอยู่ในไร่ที่คงมีแต่ใบไม้แห้งเห็นทีจะไม่ไหวแน่
"เอ่อ...คือ...คือว่า...เอ่อ...มุ้ยมีญาติมาเยี่ยมค่ะ" จากใบหน้าซีดเซียวพอหญิงสาวเอ่ยอุบอิบบอกประโยคท้าย ตอนนี้ใบหน้าที่ซีดขาวเลยแดงก่ำขึ้นมา ลามเลยไปถึงใบหูลำคอและลับหายไปในเสื้อเชิ้ตสีครีมพอดีตัวที่มณีกานต์สวมใส่ในวันนี้
ส่วนธาดานั้นนั่งค้างไปเลย เพราะไม่เข้าใจว่าอะไรคือญาติมาเยี่ยม ญาติที่ไหน? ชายหนุ่มที่มีใบปริญญาก็มากกว่าสองใบเริ่มมึน หันไปมองรอบกายในรถก็มีแค่เขากับเธอเท่านั้น ไม่พบใครเลย ให้ตายลงตรงนี้บอกเลยปริญญาทั้งสามใบมันไม่ช่วยเลย เพราะวันนี้เขาดูโง่ไปถนัดใจ ไม่เข้าใจภาษาวัยรุ่นไม่พอ ยังไม่เข้าใจภาษาเมียเด็กอีกด้วย ซึ่งพอมณีกานต์เห็นสามีดูสีหน้ามึนยิ่งกว่าหมาน้อยขี้สงสัย ก็คิดว่าพูดศัพท์เฉพาะออกไปดูทรงพรุ่งนี้บ่ายเฮียธามอาจจะยังไม่เข้าใจ เลยหลับหูหลับตาตะโกนออกไปว่า...
"ประจำเดือนมุ้ยมาค่ะ!"
...!!!!...
จากแต่แรกเป็นมณีกานต์ที่ใบหน้าแดงจัด ดังกับเลือดทั้งกายไหลเวียนพุ่งมารวมกันอยู่บนใบหน้า ใบหูและลำคอ แต่พอประโยคเด็ดขาดผ่านไปสู่หูของธาดา บัดนี้สองผัวเมียเลยมีสภาพใบหน้าที่แดงจัดไม่แตกต่าง เมื่อทำอะไรไม่ถูกเลยนั่งจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้นนานเป็นนาที กว่าที่ธาดาจะตั้งสติได้ว่ามันเรื่องธรรมชาติของผู้หญิง และ...เป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชายที่มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วแบบเขาที่จะต้อง...จะต้องรับรู้วันแดงเดือดของเมีย...แต่ว่า...
"เอ่อ...คือเฮียไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน แล้วเฮียต้องทำยังไงละครับ...เอ่อ...ไปหาหมอหรือต้องทำอย่างไรละครับ หนูมุ้ยบอกมาเถอะ"
แล้วก็นั่งมองหน้ากันตาอีกครู่หนึ่ง เพราะมณีกานต์เองนอกจากยายณีก็ไม่เคยปรึกษาเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัวแบบนี้กับใครอีก ขนาดดมิสราเพื่อนสนิทเธอยังไม่เคยไปรบกวนอีกฝ่าย ยกเว้นตอนอยู่โรงพยาบาลที่เธออาศัยนางพยาบาลเท่านั้น อาจมีครั้งแรกที่รอบเดือนมาในห้องเรียน แต่ตอนนั้นเธอก็ได้อาจารย์ประจำชั้นที่เป็นผู้หญิงดูแลจนกลับบ้านไปหายายณี ดังนั้นวันนี้จะต้องพูดไหว้วานให้ผู้ชายตัวโตเท่าตึกแบกใบหน้าหล่อเหลาขาวตี๋ไปซื้อผ้าอนามัยให้...
...แต่เดี๋ยวนะ...ใครเขาเป็นประจำเดือนแล้วต้องไปหาหมอกัน?!...ตอนนี้มณีกานต์นึกอยากร้องไห้ไปพร้อมกับอยากหัวเราะไปด้วย ทำไม?....ทำไม?...และทำไม?...เธอต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดคับอกคับใจเสียเหลือเกินแบบนี้ด้วย!...
"เอ่อ...ก่อนอื่นนะคะ...เฮียธามต้องทำความใจสักนิดว่า การมีรอบเดือนมันเรื่องปกติของผู้หญิงคือ...อย่างไรดีล่ะ...คือแบบว่า...ไม่ต้องไปหาหรอกค่ะหมอนั่นน่ะ...เพราะหากพวกเราเป็นรอบเดือนหนึ่งครั้งแล้วพุ่งไปหาหมอ มุ้ยคิดว่าบุคลากรทางการแพทย์อย่างไรก็ไม่พอจะรักษามนุษย์เพศหญิงแบบมุ้ยซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของโลก"
คนปวดท้องเพราะน้องเดือนมาเยี่ยมเยียนอธิบายประหนึ่งอาจารย์สอนวิชาสุขศึกษาเลยทีเดียว พูดจบก็พักหายใจแล้วปาดเหงื่อ หากพอเหลือบสายตาไปมองใบหน้าของ 'เฮียแว่น' ยังคล้ายฟังแล้วง.งูวิ่งวนพันกันอยู่กลางหน้าผาก มณีกานต์ก็แอบกรีดน้ำตาเล็กน้อย ก่อนจะสูดลมหายใจเรียกพลังลบเลือนความอับอาย ไม่สิ...ลบเลือนมันคงช้าไป...ถีบเลยแล้วกันความอายจึงจะหลุดพ้น!
"คือแบบนี้นะคะ ขอแค่ตอนนี้ช่วยหยิบกระเป๋าเงินแล้วก็เปิดประตูรถค่ะ"
ธาดายังงงอยู่แต่ก็ดันทำตามอย่างดี พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ลงมายืนอยู่ด้านข้างรถเรียบร้อย มณีกานต์ขยับตัวอย่างยากเย็นเพราะปวดท้องมาก แต่ก็ยังชะโงกหน้าออกมากำกับต่อไป
"เฮียหันไปทางนั้นค่ะ...นั่นแหละ เฮียเห็นร้านสะดวกซื้อตรงนั้นไหม...ใช่ค่ะตรงนั้น"
ตัวโตแทบล้มทับตายไม่เห็นก็คงไม่สายตาสั้นแล้วแหละ คงเข้าขั้นจอประสาทตาหมดอายุแน่นอน ซึ่งธาดาก็มองตามแล้วหันมาพยักหน้าว่าเห็นชัดเจนมาก มณีกานต์เลยยิ้มซีดเซียวส่งให้
"ทีนี่เฮียก็เดินไปค่ะ...เดินเข้าไปแล้วก็...แล้วก็...ซื้อรุ่นหนาพิเศษแบบว่า...แบบว่าผ้าอนามัยน่ะค่ะเฮีย...เฮียรู้จักใช่ไหม?"
ในเมื่อบอกแล้วก็คงต้องบอกหมดเปลือก แถมด้วยการไว้วานให้ชายหนุ่มไปซื้อของสำคัญส่วนตั๊วส่วนตัวอีกด้วย เพราะกางเกงที่สวมวันนี้ก็ดันเป็นสีขาว สภาพคงดูไม่จืดแต่คงออกไปทางแดงเละเทะแล้วเป็นแน่
ส่วนธาดาผู้เกิดมายี่สิบห้าปี ถึงเคยผ่านตาแต่เฉียดใกล้เขายังไม่เคย พอวันนี้ลงมายืนบื้อใบ้ให้เมียใช้ไปซื้อผ้าอนามัย เลยยืนหายใจทิ้งโง่งมไปร่วมสองนาที กว่าจะตั้งสติเรียบเรียงคำสั่งเมียได้ว่าแม่เจ้าประคุณใช้ให้ตนเองแบกหน้าแสนหนาไป...เผชิญกับน้องพนักงานสาวหน้าแฉล้มในร้านสะดวกซื้อ...
...เวรแท้ไอ้ธาม แค่คิดสภาพก็อนาถมากมาย...แต่เพื่อเมียแหละ...อายอะไรกัน!
ธาดาก็ได้แค่อ้าปากแล้วหุบอยู่หลายครั้งแอบมองค้อนไปที่แหวนที่นิ้วชี้ของเมียรักเล็กน้อย เพื่อสูดเอาลมเข้าปอดไปเพิ่มเติมความหนาของใบหน้าที่ปกติก็ขนาดหนาพิเศษอยู่พอสมควร แต่งานใหญ่เพื่อเมียขนาดนี้ต้องเรียกมาเสริมอีก น้อยไปเดี๋ยวจะไม่สมเกียรติพ่อบ้านใจกล้าผู้ยกอำนาจทุกสิ่งให้มณีกานต์จัดการควบคุมตั้งแต่วันนั้น
ก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ไม่เคยต้องมารู้เรื่องเฉพาะตัวของผู้หญิงเสียที่ไหน เขาต้องการก็แค่จ่ายตังแล้วจบ ส่วนพวกเธอ ๆ จะเอาไปใช้อะไรซื้ออะไรก็เรื่องของพวกเธอ แต่นี่...คนตรงหน้า 'สำคัญ' กว่าคนอื่น ๆ เอาวะ ก็แค่ซื้อผ้าอนามัยให้เมีย มันจะสักเท่าไหร่กันวะ!
...ก็แค่ทนอายไม่ถึงตายสักหน่อยนะโว้ยไอ้ธาม มึงจะมาตายน้ำตื้นแบบนี้ไม่ได้!...
และแล้วชายหนุ่มก็แบกหน้ามาเดินวนเวียนรอบชั้นที่ร้านจัดวางสินค้าส่วนตัวของผู้หญิงโดยเฉพาะ โดยมีสายตาของพนักงานสาวแท้และสาวเทียมถึงสามนางมองตามกันเป็นแถว ก็เล่นหล่อออร่าเจิดเสียอาการเก็บทรงแทบไม่อยู่ จ้องกันขนาดนั้นให้หน้าเขาเสริมมาหลายสิบชั้นก็ดูจะบางไปทันใด ยิ่งมีลูกค้าสาวกลุ่มใหม่ที่คงเป็นนักท่องเที่ยวแวะมาหาของกิน ก่อนขึ้นไปสถานที่ท่องเที่ยวบนภูเขา ธาดาที่ตอนนี้เป็นลูกค้าผู้ชายคนเดียวในร้าน กับการมายืนทึ่มทื่ออยู่หน้าชั้นขายผ้าอนามัยหลากหลายยี่ห้อหลากหลายรุ่น เลยยิ่งเป็นจุดเด่นอยู่แล้ว ปกติในอดีตชายหนุ่มคงจะภูมิใจนักหนาที่มีสาว ๆ มองตาม แต่วันนี้...
...เขาอยากดำดินหนีเหลือเกิน!...
แล้วปัญหาใหญ่ก็มาเยือนธาดาอีกครั้ง หลังจากขับไล่ความอายไปได้สำเร็จ ก็เขาไม่รู้ว่าคุณภรรเมียที่นั่งรออยู่ในรถ เธอใช้ยี่ห้อไหนกันน่ะสิ ในเมื่อมันเยอะจนเขาไม่รู้ว่าจะซื้อยังไง ในที่สุดชายหนุ่มก็ไม่อาจทนสายตาอยากรู้อยากเห็นของพนักงานสาวและลูกค้าอีกกลุ่มที่ดูจะมองกันไม่เลิกได้อีกต่อไป เขาจึงหยิบตะกร้ามากวาดเอามันทุกยี่ห้อนี่ละ!
"เฮียธาม!" มณีกานต์อยากจะบ้าตาย ก็เข้าใจนะว่าสามีตัวเองน่ะพ่อรวย แต่...ซื้อมาขนาดนี้จะเอาไปแจกภัยน้ำท่วมที่ภาคใต้หรือพ่อคุณ
"ครับ พี่ซื้อมาไม่พอใช้หรือครับหนูมุ้ย ถ้ายังไม่พอหรือไม่ถูกใจไม่ใช่ยี่ห้อที่หนูมุ้ยใช้ประจำ เดี๋ยวเฮียพาหนูไปแวะร้านข้างหน้าอีกก็ได้นะครับ เพราะเอ่อ...คือ...คือของในร้านนี้เฮียเหมามาหมดแล้วน่ะครับ"
...เหมามาหมดร้าน!...
สำหรับธาดา มณีกานต์คือยอดดวงใจมิอาจแปรผัน ที่เขาจะร้อยรัดเธอเอาไว้ด้วยรักไม่พรากจากจนสิ้นลม
ธาดา หย่งธรรมคุณ
สวัสดีค่ะ
ไรท์พลอยขอสวัสดีรอบห้อง วันนี้พลอยมากับผลงานไทยที่ดองมานานมาก…ก.ไก่สามพันล้าน
^^
และเพิ่งทลายทุบโอ่งมังกรได้สำเร็จ มันมินิซีรีส์ไทยชุดแรก(ในชีวิต)ที่แต่งจบแล้ว หลังจากที่เข็นมานานกับใช้เวลาตัดสินใจว่าจะเอามาลงขายดีไหม เพราะสารภาพตรงนี้ค่ะว่าพลอยเขียนไทยแล้วขาดความมั่นใจมาก กลัวไปหมด ไม่เหมือนนิยายจีนเลย กว่าจะเอาชนะคำว่ากลัว109พันเก้า ก็นานถึง2ปี (ฝึกแต่งมาจากนิยายไทยค่ะแต่งไม่กล้าเปิดตัวนิยายไทยเขียนเองอ่านเอง)
แต่พอพลอยปล่อยป๋าดินออกไปเมื่อเดือนก่อนในฉบับอีบุ๊ก แล้วมีรีดฯ หลายท่านหลังบ้านมาทักกันว่า ขอไทยอีกได้ไหม จึงเปิดที่มาให้ไรท์พลอยไปดำน้ำเอา4กุมารเฮียธาม ป๋าอาร์ม พี่หมอพั้นช์กับอีผู้กองแดน ออกมาจากก้นมหาสมุทร แล้วเริ่มกระดึ๊บรีไรท์ ซึ่งตอนแรก นิยายเรื่องนี้พลอยเปิดตัวในนามปากกานับจันทร์ และชื่อเรื่องว่า"เมียคนนี้ผมรักเธอยืนหนึ่ง" แต่ก็สะดุดกึกเพราะนามปากกานับจันทร์เขามีเจ้าของแล้ว
จึงหยุดไปเลยกว่าสองเดือน จนเมื่อวันที่26พค.2564พลอยกลับมาลงใหม่อีกครั้งในชื่อเรื่องว่า"ฤาจะพ่ายเสน่หาภรรยาจำยอม" ในหมวดนวนิยายดราม่า แล้วก็รู้สึกว่าเฮียธามยังมีหลายจุดที่พลอยอ่านเองก็ยังไม่พอใจ จึงเป็นที่มาให้พลอยลบทิ้งตรงนั้นไปแล้วกลับมาอีกครั้งใน ลุคของ"ดวงใจธาดา"ค่ะ อย่างที่แจ้งแต่แรกนะคะว่านิยายชุดนี้เป็นมินิซีรีส์ความยาวแค่8หมื่นคำ ราคาที่จะวางขายก็คือ139บาทจัดโปรฯ ที่59บาท และปล.ต่อท้ายว่านี้คือนิยายไทยที่พลอยแต่งเอาไว้อ่านเองตั้งแต่ปี2558โน่นเลยตอนนั้นยังไม่มีนามปากกายังไม่รู้จักรเว็บเด็กดีไม่รู้จักรเว็บรีดอะไรท์และยิ่งไม่รู้จักรเมพค่ะรู้จักแค่ร้านเช่าหนังสือกับร้านขายนิยายมือสองเท่านั้น
ดังนั้นอย่าได้เกรงใจที่จะคอมเมนต์ติเตือนพลอยค่ะ ยินดีน้อมรับทุกคำติชมและแนะนำค่ะจนมาถึงวันนี้มีนิยายที่จบไปหลายเรื่อง แต่ความรู้สึกว่าตัวเองคือมือใหม่ มันไม่เคยจางหายไปเลย อาจจะเพราะพลอยนั้นมีต้นทุนด้านความรู้ทางการศึกษาต่ำมากแค่ประถมศึกษาปีที่6ไม่ได้เรียนต่อระดับมัธยม จนเมื่ออายุ21ถึงได้กลับมาเรียนก.ศ.น.จนจบม.3 (เรียนเพราะต้องใช้วุฒิไปเลื่อนเป็นหัวหน้าไลน์การผลิตของโรงงาน) ดังนั้นทั้งภาษาและการพิมพ์ พลอยเลยไม่มีต้นทุนเลย ทุกวันนี้นิยายที่จบก็จ้างตรวจทานพลอยไม่ได้ทำเอง
ดังนั้นพลอยจะยินดีมากมายไม่ว่าจะเป็นนิยายจีนหรือไทยหากจะมีคอมเมนต์ติเตือนแนะนำในจุดที่พลอยยังย่ำแย่ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณล่วงหน้าทุกกำลังใจทุกคอมเมนต์นะคะ
…รักมาก…พลอยพันแสง/ แมงป่องน้อยตัวหนึ่ง
ปล.นวนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสีเทานะคะ แต่ละตัวละครไม่มีใครร้ายและดีถึงแก่น ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง พลอย สร้างทุกตัวละครมาจากคนรอบตัว ทั้งแม่มัทของมุ้ย คุณป๋าของเฮียธาม คนแก่แบบคุณหญิงย่า หรือคนที่ไร้เหตุผลแบบเขมินทร์ ทุกตัวละคร มีความคิดของคนปกติคนหนึ่งค่ะ ส่วนผู้ชายแบบเฮียธาม กระซิบเลยว่ามีต้นแบบอยู่จริง เด็กแบบหนูมุ้ยก็มีอยู่จริงค่ะ พลอยอาจไม่ได้ใส่มาครบ100เอาแค่70เท่านั้น แต่พ่อเตาอบมีจริงๆค่ะ
^^
ฝากเฮียแว่นและหนูมุ้ยด้วยนะคะ อาจไม่มีสาระแต่ฟินน๊า
เฮียแดน /แดนดนัย ฉัตรเป็นทอง