ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่านี่เป็นเรื่องสั้นที่เอาส่งโครงการของสถาพรแต่ก็ตกไปบอแบ๋ 555 ไม่ได้เอาลงเว็บแต่ไม่เป็นไร ถึงจะไม่ผ่าน แต่ก็อยากลองให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ใช้เวลาแต่งไปหลายชั่วโมงเลยดูรีบๆอาจจะไม่ค่อยสนุกหรือได้อารมณ์เท่าไหร่ก็ว่ากันไป แต่ว่าก็อยากให้ได้ลองอ่านกันนะคะ ของให้สนุกน้าาาาาาาา
ความรู้สึกเล็กๆฉบับเราสองคน
นี่มันวันอะไรแล้ว ทำไมฉันถึงต้องมานั่งจ้องดอกกุหลาบอยู่ได้ !
“ไมล์ ทำอะไรอยู่”เสียงเรียกเบาๆของเพื่อนสาว อุ้ม สาวมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัด รูปร่างสูงโปร่งกับหน้าตาเรียบๆ ไม่มีการใช้ของประทินผิวเพื่อให้ตัวเองดูสวยสะดุดตา เพื่อนสนิทของฉันเอง นิสัยเหมือนกันเปี๊ยบ อ้อลืมแนะนำตัว ฉันชื่อไมล์ เป็นคนที่สูงอยู่แต่ตัวเล็กไปหน่อยยมองไกลๆเลยอาจทำให้เข้าใจผิดว่าตัวเตี้ย เราสองกันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆกอดคอเล่นกันตั้งแต่จำความได้ เป็นกลุ่มนักเรียนที่ชอบนั่งหลังห้อง ดูอนิเมะ เล่นเกมส์ อ่านนิยายน้ำเน่า และมีความฝันบ้าๆบอๆว่าอยากจะทำนู่นทำนี่ด้วยกัน และครองตัวเป็นโสดจนแก่
“ดูดอกไม้ไง ก็ยืนอยู่หน้าร้านดอกไม้”ฉันหันไปตอบหน้าซื่อโดยมองอุ้มกับเพื่อนอีกสองคนเดินมาสมทบข้างหลัง เป็นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอตอนขึ้นมัธยมปลายแต่นิสัยเราเข้ากันได้ดีทั้งหมดเพราะเป็นพวกบ้ามังงะ การ์ตูน และเกมส์
“ดูไปทำไม ดอกไม้พวกนี้มันสำหรับพวกสาวๆเพ้อฝัน”อุ้มหันไปพยักเพยิดกับเพื่อนในกลุ่ม สองคนนั้นพยักหน้ารัวๆเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“ฉันขอเพ้อบ้างไม่ได้หรือไงล่ะ”
“คนเล่นเกมส์ยิงปืน พูดจาโผงผางอย่างแกเนี่ยนะไมล์”ตาเพื่อนอีกคนในกลุ่มสวมแว่นหนาเตอะ รูปร่างอวบๆของเธอกระเพื่อมนิดๆเพราะกลั้นหัวเราะ
“ทำอย่างกับแกไม่เล่นงั้นแหละตา”ฉันมุ่ยหน้าก่อนจะเดินตามหลังสามสาวที่คุยกันขำขัน
“ฉันก็อยากเห็นหญิงแก่น อย่างแกมีแฟนเหมือนกันนะ”น้ำหันมาพูดสมทบ เธอเป็นคนตัวสูงใหญ่แต่ใบหน้าอ่อนหวานที่สุดในกลุ่มแม้ไม่แต่ง แล้วเธอก็เป็นคนแรกที่หนีไปมีแฟนก่อนคนอื่น
“มีไปก็คงปวดหัวอย่างแกอ่ะสิน้ำ จะเล่นเกมส์ดึกๆดื่นๆกับพวกฉันหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมไม่หาคนที่เล่นเกมส์ด้วยกันเป็นแฟนล่ะ”
“ไม่พูดด้วยละ ไปกินไอติมกัน ร้านนี้เปิดใหม่ว่าจะแวะพอดีเร็วๆ”น้ำเฉไฉก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้าน
ร้านไอศกรีมเล็กๆตรงมุมถนนตรงข้ามกับโรงเรียน บรรยากาศโดยรวมดูน่ารักสดใสเหมาะสำหรับเด็กวัยรุ่น นั่งจับกลุ่มคุยกันในร้าน โต๊ะและเก้าอี้ถูกจัดอย่างน่ารัก เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นเป็นสินค้าสั่งทำใครที่ได้ผ่านหรือเดินเข้ามาต้องรู้สึกว่าตัวเองจะได้กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งแน่ๆหากได้เสพบรรยากาศภายในร้าน
กลุ่มของพวกเราเดินไปนั่งโต๊ะข้างในเพราะเวลาเลิกเรียนอย่างนี้เด็กวัยรุ่นเต็มร้านจนแน่นโต๊ะด้านหน้าไปหมด ก่อนจะจัดที่นั่งของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง พี่พนักงานจึงเดินเข้ามาถามเมนู
“รับอะไรดีครับ”ฉันที่นั่งก้มหน้าก้มตาเล่นเครื่องเล่นเกมเพลย์ขนาดพกพาเหลือบมองไปที่พนักงานของร้านนิด นึงก่อนจะหน้าแดงเสก้มลงมองเกมส์แล้วเล่นต่อ
“เอามะม่วงข้าวเหนียวค่ะ”อุ้มสั่งเป็นคนแรกก่อนจะหันไปสนใจมังงะในมือ
“เอาสตอเบอรี่ครีมละกันค่ะ”น้ำสั่งต่อเป็นคนที่สองก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์กับแฟน
“เอาเป็นบลูเบอรี่โฟลตค่ะ”ตาสั่งเสร็จก็นั่งมองหน้าพี่พนักงานที่อยู่ในชุดฟอร์มโรงเรียนเดียวกันกับพวกเธอมีผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลขาวลายน่ารักๆบนตัว ชายหนุ่มหน้าตาดีสูงราว 170 เซนติเมตรหันมายิ้มให้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเขินจนหน้าแดง
ฉันที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์ไม่สนโลกทั้งที่หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้มือจะกดเครื่องเล่นแต่สมาธิไม่ได้จดจ่อกับมันเอาเสียเลย เป็นเวลาเกือบๆนาทีถึงรู้สึกตัวจากเสียงเรียกของเพื่อน
“ยัยไมล์ เลิกเล่นเกมส์ก่อน พี่เขารอแกอยู่คนเดียวเนี่ยจะกินอะไร”ตาหันมาแหวเสียงพลิ้วอย่างหยอกล้อก่อนที่ฉันจะสะดุ้งเล็กน้อย
“เอ้อ...ขอเป็นช็อ..”พูดยังไม่จบก็ถูกตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“ช็อกชิพโรยท็อปปิ้งพร้อมป้อกกี้สองแท่ง”พนักงานในร่างรุ่นพี่พูดพร้อมจดข้อมูลลงในบิล จดเสร็จก็ยื่นใบเสร็จให้แล้วเดินจากไปพร้อมสายตากับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มีเพียงฉันสังเกตเห็น
“เห้ย พี่เขารู้ได้ไงอ่ะแก”เป็นอุ้มที่หันมาถามคนแรก
“ฉันจะไปรู้เรอะ อาจจะ..เคยไปอ่านสเตตัสบนเฟซบุ๊คของฉันก็ได้”ฉันนั่งแถไปเรื่อย
“ก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะแกชอบเพ้อแต่ว่า พี่เขาจะความจำดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
“คงงั้นแหละ แกก็เห็นนี่พี่เขาท่องสูตรฟิสิกส์ฉอดๆวันงานแข่งขันแถมยังทฤษฎีเป๊ะสุดๆ”อุ้มหันมาสมทบ
“พี่ที่เขาติดท็อปทรีของโรงเรียนเราอ่ะเหรอวะ เห้ยจริงดิ”
“เห็นมั้ย ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะจำได้ ลองๆถามเขาดูสิเผื่อจำอะไรที่พวกแกเพ้อในเฟซได้”
“หูยแก นั่นน่ะหล่อกว่าพระเอกในมังงะเรื่องโปรดของฉันอีกนะ”ตาหันมาพูดอีกครั้งในขณะที่คนอื่นอมยิ้มเพราะท่าทางน่าขันของเพื่อนตอนทำท่าเพ้อ
“น้อยๆหน่อยยัยตา แกทำท่าแบบนั้นดูพี่เขามองมาพอดีสิ กลัวกลุ่มเราจนไม่กล้ามาเสิร์ฟไปละมั้ง”น้ำว่าขำๆ
“ไม่มีทาง ถึงฉันจะไม่แต่งตัวแบบพวกกลุ่มสาวเปรี้ยวในห้อง ฉันก็สวยสมวัย”ตาพูดจบเพื่อนก็หันไปโห่ใส่เสียงดังลั่นร้านชั่วครู่ก่อนจะหลุดขำหัวเราะ โต๊ะของพวกเราอยู่ห่างพอสมควรจึงไม่รบกวนคนอื่นนักเพราะโต๊ะข้างๆลุกไปหมดแล้ว
ฉันนั่งคุยกับเพื่อนไปเรื่อยเปื่อยแต่ตาก็คอยเหลือบมองไปยัง ‘รุ่นพี่’ เป็นระยะโดยที่คนถูกมองไม่รู้เรื่องเพราะตั้งหน้าตั้งตาตักไอติม ฉันเผลอมองนานไปหน่อยเลยทำให้สายตาของคนที่รู้ตัวว่าถูกมองสบเข้ามาพอดี หน้าร้อนขึ้นอีกครั้งก่อนจะหลบสายตาเป็นพัลวัน
“เออนี่ ก็ดีนะปีนี้พี่เขาก็จะจบแล้วหนิ ต่อไปคนที่จะทำงานในร้านก็จะกลายเป็นหนุ่มมหาลัย”
“เป็นเอามากนะยัยตา นอกจากจะบ้าพระเอกนิยาย พระเอกมังงะแล้วยังบ้าผู้ชายอีก”อุ้มหันมาบอกเพื่อนก่อนจะถูกตีเข้าที่แขนเบาๆ
“ใครเขาว่าบ้า เขาเรียกว่าใช้อาหารตาสำหรับเสพ”
เสียงของเด็กเสิร์ฟดังขึ้นเพื่อหยุดการสนทนาชั่วครู่ของสาวๆชั่วคราวโดยเฉพาะตาที่แววตาเจือรอยยิ้มหยาดเยิ้มจนขนาดฉันที่เป็นคนเหลือมองยังสยองแทน
“โต๊ะสิบสี่ พร้อมแล้วครับ ทานให้อร่อยนะครับ”ชายหนุ่มหันมาบอกก่อนจะวางบนไอติมลงหน้าทุกคนตามที่สั่ง เสียงฮือฮาชอบใจเพราะแต่ละอย่างถูกทำให้ออกมาน่าทานและจุใจจนถึงที่สุด
“แหม หล่อแล้วยังใจดีอีกนะคะพี่ดรีม”ตาหันไปชม้ายตามองก่อนจะส่งยิ้มหวาน
“เป็นบริการจากทางร้านน่ะครับ”
“แล้วบริการจากทางร้าน พอจะมีจดจำรายการอาหารที่สั่งได้บ้างมั้ยคะ”
“คงไม่เก่งขนาดจำได้ทุกคนหรอกครับ” ดรีม หันไปตอบอย่างสุภาพก่อนจะหยิบจานสุดท้ายส่งให้หญิงสาวที่นั่งใจเต้นแรงอยู่ริมโต๊ะ
“ขอบคุณ”ฉันหันไปตอบเบาๆก่อนจะลดเกมส์เพลย์ในมือลง
“ยินดีครับ”ส่งยิ้มหวานเสร็จก็เดินกลับเข้าไปที่เคาเตอร์โดยไม่ลืมหันมามอง ฉันแกล้งก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่รับรู้รสเพราะจิตใจไม่อยู่กับตัวสักเท่าไหร่
ชายหนุ่มยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีวิ่งไปเสิร์ฟโต๊ะนู้น จัดคิวโต๊ะนี้อย่างขะมักเขม้น จนเวลาล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงไอติมในถ้วยของฉันจึงหมด ตามมาด้วยคนอื่นๆก่อนจะพากันเก็บข้าวของลงกระเป๋าเตรียมตัวจ่ายเงินและกลับบ้าน
“พี่ดรีมคะ หล่อๆอย่างนี้แถมยังทำไอติมน่ากินอีก”เสียงหวานจากโต๊ะรุ่นพี่มอห้าข้างๆทำให้ฉันหูผึ่งนิดนึง นิดนึงจริงๆ
“ก็ชมเกินไปน้องอัน พี่ก็ต้องทำช่วยที่ร้าน”
“น่ารักแล้วยังกตัญญูอีก พี่ดรีมนี่สุภาพบุรุษจังเลย”
“ฮ่าๆ ชมกันเกินไปหรือเปล่าเนี่ย”
“พูดจากใจจริงๆนะคะ ถ้าได้มาเป็นแฟนอันจะช่วยทำงานทุกอย่างเลย”พูดจบเพื่อนในโต๊ะก็พากันส่งเสียงเกรียวกราวจนหญิงสาวอายม้วนหน้าแดงเป็นลูกตำลึง โดยคนโดนจีบซึ่งๆหน้าทำแค่เพียงยิ้มรับ
“แหวะ ถ้าได้มาเป็นแฟนอันจะช่วยทำงานทุกอย่างเลย ช่วยงานพ่อแม่ก่อนดีกว่ามั้ยยะ”ตาหันมากระซิบกันในกลุ่มพร้อมล้อเสียงเลียนแบบรุ่นพี่อย่างตลกขบขัน ทำเอาฉันและเพื่อนในกลุ่มกลั้นหัวเราะไม่ได้ แม้จะจ่ายบิลเสร็จและเดินออกมาหน้าร้านแล้วก็ตาม
“ขับรถดีๆนะเว้ย ระวังๆกันด้วย”ฉันตะโกนสั่งเพื่อนก่อนจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์โดยส่วนตัวไม่ใช่คนชอบขับรถจักรยานยนต์มาโรงเรียนอยู่แล้ว ชอบที่จะนั่งรถประจำทางมากกว่า บ้านก็อยู่คนละทางกับสามคนนั้นเลยไม่มีใครไปส่งได้ แต่ก็ดีล่ะ เธอไม่ชอบซ้อนสักเท่าไหร่
“ไมล์”เสียงเรียกทักเบาๆข้างหลังทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย วันนี้ฉันขวัญอ่อนจังเลย!
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”ฉันวางสีหน้านิ่งๆแม้จะกดเกมส์เป็นปกติวิสัย แต่วันนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองจะเล่นมากกว่าปกติไปหน่อย เพิ่งจะเคยเห็นเขาทักเธอเป็นครั้งแรก
“พี่ไปส่ง”ดรีมหันมาพูดเบาๆก่อนจะสะกิดแขนให้ฉันเงยหน้า
“ไม่เป็นไร นั่งรถเมล์ไปก็ได้”
“เลิกเล่นเกมส์แล้วคุยกับพี่ดีๆไม่ได้เหรอ”น้ำเสียงน้อยใจนิดทำให้จำใจต้องละมือจากเกมส์ ทั้งที่จริงๆแล้วเลิกสนใจมันตั้งแต่โดนทักไปแล้ว หัวใจที่นิ่งสงบกลับมาเต้นรุนแรงอีกครั้ง
“....”ฉันหันไปสบตานิ่งๆ แม้ตอนนี้ป้ายรถเมล์จะมีผู้คนเดินพลุกพล่านแต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีเท่าไหร่นัก
“ให้พี่ไปส่งเราเถอะ”ชายหนุ่มหันมาคว้าขอมือเล็กก่อนจะจูงมาจนถึงรถจักรยานยนต์คันไม่ใหญ่นักหน้าร้านไอศกรีมที่ฉันและเพื่อนเพิ่งจากมา สุดท้ายก็ไม่พ้นต้องซ้อนท้ายใช่มั้ยเนี่ยวันนี้!
“พี่ดรีมไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ เราไมม่ได้รู้จักกันมาก่อน”ฉันหันไปบอกก่อนจะสะกดน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“อย่าพูดอย่างนี้สิ หืม ทำไมล่ะ”เขาคว้าหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมพร้อมทั้งคร่อมรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“มันจะดูไม่ดีสำหรับพี่ แล้วก็กลับไปช่วยในร้านดีกว่า”ฉันเหลือบแลเข้าไปภายในร้านก่อนจะสบตากับดวงตาสีดำสนิทของรุ่นพี่ที่จ้องเขม็งเข้ามาแต่ฉันไม่สนใจส่งไปเพียงแค่สายตานิ่งๆก่อนจะหันกลับมาคุยกับคนตรงหน้า
“พี่ขอเวลาเขาเดี๋ยวเดียวเองนะไมล์”
“ก็กลับเข้าไปช่วยงานเถอะค่ะ ไมล์กลับเองได้”
“ขึ้นมาเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”เขาหันมาคว้าข้อมืออีกครั้ง ครั้นจะขัดขืนก็จะดูใส่จริตผู้หญิงจนคนข้าวในอาจจะเดาว่า ‘อ่อย’ ชายตรงหน้า ฉันจึงตามขึ้นไปนั่งดีๆก่อนจะสวมหมวกเพื่อความปลอดภัย
ตลอดทางฉันนั่งกอดกระเป๋าเงียบกริบ ฉันรู้ว่าฉันยังเด็กที่ไม่ประสีประสา แต่ความที่อ่านอะไรต่างๆมากมายและยอมรับว่าหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกมันธรรมดาที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่ที่แน่ๆฉันอายุแค่นี้แต่กลับมีความคิดบ้าๆเข้ามาในหัวแทน คิดบ้าอะไรอยู่เนี่ยไมล์เอ๊ย
และก่อนที่ความคิดจะเตลิดเตลยไปไกลกว่านั้น รถก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้านปูนสองชั้นหลังเล็กในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ฉันลงจากรถเร็วจนแทบจะกระโดดก่อนจะปลดหมวกกันน็อกส่งคืนให้เขา
“ขอบคุณ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าพี่ไม่ต้องลำบาก”
“ไม่เห็นจะลำบากเลย บ้านเราก็ไม่ได้ไกล”ชายหนุ่มหันมาพูดยิ้มๆพร้อมกับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าห่วงใย แต่คนไม่ประสามีเหรอจะรับรู้ได้เต็มที่
“ถ้าแม่รู้จะทำยังไง พี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะแตะต้องได้ง่ายๆ เป็นถึงเดอะปริ๊นซ์ในแคลนอามี่”ฉันหมายถึงกลุ่มหนึ่งในเกมส์ยิงปืนที่เล่นกันอยู่บนโลกออนไลน์ก่อนจะรวมตัวกัน สร้างชื่อและเล่นกันเป็นทีม
“มันใช่เสียที่ไหนเล่า อย่าเอาฉายาของพี่มาใช้ในชีวิตจริงแบบนี้สิ”
“ในชีวิตจริงพี่ก็เป็นอยู่ดี”หญิงสาวอุบอิบเบาๆกับตัวเอง
“เจอกันในเซิร์ฟนะพี่จะรอ”ชายหนุ่มหันมาสั่งเบาๆว่าจะออนไลน์อยู่ในเซิร์ฟเวอร์เกมส์ เวลาเดียวกันทุกวัน
“ใครเขาจะเล่นด้วย ขับรถกลับดีๆล่ะ ไมล์ไม่รู้หรอกนะว่าพี่ไปเตี๊ยมกับใครมาเสียเหมือนเปี๊ยบ แต่ขอบอกตรงนี้เลยนะว่าผู้หญิงที่ใช้ชื่อวีนัสคือฉันเอง”ฉันบ่นก่อนจะยืนส่งเขาจนรถหายลับจึงเดินเข้าไปในบ้าน
เดินเข้าไปทักทายแม่ก่อนจะขอตัวขึ้นมาทำการบ้านจนเสร็จไม่นานนัก อาบน้ำไล่ความง่วงงุนออกไปแล้วจึงลงไปทานข้าว คุยเรื่องสัพเพเหระกันในครอบครัว พ่อกับแม่มักบ่นเสมอว่าฉันทำตัวไม่เหมือนเด็กผู้หญิง ไม่รักสวยรักงามแต่ก็น่าจะดูแลตัวเองอีกสักหน่อย ไม่ใช่ดูแต่อนิเมะ เล่นแต่เกมส์ แม้พวกท่านจะบ่นแต่ก็อมยิ้มที่ฉันพูดคุยเจื้อยแจ้วโดยไม่ให้มันเข้าเนื้อตัวเอง อย่างน้อยๆก็ทำให้ท่านสบายใจได้อยู่เรื่องการเที่ยวกลางคืนเพราะถ้าใครที่เป็นเหมือนฉัน จะรู้ดี!!
เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งสองทุ่มครึ่งฉันและกลุ่มเพื่อนๆก็รวมตัวกันเหมือนทุกวันเพื่อจับกลุ่มเล่นเกมส์ตามปกติ
แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเวลาเดียวกันนี้มันดันมีเหตุการณ์อย่างอื่นเข้ามาน่ะสิ
ฉันนั่งแล่นเกมส์อยู่คนเดียวด้วยความเหงาหงอยเพราะพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านออกไปดินเนอร์กันสองคนทิ้งให้ฉันอยู่บ้าน เพื่อนในกลุ่มก็ไม่ว่างเพราะต้องนั่งปั่นงานกันหัวหมุนเพื่อส่งในวันถัดไป เลยปล่อยให้ฉันซังกะตายอยู่หน้าโต๊ะคอมก่อนที่กดออกจากเกมส์ก็มีคนแชทหน้าวอลล์ของเกมส์เสียก่อน
บุคคลนิรนามในโลกออนไลน์ใช้นามแฝงตัวละครว่า ‘The pRinceARMY’เขาพูดประมาณว่า หาคนเล่นด้วย ด้วยความที่วันนั้นเบื่อจริงๆเลยเกิดอยากทักคนแปลกหน้าอีกสักคนก็เลยทักไป ก่อนจะคุยไปคุยมาจนถูกคอ แล้วก็ได้รู้ว่าบุคคลนั้นชื่อ ดรีม แต่ไม่รู้อายุหรือหน้าตา ฉันคุยกับดรีมอยู่นานและเล่นเกมด้วยกันทุกวันในวันที่ว่าง เพราะเพื่อนไม่อยู่หรือไม่อยากเล่นกับเพื่อน เราแอดเพื่อนกันไว้ เวลาออนไลน์ก็จะขึ้นสถานะ นานนับเดือนเขาก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจนกระทั่งฉันดันเผลอพลั้งปากบอกไปว่า ใช้โปรแกรมพูดคุยกันเวลาเล่นจะได้ไม่ต้องพิมพ์ให้เมื่อยดีไหม ทั้งที่ปกติฉันจะปกปิดตัวตนของตัวเองมากเพราะกลัวจะเจอคนรู้จัก เพราะเวลาเขาพิมพ์กระมังถึงทำให้ฉันไว้ใจ
วันนั้นฉันคงจะเผลอมีความสุขไปกับอนิเมะที่ดูมากเกินไปจึงเผยท่าทีแบบผู้หญิงไปแบบเซ่อๆ เพราะดันเอารูปตัวเองลงไปในโปรแกรมโดยที่ไม่สนใจว่าคนที่เล่นเกมด้วยกันเพียงเดือนเดียวจะคือคนรู้จัก แถมยังเป็นรุ่นพี่ในโรงเรียนเดียวกันอีกด้วย!!!
วันนั้นฉันเล่าประวัติตัวเองให้เขาฟังแทบทุกเรื่องโดยไม่สนใจว่าคนฟังจะจำอะไรไปบ้าง เล่าเรื่องที่น่าอับอายของตัวเองและอะไรหลายๆอย่างนับไม่ถ้วนในคืนวันเสาร์จนถึงตีสามพี่เขานั่งฟังฉันแบบไม่บ่นสักคำแถมฉันยังเผลอบอกชอบไปอีก มันก็ต้องมีบ้างที่จะรู้สึกชอบใครสักคนที่เราเห็นว่าเขาเป็นไปในแบบที่เราชอบ ทั้งเล่นเกมส์เก่ง สุภาพ ฉลาดแถมยังความจำดี เวลาฉันเบื่อๆมาจากโรงเรียนก็สรรหาเรื่องมาคุยจนทำให้คนที่คิดว่าหัวใจตายด้านเพราะไม่เคยใช้อย่างฉันเต้นถี่ระรัวจนอดตกใจตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
ฉันจำวันนั้นได้เพราะเขาเอารูปตัวเองลงโปรแกรมพูดคุย หลังจากที่ฉันเล่นเฟซบุ๊คไปตอนเที่ยงคืนและรับแอดรุ่นพี่ในโรงเรียนโดยไม่ได้สนใจว่าอะไรทำให้เขาแอดมา ฉันตกใจเล็กน้อยก่อนจะแซวเขาแก้เขินเพราะดันบอกชอบเขาไปแล้ว พลั้งปากไปอย่างจังแล้วถ้าเป็นรุ่นพี่ฉันจริงๆ คงอายน่าดูแถมไม่รู้ว่าจะมองหน้ากันติดมั้ย
‘เห้ๆ ปลอมชื่อรุ่นพี่ที่โรงเรียนแล้วยังเอารูปเขามาลงอีก’
‘ไม่ได้ปลอม เนี่ยรูปพี่เอง’
‘โว้ โม้แล้ว เอารูปตัวเองมาลงดีกว่า อย่ามาโมเมแกล้งไมล์แบบนี้เลย’
‘ไม่เชื่อพี่เหรอ แล้วจะให้พี่ทำยังไง’
‘ถ้าประวัติธรรมดาพี่ดรีมก็อปปี้ก็รู้ของพี่ดรีมแท้น่ะสิ แต่ครั้นจะหาหลักฐานอย่างอื่นมาถามก็ไม่รู้จะถามอะไรเพราะไมล์ก็ไม่รู้ประวัติพี่เขา’
‘อยากรู้อะไรล่ะ’เขาถามพร้อมกับหัวเราะเข้ามาในไมค์
‘พูดอย่างกับรู้’
‘ต้องรู้สิ ก็นี่มันตัวพี่’
‘งั้น ลองท่องสูตรฟิสิกส์กับบรรยายทฤษฎีที่พูดในงานวันนั้นหน่อย’ฉันถามจบก็นั่งฟังเขาร่ายยาวเรื่องทฤษฎีที่พูดในงานโรงเรียนอย่างละเอียดยิบแม้ว่าเธอจะไม่ได้ไปนั่งดูแต่ก็เดินผ่านบ้าง เป็นธรรมดาที่เราจะชอบมองคนหล่อ ใช่ นั่นเพราะยัยตาชวนไปฉันถึงไปแต่รุ่นพี่คนนี้ไม่ได้หันมาเหลือบแลที่ๆเรานั่งอยู่ด้วยซ้ำ
‘ว่าไง พี่จำได้นะว่าวันนั้นเราก็อยู่ในห้องประชุม’
‘…..’
‘เป็นอะไรไปรึเปล่าไมล์’
‘แค่ แค่นี้ก็ใช่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ไมล์สักหน่อย หาหลักฐานมายืนยันหน่อยสิ’ฉันพยายามแถไปทั้งที่ใบหน้าซีดเผือดไปนานแล้ว
‘เดือนหน้าพี่จะเปิดร้านหน้าโรงเรียนเป็นกิจการของพี่เอง พี่อยากให้เราไป’
‘ร้านหน้าโรงเรียนผุดเป็นดอกเห็ด จะรู้มั้ยล่ะว่าพี่อยู่ร้านไหน แล้วถ้าเกิดพี่เป็นใครก็ไม่รู้แล้วมาแอบอ้างแบบนี้รุ่นพี่ไมล์ก็เสียหายสิ อีกอย่างคนอย่างรุ่นพี่ไม่มีทางมาขายของได้หรอก’
‘ยังไงพี่ก็อยากให้เราหา ไม่ต้องเชื่อพี่ก็ได้แต่พี่คงไม่กล้าทักเฟซไปหรอก จนกว่าจะเจอหน้าเราจริงๆเหมือนกัน เราอาจจะแอบอ้างเป็นรุ่นน้องพี่ก็ได้’ เมื่อถูกชายหนุ่มย้อนอย่างนั้น คนอย่างฉันก็ขึ้นสิ
‘ก็ได้ ตามนั้น’หลังจากวันนั้นฉันก็เปลี่ยนชื่อหนีและไม่เข้าเซิร์ฟเวอร์เกมส์ที่เขาเล่นด้วยกันประจำอีกเลย
ทั้งรู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ก็รู้สึกกลัวไปด้วยเหมือนกัน ใครจะไปคิดว่าคนที่เผลอพลั้งปากบอกชอบผู้ชายคนแรกผ่านเกมส์ที่ตัวเองรักจะกลายเป็นคนที่มีตัวตนอยู่ แถมอยู่ใกล้สุดๆอีกด้วย ฉันต้องนั่งโกหกเพื่อนว่าอยากย้ายเซิร์ฟเกมส์ที่เล่นอยู่ประจำไปเล่นที่เซิร์ฟอื่น และขอร้องให้เปลี่ยนชื่อแคลน ซึ่งปรากฏอยู่ด้านหลังชื่อตัวละครในเกม เพื่อไม่ให้เขาตามเจอกว่าจะแถจนพวกมันยอมแล้วยังบ่นๆว่าสร้างชื่อมาตั้งนานต้องตั้งใหม่อีกแล้วฉันเลยได้แต่กลบเกลื่อน พยายามสร้างทุกอย่างใหม่หมด ลบเพื่อนในเกมส์ทิ้ง แต่ก็อดตามไปส่องไม่ได้ เห็นเขาออนไลน์อยู่หน้าล็อบบี้เซิร์ฟเกมส์เวลาเดิมที่เล่นด้วยกันทุกวัน และรออยู่อย่างนั้นนานเป็นสัปดาห์ หัวใจของเธอกระตุกวูบโหวงเมื่อเห็นโปรไฟล์หลังการ์ดตัวละครเขียนว่า ‘พี่จะรอเรานะ’ ไม่รู้เธอควรจะเสียใจหรือดีใจที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งมารู้สึกดีด้วยมากขนาดนี้
จวบจนกระทั่งวันนี้ หลังจากที่แอบมองในรั้วโรงเรียนมานานอย่างไม่แน่ใจนัก เพราะรุ่นพี่ของเธอไม่เข้ามาทักเธอเลยสักครั้งแม้แต่เดินผ่านยังไม่อยากจะมอง ฉันคิดว่าตัวเองคงจะถูกหลอกเสียแล้วเพราะเขาไม่สนใจใยดีเธอเลย ความรักเล็กๆที่ก่อตัวอย่างหวานค่อยๆพังทลายลงเมื่อนานวันเข้า ฉันไม่สนใจที่จะเข้าไปทักเขาในเกมส์เพราะคิดไปแล้วว่าบุคคลคนนั้นโกหกและกุเรื่องเป็นตุเป็นตะ จนคนอย่างฉันคิดไปไกล น้ำหน้าอย่างฉันจะไปมีคนหล่อ นิสัยดีที่ไหนมาชอบ สวยรึก็เปล่า ฉลาดรึก็แค่เอาผ่านแบบเฉียดฉิวเวลาสอบ
ครืดดดดดดด ครืดดดดดดด !!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ ความคิดฟุ้งซ่านหลุดลอยไปก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หมายเลขไม่คุ้นตาไม่แน่ใจนักว่าจะกดรับดีหรือไม่
ติ้ง ติ้ง !!
เสียงแชทดังขึ้นแทนเพราะฉันไม่รับโทรศัพท์ก่อนจะย่นคิ้วเพราะเห็นว่าเป็นใครทักมา
‘รับโทรศัพท์พี่หน่อย
นะไมล์’ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกฉันจึงตัดสินใจรับและกรอกเสียงลงไป ในใจก็คาดหวังสิ่งที่เขาทำและน้ำเสียงจะช่วยยืนยันมากขึ้นไม่ใช่ว่าถูกเพื่อนเตี๊ยมหรือสวมรอยแกล้งเธอแบบในนิยายน้ำเน่า
“สวัสดี”
“ขอบคุณที่รับสาย พี่ดีใจที่ไมล์ไม่ได้โกหก”ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงดีใจจนฉันที่เป็นคนฟังยังรู้
“ต้องถามตัวเองมากกว่าว่าเตี๊ยมกับเพื่อนมาดีเกินไปหรือเปล่า”ฉันหันไปแดกดัน
“ยังไม่เชื่อพี่อีกเหรอไมล์”
“ก็เห็นๆอยู่ ถ้าเป็นรุ่นพี่จริงแล้วแสดงออกว่า...ว่าอยากรู้จักจริงๆก็น่าจะเข้ามาทักกันบ้าง”
“ไมล์ยังไม่ทักพี่เลย”เสียงน้อยใจแว่วมาตามสายจนเธอรู้สึกผิด
“อะไรกัน ตัวเองเป็นผู้ชายจะให้ผู้หญิงเขาไปทักก่อนโต้งๆ”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ ไปเจอกันที่ร้านไอติมนะ”
“ไปงั้นก็เตี๊ยมกันน่ะสิ”
“เมื่อไหร่จะยอมเชื่อสักที เราเนี่ย”
“พรุ่งนี้วันอะไรก็หาของมาละกัน ถ้ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไมล์ก็จะเตรียมของไมล์ไปไปเจอที่ดาดฟ้าตึกสี่”
“พี่จะไป”ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจเสียจนไม่น่าเป็นอาการของคนโกหก
“ไมล์ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกสนุกสนานของคนในกลุ่มพวกพี่หรอกนะ”
“ต้องให้พี่ทำยังไงเราถึงจะเชื่อกัน”
“ไมล์มีวิธีของไมล์ก็แล้วกัน”พูดจบก็ตัดสายก่อนจะทิ้งตัวลงนอน เธอต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าคนที่พูดกับคนที่พิมพ์และคุยคือคนเดียวกัน
เวลาบ่ายแก่จัดในวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ อากาศของฤดูร้อนไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่นั่งเล่นเกมส์เพลส์สะท้าน สายลมร้อนพัดผ่านแม้ไม่เย็นสบายตัวนักแต่ก็ทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านบนไม่รู้สึกห่อเหี่ยวไปตามดอกไม้ใบหญ้าที่โดนแดแผดเผาด้านล่าง
ชายหนุ่มที่รอคอยเดินออกมาจากประตูดาดฟ้าก่อนจะนั่งลงข้างๆคนที่เล่นเกมส์อย่างเอาเป็นเอาตายใส่หูฟังอินเอียร์จนไม่สนใจเสียงข้างๆ
“สนใจพี่บ้างสิไมล์”ดรีมว่ายิ้มๆก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นเธอเล่นเกมโอเวอร์เพราะตัวเกมที่ควบคุมอยู่ตายลง
“หยิบโทรศัพท์มาหรือเปล่า”ฉันถอดหูฟังออกก่อนจะหันไปมองหน้าเขา
“เอามา ทำไมเหรอ”
“โทรหาหน่อยแล้วไปยืนตรงนู้น”ชายหนุ่มยอมเดินไปแต่โดยดีก่อนจะโทรออกแล้วรับสาย
“วันนั้นที่พี่บอกเราน่ะพี่พูดจริงๆนะไมล์”
“ทำไมพี่ถึง”ฉันหันไปสบตาแต่หูยังแนบโทรศัพย์อยู่
“พี่ชอบไมล์นะ”แม้จะเป็นเป็นเพียงคำพูดสั้นๆก่อนจะสั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อชายหนุ่มเดินตรงมาหาก่อนจะดอกกุหลาบสีขาวออกมายื่นให้
“พี่ดรีม”
“พี่ไม่รู้จะพูดยังไงให้เราเชื่อ พี่คงทำได้แค่แสดงออก พี่ชอบเราจริงๆนะทุกครั้งที่พี่พูดพี่ไม่เคยโกหกไมล์เลย พี่อยากจะทำมากกว่านั้นแต่พี่ก็กลัวไมล์ตกใจ เลยไม่กล้าเข้าไปทัก พี่อยากเจอเราที่ร้านแล้วเราก็มาจริงๆ”
“ทำไมถึงชอบไมล์ได้ล่ะคะ ทั้งที่เราแทบไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ”
“รักแรกพบละมั้ง”ชายหนุ่มยิ้มขำๆก่อนจะหยิบป้อกกี้ออกมาคู่ดอกกุหลาบแล้วยื่นให้
“บ้านะสิ ถ้ารักแรกพบมันต้องเห็นหน้าไม่ใช่เหรอ”หญิงสาวหน้ามุ่ยก่อนจะคิดแบบเด็กๆ
“แต่พี่เห็นใจเราก่อนนี่นา ถามมาว่าพี่ชอบเราได้ไง ใครก็ไม่รู้พูดกรอกหูอยู่ทุกวัน คิดถึงดรีมจังเลย ดรีมว่างมาเล่นเกมด้วยกันมั้ย ดรีมกินข้าวหรือยัง ไม่สบายอย่าลืมกินยานะ จะไม่ให้พี่ชอบเราได้ไง”
“แต่ เราไม่เคยเจอหน้ากันด้วยซ้ำ”
“ก็พี่บอกไปแล้วพี่เห็นนิสัยเราก่อนจะเห็นหน้าเราพี่ยังชอบเราได้เลย”
“พูดบ่อยไปแล้วนะคำนั้น”ร่างเล็กอายม้วนใบหน้าแดงก่ำกลั้นยิ้มจนคนยืนดูต้องจับหัวเล็กหันหน้ากลับมาคืน
“เราล่ะทำไมถึงชอบพี่”
“ก็ พี่นิสัยดี”
“ไม่กลัวว่าเห็นหน้าพี่แล้วจะตกใจบ้างเหรอ”
“รูปร่างหน้าตามันก็แค่เปลือกนอก ผู้หญิงทุกคนต้องชอบหน้าตาอยู่แล้ว แต่ในเมื่อสารภาพไปแล้วก็ต้องยอมรับผลของมันจริงมั้ยล่ะ ไมล์ไม่ใช่คนใช้คำพูดพล่อยๆเที่ยวไปสัญญากับใครง่ายๆ นั่นเพราะพี่ทำให้มั่นใจจริงๆถึงพูดออกไป”
“ก็แฟร์ดี”พูดจบก็จับมือเล็กยัดกุหลาบและป็อกกี้ลงไป
“รู้มั้ยว่าทำไมไมล์ถึงไม่ยอมเชื่อพี่สักที”
“ทำไมล่ะ”คราวนี้เป็นเธอเองที่อยากพูดปกติเธอก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรง่ายๆหรอกเพียงแต่ครั้งนี้เธอจะตกหลุมที่เรียกว่ารักจังเบ้อเริ่มก็เลยต้องกลัวเป็นธรรมดา
“ก็อยากได้ยินอีกคำนึงจากปากพี่ เรียกความมั่นใจหน่อยสิ”แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่แต่ใจที่เต้นรัวทำให้เธอแทบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ได้
“ยัยเจ้าเล่ห์”ดรีมยกมือขยี้ผมรุ่นน้องที่จะเลื่อนสถานะเร็วๆนี้อย่างเอ็นดู
“รักมั้ย?”ฉันถามอะไรออกไป ฉันทำอะไรลงไป
“พี่รักไมล์นะ”
“โอเค เชื่อ”บทจะเชื่อก็เชื่อดื้อๆอย่างนี้มันนั่นแหละ
“เป็นแฟนกันมั้ย”น้ำเสียงจริงจังไม่มีแววล้อเล่นของคนตรงหน้าทำให้คนฟังสั่นสะท้าน ไม่คิดว่าความรู้สึกแบบนี้จะได้รับการเติมเต็มเข้ามาในส่วนลึกของหัวใจได้
“ก็พลาดมาตั้งไกลแล้วหนิ แค่นี้จิ้บๆ”ฉันยิ้มรับหน้าตาตื่นไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้มีความรักแบบนี้อย่างคนอื่นเขา สำหรับใครอื่นอาจจะมีเข้ามาในชีวิตนับครั้งไม่ถ้วน อาจจะเจอกันในโรงเรียน เดินสวนกันบนถนน สั่งอาหารพร้อมกัน หรือแม้กระทั่งเป็นคู่กัดกัน ไม่มีใครกำหนดหรือนิยามการพบรักได้ตายตัว ว่าอย่างนี้คือรักแท้ อย่างนี้จะมั่นคง ความรักมันอยู่ที่คนสองคนมากกว่า ว่าจะจับจูงมันไปในทิศทางใด ทุกคนต้องมีรักครั้งแรกกันทั้งนั้นอาจจะไม่สมหวังเสมอไปเพราะเป็นวัยที่เรียกว่าปั๊ปปี้เลิฟ รักแบบเด็กๆ แต่อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้กันนะ...
ปล.เขียนเกือบจะจบตอนแล้ว ดึกๆวันอาทิตจะมาอัพนะคะ กลใจพันธการนะ
ขอบคุณที่เปิดผ่าน วิ่งผ่าน เดินผ่านกันนะค้า