ชายาชายแม่ทัพใจทมิฬ

ฮ่องเต้ ‘แคว้นอู๋’ ในปัจจุบันทรงมีพระราชโองการให้บุรุษสามารถแต่งงานกับบุรุษได้

และทรงมีรับสั่งให้ออกกฎหมายคุ้มครองบุรุษที่ถูกแต่งเข้าเป็นภรรยา มีสิทธิ์และอำนาจตามที่ได้ถูกแต่งเข้าไปดั่งเช่นสตรีทุกประการเช่นเดียวกัน

แรกเริ่มเหล่าขุนนางต่างยื่นฎีกาคัดค้าน บ้างก็ว่าไม่เหมาะสมเป็นบุรุษมิควรทอดกายให้บุรุษด้วยกันเยี่ยงสตรีการกระทำเช่นนี้ช่างน่าเสื่อมเสียศักดิ์ศีความเป็นชายยิ่งนัก

เหล่าขุนนางอาวุโสยื่นฎีกาคัดค้านอย่านอย่างหนัก และทุกครั้งที่มีการประชุมที่ท้องพระโรงเหล่าขุนนางจะหยิกยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดจนกลายเป็นหัวข้อหลักอยู่เสมอ

ซึ่งเรื่องนี้สร้างความปวดหัวให้แก่ฮ่องเต้ยิ่งนัก เพราะแทนที่เหล่าขุนนางจะช่วยกันหารือเรื่องราชกิจที่ต้องได้รับการแก้ไขเร่งด่วนให้แก่ราษฎรเพื่อปัดเป่าทุกข์ภัยและเพื่อความมั่นคงของแคว้นอู๋ เหล่าขุนนางอาวุโสกลับเอาแต่พูดถึงเรื่องที่พระองค์ทรงอนุญาตให้มีการสมรสระหว่างบุรุษกับบุรุษได้ ขนาดพระองค์ทำเป็นเฉไฉเข้าเรื่องบ้านเมืองไปแล้วเหล่าขุนนางก็ยังวกกลับมาพูดถึงเรื่องเดิมอีกจนได้ตลอดระยะเวลาสามเดือน

ฮ่องเต้เห็นว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ งานราชกิจจะต้องหยุดชะงักไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลให้ราษฎรที่เป็นทุกข์ทุกข์หนักกว่าเดิมสร้างความขุ่นเคืองใจแก่ฮ่องเต้ยิ่งนัก

พระองค์จึงจัดการแก้ปัญหาโดยการประทานราชโองการสมรสระหว่างบุรุษกับบุรุษให้แก่บุตรชายของขุนนางทุกผู้ที่ยื่นฎีกาและผู้ที่หยิบยกมาพูดในท้องพระโรงเสีย จนทำให้มิมีผู้ใดกล้ายื่นฎีกาหรือหยิบยกมาพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ซึ่งก็ลดความขุ่นมัวและสร้างความสำราญในพระทัยของพระองค์ยิ่งนัก

ซึ่ง ‘หวงเข่อชิง’ บุตรในอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ‘หวงเจียฉี’ และ ‘อู๋เจียงสง’ หรือเรียกว่าอ๋องสามหรือเจียงอ๋อง ซึ่งเป็นพระอนุชาแท้ๆที่เกิดจากมารดาเดียวกันในฮ่องเต้แคว้นอู๋องค์ปัจจุบันก็โดนจับคู่จากการที่เสนาบดีฝ่ายซ้ายยื่นฎีกาคัดค้านและหยิบยกมาพูดในท้องพระโรงด้วยเช่นเดียวกัน