**ย้ำชื่อเรื่องเหมือนนิยายตลกโปกฮา แต่เนื้อหานั้น ความตลกก็ไม่ถึงครึ่งอ่ะนะคะ = = ปวดหัวเสียมากกว่า ส่วนความน่ารักและความหวาน แหม่ ใส่แท็กรักจีนโบราณไม่มีได้ไง
เนื้อหาค่อนข้างดาร์ค ตัวเอกเทา พระนางก็เทา แต่ถามว่าใครร้ายที่สุด
..ไรท์ค่ะ//ชี้มาที่ตัวเอง
เรื่องนี้นับว่ามีฉาก nc ไหมไม่รู้ (มีกึ่งมั้งแต่ไม่มีแบบโจ่งแจ้งค่ะ เขียนไม่เป็น) แต่เนื้อหาค่อนข้างรุนแรงพอสมควร
เหตุการณ์ในนี้เป็นเรื่องสมมติ พวกตำแหน่งนั่นนี่ชื่อเมือง ธรรมเนียมต่างๆ ก็ล้วนเพื่ออรรถรส ไม่อิงประวัติศาสตร์นะคะ
เรื่องนี้แต่งมาเพื่อเป็นน้ำขิงสำหรับกินแกล้มกับเต้าฮวยเรื่องหนูหลินหลิง ถถถ
...
“ไปเถิดซู่ซู่ ข้าไม่เป็นไร” คนผู้นั้นกล่าวพลางหันหลังให้ ซู่ซู่จึงไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากเดินกลับตำหนักของตน
ทว่านางก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองแผ่นหลังขององค์ชายสี่ที่ดูเศร้าซึมจนนางรู้สึกได้
หากในยามปกติคนหน้ามึนผู้นั้นเป็นพระอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้า ตอนนี้เขากลับดูเหมือนเมฆอึมครึมในวันที่ฝนตก
แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าไม่ชอบที่จะต้องเห็นเขาเป็นเช่นนี้เลย...
เช่นนั้นต่อไปนี้ข้าจะอยู่เคียงข้างเขาเอง!
เมื่อคิดดังนั้น ดรุณีน้อยตัวเล็กๆ คนหนึ่งจึงตั้งปณิธานขึ้นมาในใจ...
“หากท่านพี่เป็นดาบ ข้าจะเป็นธนูคอยอยู่เคียงคู่สนับสนุนท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่...”
ทว่านี่คือโลกแห่งความเป็นจริงมิใช่เทพนิยายปรัมปราและมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น...
……………………………………………………….
"หม่อมฉันก็แค่ทำในสิ่งที่สมควร ผิดอะไรหรือเพคะ!? " ร่างบางที่ข้อเท้าทั้งสองข้างถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวนสีดำเอ่ย หลังจากที่เพิ่งฟื้นจากยาสลบแล้วถูกนำตัวมาพบกับคนที่ลักพาตัวนางออกมาจากวังหลวง
"สิ่งที่สมควรงั้นหรือ!? " บุรุษตรงหน้าเอ่ยพลางจ้องเขม็งไปที่ใบหน้างามของอีกฝ่ายที่ยังคงเชิดขึ้นอย่างอวดดี
"เพคะ…นางสมควรตายแล้ว" ก่อนหน้านั้นนางได้ทำสิ่งใดลงไปงั้นหรือ! ก็ลงมือสังหารสตรีผู้หนึ่งที่เป็นไส้ศึกของแคว้นปลอมตัวมาอย่างไรเล่า! เพราะบุรุษโง่เขลาตรงหน้าหลงรักอีกฝ่ายหัวปักหัวปำจนไม่ยอมทำเอง นางถึงต้องเป็นคนทำเพื่อแคว้น!
นี่สินะ...ที่เรียกว่าเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง กลับต้องเอากระดูกมาแขวนคอ...
เพียะ! ฝ่ามือหนาตวัดลงไปยังแก้มขาวเนียนของนาง จนปรากฏเป็นรอยจางๆ ห้านิ้ว
"คนที่สมควรตายที่สุดก็คือเจ้า!! ไม่ใช่นาง!! "
“หรือทรงยอมรับความจริงไม่ได้เพคะ...ความจริงที่ว่าองค์หญิงแคว้นหลางผู้นั้นเป็นไส้ศึกที่เข้ามาเพื่อล้วงความลับแคว้นฉินและหาโอกาสลอบปลงพระชนม์เสด็จพี่ ท่านอ๋องเพคะ...แม้ปากของพระองค์จะเอ่ยเช่นนี้ แต่ในพระทัยกำลังนึกขอบคุณหม่อมฉันต่างหากที่ช่วยกำจัดสตรีผู้นั้นออกไป เพราะพระองค์ใจไม่แข็งพอที่จะทำมันด้วยตัวเอง สิ่งที่หม่อมฉันควรจะได้รับคือการสรรเสริญที่ทำทุกอย่างเพื่อแคว้นฉินของเรา เพื่อฝ่าบาท มิใช่การปฏิบัติเช่นนี้!! และพระองค์ก็ใช้มันเป็นข้ออ้างในการลักพาตัวหม่อมฉันมา”
"เห็นทีเจ้าจะหลงตัวเองมากเกินไปแล้วกระมัง"
"ทรงยอมรับเถอะเพคะ ว่าพระองค์ยังรักหม่อมฉันอยู่ แต่เสียใจด้วยที่ในใจของหม่อมฉันมีเพียงฝ่าบาทคนเดียว แม้ฝ่าบาทจะรับหม่อมฉันเป้นพระสนมไม่ได้ก็ตาม" เมื่อเห็นสายตาโกรธแค้นที่มองมายังตนเอง นางก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดต่อ
"พระองค์บอกหม่อมฉันสมควรตาย…เช่นนั้นก็ฆ่าหม่อมฉันเลยเพคะ หากทำมิได้ก็ยอมรับเถิด..."
"หึ…" มุมปากของผู้ที่ถูกท้าทายกระตุกขึ้นเบาๆ
"ผิดแล้วล่ะ ที่ข้าเอาตัวเจ้ามาเพราะข้าจะให้เจ้าได้รู้...ว่าสิ่งที่ทรมานกว่าความตายเป็นเช่นไร"
"น่าสนใจนะเพคะ หม่อมฉันก็อยากรู้เหมือนกัน" กล่าวจบ นางก็ส่งยิ้มหวานหยดย้อยที่แสดงออกถึงการกวนประสาทให้อีกฝ่าย ร่างสูงจึงเลิกต่อปากต่อคำ แล้วหันไปสั่งคนของตนด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจว่า
"ทหาร!! มาเอาตัวนักโทษผู้นี้ไปก่อกำแพงอิฐฝั่งตะวันตก!!! "
"กล้าดีอย่างไรมาแตะต้องตัวข้า? ข้าเป็นท่านหญิงนะลืมไปแล้วหรือ? " ร่างบางพูดพลางพยายามสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากฝ่ามือสากๆ ของทหารสองนายที่จับลงมาบนข้อมือขาวเนียนของนาง
"ท่านหญิงตัวจริงตอนนี้อยู่ในวัง…ส่วนเจ้าเป็นเพียงนักโทษ..." ร่างสูงพูดพลางยิ้มเยาะ เมื่อนึกถึงคนที่เขาจัดหาให้ไปทำหน้าที่แทนสตรีที่เขาจับตัวมา
"เอาตัวไป!! "
"อีกไม่นาน…ฝ่าบาทจะต้องรู้เรื่องนี้!! และพระองค์จะต้องส่งคนมาช่วยข้าแน่!! ปล่อยข้านะ!! " ร่างบางตะโกนทิ้งท้ายขณะที่ถูกลากตัวออกไป
ไม่ต้องห่วง
นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น...
ยังมีบทลงโทษอื่นอีกมากมายที่ข้าได้เตรียมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ
ข้าอยากจะเห็นเหลือเกิน ว่ายามที่ท่านหญิงซู่ซู่ผู้ร่านรักและหยิ่งผยองแห่งวังหลวง ต้องก้มหัวร้องขอความเมตตากรุณาจากผู้อื่นนั้นเป็นเยี่ยงไร!