สาววัยทองขอลองเป็นตัวร้าย
35
ตอน
6.31K
เข้าชม
14
ถูกใจ
12
ความคิดเห็น
109
เพิ่มลงคลัง

“สวัสดีค่ะแม่ครูนก”  

“สวัสดีจ้ะ”  

ตลอดทางที่เธอเดินผ่านนักเรียนมากมายตั้งแต่วัยเด็กกระทั่งวัยผู้ใหญ่ และบางครั้งก็ลามไปถึงผู้ใหญ่มากต่างยกมือไหว้เธออย่างเคารพและให้เกียรติ ในฐานะเจ้าของสถาบันสอนทำอาหารไทยและนานาชาติต้นเครื่องชาววัง สถานบันแห่งนี้เดิมทีเป็นเพียงโรงเรียนสอนทำอาหารไทยตำรับชาววังอย่างที่คุณย่าเธอถนัด แต่เมื่อผู้บริหารถูกเปลี่ยนมือมาเป็นเธอหลานสาวเพียงหนึ่งเดียวที่รับสืบทอดสูตรอาหารของคุณย่าก็มีแนวความคิดว่าอยากให้ที่นี่มีครบในทุกแขนงไม่ว่าจะอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น หรืออาหารแถบยุโรป ใช้เวลาเพียงสามปีชื่อเสียงของสถาบันฯ ของสกุณาก็มีชื่อเสียงขจรไกลข้ามโลก กระทั่งนักเรียนชาวต่างชาติที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเรียนที่นี่เลยก็ยังมี 

เธอไม่ได้อยากถูกเรียกว่าแม่ครูเพราะดูราวกับว่าเธอเป็นหญิงชราที่รอวันหมดอายุ สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีแบบเธอยังซ่าได้อีกหลายปี แต่ทว่าเพราะตำแหน่งครูใหญ่ที่คำคอทำให้ไม่สามารถปฏิเสธคำเรียกนั้นที่มีมาตั้งแต่รุ่นคุณย่าได้  

สกุณาครองตัวเป็นโสดโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะในวัยที่ควรมีแฟนเธอก็ถูกคุณย่าบังคับให้ต้องมานั่งร่ำเรียนวิธีการทำอาหารไทยโบราณรวมถึงการแกะสลักผักและผลไม้ เรียกได้ว่าอะไรที่บ่งบอกถึงความเป็นกุลสตรีไทยไม่ได้พ้นมือสกุณาแม้แต่น้อย กว่าจะได้ออกมาพบโลกกว้างอายุอานามของเธอก็ล่วงเข้าเลขสามไปได้หลายปีแล้ว เธอไม่ใช่คนขี้เหร่ติดจะน่ารักเสียด้วยซ้ำไปแต่ทว่าไม่ว่าจะคบกับผู้ชายคนไหน ก็ไม่มีใครผ่านมาตรฐานของคุณย่าได้แม้แต่คนเดียว และหลานย่าแบบเธอก็ไม่กล้าขัดใจผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังเล็ก  

กระทั่งเมื่อสิบปีก่อนคุณย่าเสียชีวิตลงด้วยโรคชราและเธอเป็นคนเดียวที่ได้รับมรดกเป็นสถาบันสอนทำอาหารแห่งนี้และเงินในบัญชีอีกสิบล้านบาท ขณะที่คนอื่นก็ได้กันไปพอสมควรไม่มีใครน้อยหน้าใคร จึงไม่มีปัญหาเรื่องการแย่งสมบัติระหว่างญาติพี่น้อง เพราะคุณย่านั้นจัดการเอาไว้ล่วงหน้าได้อย่างหมดจดเรียบร้อย และตั้งแต่นั้นมาชีวิตก็กลับมาเป็นของเธออีกครั้งแต่ทว่าเมื่อต้องเข้ามาบริหารจัดการภายในสถาบันแห่งนี้ก็ช่วงชิงเอาเวลาของเธอไปอีกครั้งกระทั่งเมื่อสามปีก่อนสถาบันแห่งนี้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เธอจึงปล่อยวางภาระที่แบกเอาไว้ลงได้บ้างแต่ทว่ากว่าจะรู้ตัวอายุอานามของเธอก็ล่วงเข้าไปสี่สิบสองแล้ว!  

ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งที่ค่อนข้างสนิทสนมกันเคยค่อนขอดว่าเธอจะเก็บซิงไว้ชิงโชครายการไหน ถึงได้ไม่ยอมหาความสุขใส่ตัว มีแฟนก็เหมือนไม่มีเพราะแค่คุณย่าไม่ชอบเธอก็พร้อมจะเลิกคบหา แต่ใครจะรู้ว่าเธอเองก็อยากจะมีชีวิตอย่างคนอื่น อยากรู้ความความรู้สึกของการเป็นคนรักและการถูกรัก สกุณาไม่ใช้ผู้หญิงเรียบร้อยอย่างที่ภายนอกมองเห็น แต่เพราะเธอไม่อยากให้คุณย่าไม่สบายใจสิ่งใดที่ทำแล้วท่านพอใจเธอก็ยินดีทำ  

อันที่จริงสกุณาเองก็มีอีกโลกหนึ่งของตัวเองเช่นกันในโลกนั้นเธอสามารถจะเป็นใครก็ได้ ทำอะไรก็ได้ไม่มีใครว่าเพราะไม่มีใครได้เห็นหน้าเธอมาก่อน บางครั้งเธอยังเคยใส่ชุดหนังแบบแคทวูแมนก็เคยมาแล้ว แต่แค่เธอไม่แรงอย่างคนอื่นที่เปิดเปลือยร่างกายอย่างอล่างฉ่างเธอมีขอบเขตของตัวเองเช่นกัน เธอเองก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแม้จะเคยดูหนังแนวนั้น แต่บทบรรยายในหลาย ๆ สื่อที่เคยผ่านตาก็ถึงพริกถึงขิงชนิดที่ว่าแค่อ่านผ่านสายตาภาพก็จะตามมาเองโดยที่ไม่ต้องดูก็ได้ เพราะอย่างนั้นบอกเลยว่าทฤษฎีของเธอแน่นมาก แต่ปฏิบัตินั้นติดลบเพราะเธอไม่ได้ใจกล้าถึงขนาดที่ว่าจะยอมเปิดซิงกับใครก็ได้เพราะอย่างนี้สี่สิบห้าปีที่ผ่านมาซิงของเธอจึงยังอยู่ดีและคงจะอยู่ต่อไปอย่างถาวร หากเปรียบเป็นห้องว่าป่านนี้คงรกร้างไปด้วยหยากไย่แน่แล้ว 

“คุณป้าขาน้องทิวทำเค้กสวยมั้ยคะ” น้องทิวไม้บุตรสาวของลูกพี่ลูกน้องวัยยี่สิบปีที่เสียชีวิตทั้งพ่อและแม่ไม่ต่างกับเธอแม้แต่น้อย สกุณาจึงรับอุปการะหลานสาวผู้อาภัพอย่างที่คุณย่าเคยทำกับเธอไว้ แต่ที่ต่างกันคือเธอไม่ได้บังคับให้หลานคนนี้ต้องเรียนรู้การทำอาหารอย่างที่เธอโดน แต่เป็นเด็กหญิงที่สนใจด้วยตัวเองและพาตัวเข้ามาคลุกคลี กระทั่งตอนนี้เรียกได้ว่าเด็กสาวเป็นผู้สืบทอดสูตรอาหารโบราณเลยก็ว่าได้ 

“ไหนให้ป้านกดูหน่อย”  

“น้องทิวเก่งมากเลยอีกหน่อยถ้าป้านกไม่อยู่แล้วก็ไม่ต้องห่วงแล้ว” สกุณาพูดออกมาแบบไม่คิดอะไรเธอคิดเพียงว่าอย่างน้อยหากวันหนึ่งเธอต้องจากไปเหมือนคุณย่าสูตรอาหารไทยโบราณก็มีคนสานต่อแล้ว แต่คนฟังกลับหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดแค่คำพูดสั้น ๆ แต่กลับสะเทือนไปถึงใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีเหตุผล 

“คุณป้าพูดอะไรคะคุณป้ายังอยู่กับน้องทิวอีกนาน ไม่เอาละ! คุณป้าบอกว่าจะสอนน้องทิวทำแกงระแวงไม่ใช่เหรอคะเมื่อไหร่จะสอนเสียทีละค่ะ”  

“อุ้ย ป้าลืมสนิทเลยเอาอย่างนี้พรุ่งนี้ป้านกจะสอนน้องทิวก็แล้วกันไปบอกพี่กัญญาให้เตรียมของเอาไว้ก่อนนะ”  

“ได้ค่ะคุณป้าน่ารักที่สุดเลย”  

“เอาเถอะไม่ต้องมาประจบเดี๋ยวป้าขอเดินไปดูห้องอื่นก่อนน้องทิวก็ตั้งใจทำนะลูก” เธอลูบหัวหลานรักที่เลี้ยงดูมากับมืออย่างรักใคร่  

วันนี้เธอไม่รู้เป็นอะไรอยู่ ๆ ก็อยากจะเดินดูสถาบันแห่งนี้ ทั้งที่แค่หลับตาก็นึกออกว่าอะไรอยู่ตรงไหนแต่วันนี้กลับอยากเดินดูมันให้ชัดอีกครั้งอย่างประหลาด เธอเดินทักทายทุกคนด้วยอารมณ์ที่เบิกบานแม้จะไม่ค่อยถูกใจคำเรียกขานนักก็ตาม 

สกุณาเดินกลับมาที่ห้องเธอรู้สึกเหนื่อยน้อย ๆ หลังจากที่เดินไปจนทั่วสถาบันฯ คุณหมอบอกว่าเธอมีอาการของคนเป็นโรคหัวใจมาได้ระยะหนึ่งแล้วแต่เธอใช้ชีวิตได้อย่างปกติแต่ห้ามหักโหมและเรื่องนี้เธอก็ไม่เคยบอกกับใครไม่ว่าจะญาติสนิทหรือแม้กระทั่งทิวไม้ ดูเหมือนว่าวันนี้เธอคงจะเผลอขัดคำสั่งของคุณหมอเข้าแล้วสินะถึงได้เหนื่อยขนาดนี้ เหมือนจะรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาหน่อย ๆ เธอพยายามตั้งสติ แต่อยู่ดี ๆ อาการก็เหมือนจะเริ่มหนักขึ้นสกุณาเริ่มรู้สึกจุกแน่นบริเวณหน้าอก สายตาเริ่มพร่าเลือนก่อนที่สติจะดับวูบลงไปพร้อมกับสัญญาณชีพที่ค่อย ๆ แผ่วเบาลงไปเรื่อย ๆ  

สกุณายืนมองร่างของตนเองที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลหัวใจของเธอหยุดเต้นไปเมื่อหนึ่งนาทีก่อนหน้านี้หลังจากที่หมอพยายามยื้อชีวิตเธอเอาไว้ ทิวไม้เข้ามาพบร่างของเธอที่นอนนิ่งไม่ไหวติงทั้งที่ตอนนี้ไม่ใช่เวลานอน หญิงสาวพยายามปลุกคนเป็นป้าให้ลุกขึ้นเรียกอยู่นานสกุณาก็ไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว จึงได้ร้องเรียกให้คนมาช่วย สงสารเพียงแต่ทิวไม้ที่ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจเมื่อรู้ว่าไม่มีเธออยู่แล้วในโลกนี้แต่ดีอย่างที่เธอเกรงว่าจะไปปุบปับแบบผู้เป็นย่า เพราะฉะนั้นพินัยกรรมเธอได้ทำเอาไว้ล่วงหน้าทั้งหมดแล้วและยกให้ทิวไม้เพียงคนเดียว รวมถึงเงินประกันชีวิตที่ทำเอาไว้อีกกว่าห้ากรมธรรม์ แม้เธอจะไม่อยู่แต่อย่างน้อยหลานที่เธอรักเหมือนลูกก็ย่อมไม่ลำบาก จากนี้เธอก็คงได้แต่รอเวลาให้ยมทูตมารับวิญญาณไปอย่างในหนังที่เคยดูกระมัง เธอทำบุญมาทั้งชีวิตอย่างน้อยเพื่อเห็นแก่ความดีท่านยมบาลก็คงพิพากษาให้เธอได้ขึ้นสวรรค์กับเขาบ้างอยู่หรอก 

เสียงป้านชาและถ้วยชาที่ถูกปัดลงพื้นจนเกิดเสียงดังจนสะเทือนไปทั้งห้อง แต่ไม่สามารถทำให้สตรีที่แต่งกายด้วยชุดที่บางเบาเกิดความหวาดกลัว อีกทั้งนางยังผุดรอยยิ้มสาสมใจส่งมาให้เขาอย่างท้าทาย 

“ท่านพี่ข้าเป็นภรรยาของท่านเหตุใดจึงต้องทำท่ารังเกียจกันเช่นนี้ด้วยเล่าเจ้าคะ” เฉินชิงหรูสืบเท้าเข้าใกล้ร่างของสามีที่ถอยหนีด้วยความรังเกียจ สีหน้าและท่าทางของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารังเกียจมากเพียงใด 

นางใช้เล่ห์มารยาและอำนาจบิดาของบีบบังคับให้เขาตั้งรับนางเข้าจวนในฐานะภรรยาเอก ท่านแม่ที่เห็นว่าการเกี่ยวดองกับขุนนางย่อมดีต่อการค้าของเขาไม่น้อย จึงแสร้งลับตาข้างหนึ่งไม่สนใจข่าวลือเรื่องความร้ายกาจของสตรีนางนี้ เพราะมีบิดาเป็นถึงขุนนางขั้นสามกรมอาญานางที่เป็นบุตรสาวคนเดียวที่เกิดจากภรรยาเอกย่อมได้รับการตามใจและเอาอกเอาใจจากคนในจวนไม่น้อย กิตติศัพท์ความร้ายกาจเป็นที่เลื่องลือไม่ว่านางต้องการสิ่งใดนางก็จะหาทางเอามาเป็นของตนเองให้จนได้ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม เขาก็เป็นหนึ่งในความต้องการของนางเช่นกัน 

แต่เดิมหลี่ชงหยวนที่กำเนิดในตระกูลพ่อค้าแต่เป็นตระกูลพ่อค้าที่มีอิทธิพลต่อการค้าในเมืองหลวงมากพอสมควรเพราะพวกเขานั้นถือสิทธิ์ในการนำเข้าผ้าไหมจากต่างแดนอีกทั้งยังมีผ้าไหมที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านที่ใช้สำหรับตัดฉลองพระองค์ของฮองเต้และฮองเฮาก็มาจากร้านของเขาเช่นกัน หลี่ชงหยวนนั้นชอบพออยู่กับเฉินอี่นั่วซึ่งเป็นบุตรีคนรองที่เกิดจากอนุของเจ้ากรมอาญา กระทั่งความสัมพันธ์นี้ล่วงรู้ไปถึงหูของเฉินชิงหรูทำให้นางเกิดความไม่พอใจ แต่เดิมนางพึงใจหลี่ชงหยวนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่เป็นเขาที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้นางแม้แต่ครั้งเดียว 

วันนี้นางจึงแสร้งทำเป็นว่ามาเลือกผ้าที่ร้านของชายหนุ่มและต้องการให้เขาเป็นผู้แนะนำผ้าแบบต่าง ๆ ให้กับนางด้วยตนเอง หลี่ชงหยวนเดิมทีก็ไม่อยากมีปัญหาอยู่แล้วหากสิ่งใดทำได้เขาก็ย่อมไม่ขัดระหว่างที่กำลังอธิบายถึงความแตกต่างของผ้าแต่ละชนิดนั้น เฉินชิงหรูก็ได้รับสัญญาณจากสาวใช้ของตนว่าเฉินอี่นั่วเดินทางมาถึงแล้วเพราะนางส่งคนไปตาม เมื่อเฉินอี่นั่วเดินเข้ามาภายในร้านก็ต้องหยุดชะงักมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เพราะคุณหนูใหญ่และชายคนรักของนางกำลังกอดกันกลมอยู่กลางร้านอย่างไม่อายฟ้าดิน เฉินชิงหรูแกล้งผละออกด้วยความตกใจ 

“ต้องขออภัยคุณชายหลี่ข้าเดินไม่ระวังจึงสะดุดลำบากคุณชายแล้ว” หญิงสาวกล่าวเสียงเบาระคนทำท่าเอียงอายคล้ายลำบากใจ 

“ไม่เป็นไรขอรับเป็นเหตุสุดวิสัย”  

จากสายตาคนที่มองอยู่ไกล ๆ และไม่ได้ยินเสียงสนทนาทำให้คิดไปเองว่าทั้งสองกำลังเกี้ยวพากันอยู่ ดูได้จากท่าทางเอียงอายของคุณหนูใหญ่ที่มีต่อพี่ชงหยวนของนาง หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะวิ่งออกจากร้านไป เฉินชิงหรูปรายตามองไปด้านหลังเมื่อไม่เห็นร่างของนางแล้วก็เลิกเสแสร้ง 

“เอาเป็นว่าข้าชอบผืนนั้นท่านให้คนไปส่งที่เรือนข้าได้เลยนะเจ้าคะ วันนี้ขอบคุณคุณชายมากที่เสียเวลาพาข้าเดินชมร้านด้วยตัวเอง” หญิงสาวชี้ไปที่ผ้าม้วนหนึ่งส่ง ๆ ก่อนจะหมุนกายเดินออกจากร้านไปพร้อมกับรอยยิ้มสะใจประดับบนใบหน้างดงาม 

“เห็นชัดเจนหรือไม่” 

“ชัดเจนเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”  

“ดี! เจ้าให้คนป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปให้ทั่วหากข้าไม่ได้คนอย่างนางก็ไม่มีสิทธิ์ได้เช่นกัน” นางเป็นถึงคุณหนูใหญ่แต่หลี่ชงหยวนกลับมองข้ามนางไปหาลูกอนุผู้หนึ่งนางไม่มีทางยอมเป็นอันขาด 

ข่าวลือเรื่องของนางกับหลี่ชงหยวนกระจายไปทั่วเมืองและแน่นอนเมื่อเป็นการลือกันปากต่อปาก ข่าวลือย่อมผิดเพี้ยนไปเรื่อย ๆ ลือกันไปถึงขั้นที่ว่าคุณชายแห่งร้านไหมจินหยวนจะส่งขบวนแม่สื่อมาทาบทามคุณหนูใหญ่ไปเป็นฮูหยินเอก เฉินอี่นั่วที่ได้ยินข่าวลือก็เอาแต่ร้องไห้ด้วยความเสียใจเดิมทีนางก็ไม่ค่อยได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกได้ตามอำเภอใจอยู่แล้ว เรื่องที่จะได้ปรับความเข้าใจกับชายหนุ่มนั้นนางลืมไปได้เลย 

เฉินชิงหรูใช้โอกาสนี้บีบน้ำตาเข้าไปหาผู้เป็นบิดาขอให้จัดการกับชื่อเสียงของนางที่เสียหายไป เดิมทีเฉินไห่ไม่ต้องการให้บุตรสาวแต่งออกไปกับตระกูลพ่อค้า แต่ทว่าข่าวลือมาถึงขนาดนี้แล้วชื่อเสียงของนางเสียหายป่นปี้แล้วอย่างนี้จะมีขุนนางบ้านใดรับนางเข้าตระกูลกัน ด้วยความรักลูกเฉินไห่จึงเดินทางไปเจรจาเรื่องนี้กับตระกูลหลี่ด้วยตนเอง หลี่ชงหยวนไม่ยินยอมที่จะรับนางมาเป็นภรรยาเพราะคนที่เขาพึงใจนั้นหาใช่นาง แต่เป็นเพราะมารดาที่เกลี้ยกล่อมให้ยอมรับนางไปก่อนเพราะหากมีปัญหากับขุนนางย่อมไม่เป็นผลดีต่อการค้าของตระกูล  

เพราะเหตุนี้หลี่ชงหยวนจึงจำใจต้องรับนางเข้าจวนเพื่อเป็นภรรยาเอก ในขณะที่สตรีที่เขารักนั้นทำได้เพียงมองส่งร่างของชายคนรักที่ขี่ม้านำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวจากไปด้วยความเจ็บปวด 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว