First Love Story ระวังตกหลุมรักไม่รู้ตัว
15
ตอน
2.84K
เข้าชม
21
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
76
เพิ่มลงคลัง
คนเราจะสามารถตกหลุมรักใครสักคนทั้งที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว เพียงเพราะรอยยิ้มของเขาได้จริงๆหรือเปล่า

 

คนเราจะสามารถตกหลุมรักใครสักคน 

ทั้งที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว 

เพียงเพราะรอยยิ้มของเขาได้จริงๆหรือเปล่า 

 

บทนำ 

 

ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง 

   เสียงหยดน้ำที่ไหลลงมาตรงระเบียงภายในห้องของสาวน้อย "เมเบล" และยิ่งภายในห้องนอนที่มีเครื่องปรับอากาศยิ่งทำให้เจ้าของห้องเพลินกับการนอนหลับใหลในยามเช้า บวกกับอากาศที่เย็นสบายทำให้เจ้าของห้องนอนหลับไม่ตื่น 

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก 

      เสียงเคาะประตูจากบุคคลด้านนอกเปิดประตูเข้ามาในห้องของคนที่ยังหลับไม่ตื่นในเวลานี้ และแน่นอนคนที่เดินเข้ามาเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่สาวของเมเบล 

   "เมเบล ตื่นได้แล้ว" เป็นเสียงของคนพี่ที่เอ่ยแล้วเดินไปยังเตียงของคนน้อง 

   "ขออีก 5 นาที" คนน้องที่นอนอยู่บนเตียงพูดพร้อมกับเสียงงัวเงีย มือสองข้างก็ขยี้ตาไปด้วย 

   "ไม่ได้โว้ย เดี๋ยวสายขึ้นรถไม่ทัน" ใช่แล้ว พวกเราต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าทุกวันที่มีเรียน เพื่อรอรถตู้ไปมหาลัย และแน่นอนว่ารถตู้จะออกทุกๆสิบห้านาที ถ้ามาช้าก็ต้องรอคันใหม่อีกสิบห้านาที 

   "อือ ก็ได้" เสียงตอบรับจากคนน้องที่ลุกนั่งพร้อมบิดขี้เกียจและลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำ 

 

   "ไอ้เวย์เมื่อไหร่จะมาวะ" เสียงเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น ขณะที่นั่งทานข้าวกันอยู่ที่โรงอาหาร 

   "กูจะไปรู้ไหมวะ กูไม่ได้ตัวติดกับมัน" เสียงเพื่อนสาวสวยประจำกลุ่มพูดกวนประสาทแทรกขึ้นมาราวกับว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรให้แค้นมาถึงสิบปี 

   "สัส กูแค่พูดลอยๆ" เสียงคิวที่ถูกกวนประสาทตอบกลับด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดพร้อมกับตักข้าวเข้าปากไปทีหนึ่ง 

   เมเบลนักศึกษาเฟรชชี่ ปี1 คณะวารสารศาสตร์ที่เพิ่งรู้จักกับเพื่อนกลุ่มนี้เพียงแค่วันเดียว แต่เพื่อนในกลุ่มรู้จักกันอยู่แล้วในช่วงรับน้อง แต่เมเบลไม่ได้ไปเข้าร่วมกิจกรรม เนื่องจากเหตุผลที่ว่า "ลืม" เมเบลเป็นคนค่อนข้างขี้อาย เลยเป็นสาเหตุทำให้ไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนในกลุ่มนี้มากเท่าไหร่ เพราะในกลุ่มนี้เมเบลจะสนิทแค่กับไนท์และบิวมากกว่าเพื่อนคนอื่น ด้วยเหตุผลที่ว่าเมเบลสนิทกับคนยาก แถมไม่ค่อยคุ้นชินกับผู้ชายมากเท่าที่ควร ไม่ได้กลัวหรืออะไรแค่จะสนิทกับผู้หญิงง่ายกว่าผู้ชาย ส่วนมิ้วเมเบลก็คุยได้มากกว่าเพื่อนผู้ชายแต่ไม่ค่อยจะสนิทมากเท่ากับไนท์และบิวมากนัก 

 

   "แหนะๆ" เสียงของไนท์เพื่อนสนิทเมเบลเอ่ยขึ้นมาขณะเดินลงบันไดหลังจากที่อาจารย์ปล่อยคลาส พออาจารย์ปล่อยปุ๊บก็ยิงคำถามขึ้นมาราวกับรอเวลาถามมานาน แน่นอนว่าเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่รู้จักกันวันนี้ และด้วยความที่เพื่อนสนิทอย่างไนท์เป็นคนคุยเก่งอยู่แล้ว ทำให้ไนท์แลกเฟสกับเพื่อนใหม่อย่างรวดเร็ว จนบางทีเมเบลก็อยากจะถามกับเพื่อนสนิทว่ารู้จักกันเร็วไปไหม และเท่านั้นยังไม่พอด้วยความอัธยาศัยดีของไนท์เลยแจกเฟสของเมเบลให้เพื่อนใหม่คนหนึ่งอีก อาจจะเพราะเพื่อนใหม่คนนั้นคงถามด้วยแหละ 

   "อะไร" เสียงเมเบลเอ่ยตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่สงสัยอย่างเห็นได้ชัด 

   "เรย์จีบแกแน่ๆ" ไนท์เอ่ยพูดขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มหวานแซวเพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยจะทันใครอย่างเมเบล 

   ไม่แปลกที่เมเบลจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนแซว เมเบลเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ค่อนข้างขี้อายและขาดความมั่นใจในตัวเอง สมัยเรียนพอเรียนเสร็จเมเบลก็กลับบ้านเลย ไม่ได้ไปบ้านเพื่อนหรือเที่ยวแบบเพื่อนคนอื่นเท่าไหร่ เนื่องจากที่บ้านเป็นห่วงด้วยความเป็นผู้หญิงจะไปไหนก็อันตราย บวกกับความไม่ค่อยทันคนของเมเบล ทำให้ทางบ้านไม่ค่อยจะปล่อยให้ไปไหน ไม่แปลกที่สาวน้อยไม่ทันคนอย่างเมเบลจะไม่เคยมีความรักและไม่เข้าใจว่าความรักมันเป็นอย่างไร

   เมเบลไม่ได้คิดว่าเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเห็นหน้ากันเพียงครั้งเดียวจะเข้ามาจีบ ด้วยความที่เมเบลเองยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนบวกกับประสบการณ์ในชีวิตน้อย ทำให้เมเบลไม่ได้คิดมากอะไร เมเบลเป็นคนที่นิสัยน่ารักคนหนึ่ง เป็นคนที่สดใส น่ารัก ยิ้มง่าย เฟรนลี่ คิดบวกอยู่เสมอ เลยทำให้คนส่วนมากมีแต่เอ็นดูมากกว่าเข้ามาจีบ ทว่าเพื่อนใหม่ที่ยังไม่รู้จักชื่อจะเข้ามาจีบเนี่ยนะ เมเบลนั้นไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าบอกว่าเข้ามาจีบเพื่อนในกลุ่มเมเบลจะไม่แปลกใจอะไรเลย

   ถ้าบอกว่าชอบคนหน้าคมสวยแบบไทยจีบมิ้วก็คงน่าเชื่อกว่า เพราะในบรรดากลุ่มเพื่อนมิ้วเป็นคนหนึ่งที่มีเสน่ห์มาก ด้วยความที่มิ้วเป็นคนที่มีบุคลิกมีความมั่นใจบวกกับการเป็นลีดของคณะ ทำให้ยิ่งดูมีเสน่ห์ต่อใครหลายคน แม้กระทั่งเพื่อนในกลุ่มเดียวกันอย่างเวย์และคิวยังตกหลุมรักมิ้วเลย ส่วนบิวไม่ใช่คนที่ไม่ได้ไม่สวยหรือน่ารักอะไร เพียงแต่บิวจะเป็นผู้หญิงที่ห้าวออกแนวลุยและกล้ามากกว่า แถมยังไม่ค่อยกลัวใคร ทำให้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของบิว ถ้าจะมีคนมาชอบบิวก็คงเป็นเพราะนิสัยแมนๆของบิวนี่แหละที่จะทำให้ใครต่อใครหลายคนมองว่ามันเท่ห์และจริงใจดี และสุดท้ายไนท์สาวเปรี้ยวที่ใครเห็นก็ต้องเข้าหาบวกกับการพูดเก่งของไนท์ทำให้ดูแล้วมีเสน่ห์ แต่ถ้าจะให้บอกว่าในกลุ่มนี้ใครมีเสน่ห์ที่สุดก็คงไม่พ้นมิ้ว ทว่าทำไมไนท์กลับบอกว่าเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอกันจะมาจีบตน เมเบลไม่อยากจะเชื่อเลย

   "บ้า มั่วแล้ว" เสียงเมเบลตอบกลับเพื่อนสนิทอย่างกังวล ก็ทั้งชีวิตของสาวน้อยเมเบลเคยคุยกับผู้ชายซะที่ไหน ต่อให้มีคนเข้ามาจีบจริงอย่างมากก็แค่ในแชท ถ้าบอกว่าเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอกันจะเข้ามาจีบเมเบลจะไม่หัวใจวายตายก่อนเรียนจบเหรอเนี่ย

   "งั้นก็คอยดู" เสียงไนท์ตอบขึ้นมาพร้อมกับยักคิ้วให้เมเบลที่ทำหน้าดูก็รู้ว่ากำลังสับสนและกังวลอยู่ไม่น้อย

 

   ตึ๊ง 

   เฟส!! 

   เสียงการแจ้งเตือน messenger ของคนส่งที่มีชื่อว่า "เรย์" เพื่อนใหม่ที่เมเบลรับเฟสเมื่อสักครู่ เนื่องจากเมเบลเพิ่งจะถึงบ้าน 

   รามิลหรือเรย์นักศึกษาเฟรชชี่ ปี1 คณะวารสารศาสตร์ที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ได้หล่ออะไร ออกแนวเถื่อนด้วยซ้ำ และมีงานอดิเรกคือเล่นกีต้าร์ ส่วนสูงราวๆร้อยแปดสิบ บวกกับทรงผมเซอร์ๆอันเดอร์คัตสีแดงมัดไปข้างหลังที่ดูแล้วไม่น่าเข้าหาหรือน่าสนใจสำหรับสาวๆคนไหนที่ผ่านมา และเรย์ยังเป็นผู้ชายที่ติสท์ แถมยังเป็นคนยิ้มยากมากด้วย ถ้าไม่ใช่คนสนิทจริงจะนิ่งมาก ทำให้ไม่ได้เป็นที่ดึงดูดของใคร แต่เมเบลสาวน้อยที่มีรอยยิ้มอันสดใสกลับทำให้เรย์รู้สึกแพ้ให้กับรอยยิ้มของเธอคนนี้ แพ้ไปหมดทุกอย่าง 

   Ray : เรียนรู้เรื่องไหมวันนี้

   Maybell : ไม่เลย

   Ray : เห็นนอนคงรู้

   Maybell : แอบมองเรา?

   Ray : ก็เห็นพอดี

   หลังจากคุยแชทกับเรย์เสร็จ เมเบลบอกได้เลยว่าไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ทำไมเมเบลถึงได้รู้สึกใจเต้นราวกับว่าจะเป็นโรคหัวใจ หรือบางทีเขาควรจะไปตรวจว่าเป็นโรคอะไรไหมนะ เพราะนอกจากใจเต้นแล้วยังรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นเป็นสีแดงก่ำ บางทีเมเบลก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองป่วยหรือเป็นโรคหัวใจกันแน่ ทว่ากลับไม่ใช่ทั้งสองอย่างแต่กลับเป็นการตกหลุมรักใครสักคนโดยที่เมเบลไม่รู้ตัวและเข้าใจมาก่อนว่ามันเป็นยังไง

 

   "โอ๊ยกูล่ะเบื่อ ขี้เกียจทำงาน" เป็นเสียงของคิวเอ่ยขึ้นมาระหว่างเพื่อนๆนั่งทำงานที่ตึกแพนด้าหลังจากเลิกคลาสเรียนเช้าเสร็จ 

   ตึกแพนด้าเป็นตึกนั่งทำงานของเหล่าบรรดานักศึกษาทุกคน บางคนก็เข้ามาทำงาน บางคนก็เข้ามานอน แต่สำหรับกลุ่มเมเบลแล้วคงน่าจะเข้ามาทำทั้งสองอย่าง 

   "มึงจะบ่นอะไรเยอะแยะ ทำไปเหอะเดี๋ยวก็เสร็จ" เสียงมิ้วสาวสวยประจำกลุ่มเอ่ยว่าคิวขึ้นมา

   "ก็กูขี้เกียจ" คิวตอบกลับมิ้วพร้อมทำหน้าหงุดหงิดราวกับว่าอยากจะลาออกจากมหาลัยไปอย่างงั้นแหละ

   "พวกมึงเย็นนี้มีคอนเสิร์ตใครจะไปกูบ้าง" เป็นเสียงเรียกของเวย์ที่กำลังนั่งทำงานอยู่เงยหน้าบอกกับเพื่อนทุกคน

   "เฮ้ย!! กูไป" เสียงคิวที่เงยหน้าขึ้นตอบกลับด้วยความตื่นเต้น 

   "ก่อนที่มึงจะไปทำงานให้เสร็จก่อนเหอะ" เป็นเสียงมิ้วเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งทำหน้ากวนประสาทใส่ ทำให้คนฟังนั้นรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม 

   "สัสช่างแม่ง กูขอผ่อนคลายบ้างเถอะสั่งเก่งจริงๆไม่รู้จะสั่งไรเยอะแยะ" เป็นเสียงโมโหของคิวทำเอามิ้วที่เพิ่งกวนประสาทแทบจะกลั้นหัวเราะแทบไม่ทัน

 

   หลังจากเมเบลรับเฟสเรย์ในวันนั้นทั้งสองก็ได้แลกไลน์กันไว้ เพราะเมเบลไม่ค่อยตอบเฟสเท่าไหร่นานทีถึงจะเข้ามาดู 

   ครืด

   เสียงโทรศัพท์สั่น

   ไลน์!!

   Ray : วันนี้เบลไปดูคอนเสิร์ตหรือเปล่า

   Maybell : ไป แต่คงอยู่ได้ไม่นาน

   Ray : ไว้ทักหานะ

   เมเบลตอบแชทเรย์ขณะเดินหาของว่างทานอยู่กับเพื่อน ระหว่างที่รอเวลาดูคอนเสิร์ต

   เมเบลกลับมาสนใจของกินที่วางขายไว้เพียบ ภายในงานมีของน่าทานหลากหลาย แม้กระทั่งขนมไทยอย่างทองหยอดที่ทำจากแป้งผสมกับไข่แดงและน้ำ หยอดลงในน้ำเดือดเคี่ยวกับน้ำตาล เมื่อแป้งสุกจะเป็นเม็ดคล้ายหยดน้ำสีเหลืองทองเห็นแล้วน่าทาน ทั้งยังมีของอร่อยๆเต็มอีกเพียบ ที่พูดได้ว่าถ้าต้องซื้อหมดตังค์ในกระเป๋าคงไม่มีเหลือกลับบ้านแน่ 

   เสียงร้องเพลงคอนเสิร์ตที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้นเริ่มบรรเลง โดยเพลงแรกที่เริ่มร้องเป็นกลุ่มของนักร้องวัยรุ่นทำให้มีเหล่าบรรดานักศึกษามาดูเป็นจำนวนมาก เพลงที่เริ่มบรรเลงร้องออกมาเป็นเพลงแนวสตริงเหมาะสำหรับคนที่กำลังแอบชอบใครสักคนอยู่ เป็นเรื่องราวความรักของคนที่ถูกคนที่ชอบปฏิเสธให้เลิกทุ่มเท จนอยากให้เขารับรู้ว่าการเป็นคนที่ชอบมันรู้สึกเช่นไรเมื่อเขาไม่รับรักตอบ 

   "บิวนี่กี่โมงแล้ว" เมเบลรู้สึกว่าเริ่มดึกพอสมควรแล้วเพราะวันนี้พี่สาวของเมเบลไม่มีเรียน เมเบลจึงต้องรีบกลับเพราะถ้ายิ่งกลับช้ายิ่งรู้สึกกลัว ดึกแบบนี้กลับช้าอันตราย แต่โชคดีที่บ้านบิวอยู่แถวเดียวกันพอดี เมเบลจึงนัดกับบิวไว้ว่าจะกลับพร้อมกัน 

   "หกโมงครึ่ง" บิวก้มมองเวลาในโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นบอกเมเบล 

   "......" เมเบลพยักหน้าให้กับบิว 

   "เออมิ้วเดี๋ยวเรากับเบลกลับก่อนนะ เดี๋ยวตกรถ" บิวเอ่ยกับมิ้วขึ้นพร้อมโบกมือให้เพื่อนทุกคนในกลุ่มเช่นเดียวกับเมเบล 

 

   ครืด 

   เสียงโทรศัพท์สั่น 

   ไลน์!! 

   ขณะนั่งบนรถตู้เสียงโทรศัพท์เมเบลก็สั่นขึ้นมา เมเบลตั้งสั่นไว้เนื่องจากต้องนั่งรถตู้ ส่วนตัวแล้วเมเบลจะเป็นคนขี้เกรงใจคนอื่นเลยเลือกที่จะปิดเสียงไว้เวลาที่ออกไปออกข้างนอก จนบางทีก็เผลอลืมเปิดเสียงกลับก็มี 

   Ray : กลับยัง 

   Maybell : อยู่รถตู้แล้ว 

   Ray : เสียดายยังไม่ได้เจอเบล 

   Maybell : เราต้องรีบกลับโทษทีนะ 

   Ray : ไม่เป็นไรครับ 

   เมเบลเริ่มรู้สึกแปลกๆกับเรย์ยังไงไม่รู้ เริ่มสับสนแล้วว่าเรย์จะเข้ามาจีบตัวเองจริงๆแบบที่เพื่อนบอกหรือเปล่า แล้วถ้าจริงขึ้นมาเขาควรทำตัวแบบไหนกัน อยากจะบ้าตาย เกิดมาไม่เคยเจอคนมาจีบแบบเจอหน้ากันแบบนี้ แล้วแบบนี้เมเบลจะทำยังไงกันล่ะทีนี้ 

 

   ครืด 

   เสียงโทรศัพท์สั่น 

   ไลน์!! 

   สามทุ่มสิบเก้านาทีขณะที่เมเบลทำงานอยู่โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา เมเบลเป็นคนไม่ค่อยเปิดเสียงโทรศัพท์อยู่แล้ว เพราะไม่ชอบเปิดรบกวนใครจนบางครั้งตั้งใจจะปิดแค่ชั่วคราว ทว่ากลับกลายเป็นถาวร เนื่องจาก "ลืม" ตั้งเปิดเสียงกลับ 

   Ray : ทำไรอยู่

   Maybell : ทำการบ้าน

   Ray : วิชาอะไรครับ

   Maybell : อิง

   Ray : เขียนแนะนำตัว

   เมเบลเริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าที่เรย์ทักมาหาตลอดเพราะแค่คุยแบบเพื่อนหรือแบบไหนกันแน่ เพราะถ้าเข้ามาจีบจริงเมเบลบอกได้เลยว่าเมเบลกลัว ไม่ใช่รำคาญหรืออะไรเพียงแต่ไม่รู้ต้องทำตัวยังไง เกิดมาเคยมีคนมาจีบแบบต้องเจอกันต่อหน้ากันที่ไหนล่ะ คิดแล้วใจก็สั่นอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่เมเบลคิดอยู่ใจก็เต้นแบบที่ว่าคนไม่เคยมีแฟนรู้สึกแปลกนั่นแหละ มันเลยรู้สึกใจเต้นรัวบวกกับยังมีใบหน้าร้อนผ่าวที่บ่งบอกได้เลยว่าสับสนและเครียดมากจริงๆ คงไม่ได้เพราะเขินหรืออะไรเลย

 

   เช้าวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดแต่คงไม่ใช่วันหยุดสำหรับสาวน้อยเมเบลที่ต้องมานั่งทำการบ้านวิชาอังกฤษแบบนี้ เมเบลเป็นคนที่ไม่เก่งอะไรสักอย่างและยิ่งภาษาอังกฤษบอกได้คำเดียวว่าไม่มีความรู้อะไรเลย ปวดหัวมาก 

   ครืด

   เสียงการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์

   เฟส!!

   ไม่ต้องบอกก็เดาไม่ยากว่าใครทักมา เพราะส่วนใหญ่มีแค่เรย์กับไนท์เพื่อนสนิทของเมเบลที่ทักมา แต่เวลาแบบนี้ไนท์คงไม่ทักมาแน่ ส่วนมากไนท์มักจะทักมาตอนดึกเป็นประจำมากกว่า

   Ray : ทำไรอยู่ครับ

   Maybell : ทำงานอยู่

   Ray : วิชาอิงแน่ๆ

   Maybell : ใช่ปวดหัวมาก

   Ray : สู้ๆครับ เบลเก่งอยู่แล้ว

   Maybell : ไม่เลย

   Ray : โอ๋ๆ คนเก่ง

   เมเบลไม่เข้าใจว่าต้องรู้สึกยังไง เมื่อมีคนมาปลอบแบบนี้ เมเบลไม่ได้รู้สึกแย่หรือกลัวอะไรนะ ทว่ากลับกันเมเบลกับรู้สึกดีราวกับว่าได้ชาร์จพลังยังไงไม่รู้เมื่อมีคนมาให้กำลังใจแบบนี้ เมเบลได้บอกกับตัวเองว่าคงเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานเลยทำให้เมเบลรู้สึกดี คงไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้

   ไม่รู้เพราะอากาศตอนกลางวันร้อนหรือเพราะความเขินทำให้ใบหน้าเมเบลเปลี่ยนเป็นสีแดงบวกกับใบหน้าร้อนผ่าวราวกับไฟไหม้ยังไงอย่างงั้น 

   Ray : ฝากปริ้นต์งานหน่อยได้ไหมครับ

   Maybell : ได้สิ

   Ray : น่ารักที่สุด

   Ray : ขอบคุณครับ คนอะไรน่ารักทุกอย่างเลย

   Maybell : (สติ๊กเกอร์หัวเราะคิคิ)

   เมเบลคนที่ไม่เคยรับรู้ถึงความรักมาก่อนคงไม่รู้ว่าการที่มีเรย์คอยทักมาหาทุกวันนี้คือการคุยแบบไหน ทว่าเมเบลกลับรู้สึกดีที่มีเรย์อยู่ข้างๆจนไม่รู้ตัวว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการตกหลุมรักใครสักคนแบบไม่ทันระวังตัว 

   การตกหลุมรักใครสักคนเริ่มจากการที่เราเริ่มสนใจหรืออยากค้นหาอะไรจากคนนั้นมากขึ้น อย่างกฎของแรงดึงดูดความรักที่ทำให้คนสองคนโคจรมาพบกัน มันคงเป็นความเชื่อที่ว่าเราอาจเป็นเหมือนดังเส้นขนานของกันและกันก็ว่าได้

   การที่เรย์ตกหลุมรักเมเบลด้วยเหตุผลที่ว่ารอยยิ้ม ใช่แล้วรอยยิ้มของเมเบลทำให้เรย์รู้สึกอยากกลับมารักใครสักคนอีกครั้ง เรย์บอกได้คำเดียวว่าเขาแพ้แล้วแพ้แล้วจริงๆแพ้ให้กับรอยยิ้มของคนคนนี้ แพ้รอยยิ้มที่ไร้เดียงสา รอยยิ้มที่อ่อนโยน รอยยิ้มที่จริงใจและน่าเอ็นดู จนอยากค้นหาและอยากเป็นคนที่ได้ครอบครองหัวใจของผู้หญิงที่ไร้เดียงสาคนนี้ คนที่ชื่อว่า "เมเบล" ทว่าสถานะตอนนี้ของเขาคือ "เพื่อน" เท่านั้น เพื่อนที่กำลังตามจีบเมเบล และเพื่อนที่ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน แต่อยากเป็นมากกว่าเพื่อน 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว