มิราผู้ผิดหวังกับความรัก พรที่พระพรหมเล่นตลกกันเธอ จากหญิงสาวตัวดำหน้าตาธรรมดากลับกลายเป็นหญิงสาวที่สวยจนคนต้องเหลียวหลัง หนุ่มเฟอเฟคหลายคนรุมจีบร่วมแก้ปัญหารักหลายเศร้าไปกับมิราใน หากดาวดวงนั้นคือเธอ

“หากฉันจะรักใครสักคนก็ทุ่มเทให้หมดใจแม้แต่หางตายังไม่เคยชำเลืองมองใครอื่น” มิราเอ่ยปากบอก นิรมนเพื่อนรัก 

พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ 

“ว่าแต่ สุดที่รักของแกแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยได้ไหม” มิราอมยิ้ม 

“ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเหลือแกกับฉันสองคนที่ยังนั่งบนคานทั้งคู่” น้ำเสียงร่าเริงสดใสทำไมจะไม่ได้ก็ในเมื่ออยากจะอวดเพื่อนอยู่แล้ว นิรมนยิ้มหวานหยดเธอเป็นคนที่สวยโดยกำเนิดแล้วยังไม่พอใจความสวยที่ติดตัวมา การแต่งเติมความสวยด้วยการทำศัลยกรรมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุดต่างกับมิราที่สวยเรียบๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร อาจเป็นเพราะมิราไม่เคยแม้แต่จะดัดขนตาด้วยซ้ำการที่เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะห้าวหาญเกินหญิงจึงไม่มีผู้ชายสักคนผ่านเข้ามาในชีวิตมีเพียงปัณภัทรเท่านั้นที่เอ่ยได้เต็มปากว่าคบหาดูใจกันอยู่ 

“เขาชอบแกตรงไหนมิรา” นิรมนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

“คง...ตรงที่ฉันเป็นฉันละมั้ง” มิรานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าปัณภัทรชอบมิราตรงไหน จะว่าสวยมิราก็ไม่ได้สวยขาดบาดใจ ชนิดที่ผู้ชายเห็นต้องเหลียวหลังจึงทำให้ครองโสดอยู่ได้ไม่มีใครมาจีบ นิรมนต่างออกไปนิรมนค่อนข้างเลือกจนกลายเป็นคนที่ไม่มีใครเหมือนกันทั้งๆ ที่หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เมื่อพบนิรมนครั้งแรกมักจะเก็บอาการไม่อยู่เลยทีเดียวอาจเป็นเพราะการแต่งตัวที่วาบหวิว 

“แล้วแกคิดว่าคนนี้ตัวจริงแน่หรือ” 

“ใช่สิพี่ปัณเขาน่ารักเอาใจเก่ง เราวาดอนาคตไว้ด้วยกันแล้วนะ เมื่อแต่งงานกันแล้วพี่ปัณเขาจะให้ฉันอยู่บ้านเฉยๆ เป็นแม่บ้านดูแลลูกปีแรกเราจะปล่อยให้มีลูกกันเลย” มิราบอกเล่าความฝันที่มีร่วมกันกับปัณภัทรให้เพื่อนรักฟัง 

“ฉันชักอยากเห็นหน้าที่รักของแกเร็วๆ แล้วสิ อย่างนั้นวันนี้เลยดีไหมแก ฉันว่าง” นิรมนออกปากแววตาระยิบระยับ มิรายกนาฬิกาข้อมือดูด้วยความเคยชินมากกว่าจะดูเวลาจริงๆ 

“เอาอย่างนั้นเลยเหรอ เดี๋ยวฉันโทรหาพี่เขาก่อน” นิรมนเลิกคิ้วสวยเป็นเชิงเข้าใจ 

“ว่าง...พอดีเลย เย็นนี้ไปกินข้าวเย็นกับพี่เขากัน” นิรามนขยับเสื้อเกาะอกที่เผยให้เห็นเนินเนื้อชัดเจนให้แน่นขึ้นเหมือนการเตรียมพร้อม มิราเบ้ปากอมยิ้มน้อยๆ นึกขำที่นิรมนทำท่าเป็นงานเป็นการ 

“แกไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้” 

“ก็ฉันได้ยินว่าพี่เขาเป็นถึงระดับผู้บริหารเครือสหโชติเลยที่เดียวฉันทำเพื่อแกเลยนะพี่เขาจะได้ไม่ดูถูกแกได้ว่าคบเพื่อนบ้านๆ” มิราหัวเราะคิกคัก 

“แกคิดมากพี่เขาไม่ถือสาหรอกดูอย่างฉันสิไม่เห็นต้องเปลี่ยนอะไรเลย” มิรารู้สึกมั่นใจในตัวของปัณภัทรเพราะคบหากันมานาน นิรมนยิ้มหวาน 

“ดีใจด้วยจริงๆ นะแก ที่แกพบคนที่จริงใจขนาดนั้น” มิราสุดลมหายใจเข้าก่อนจะถอนหายใจยาวๆ 

“ฉันก็อดที่จะเป็นห่วงแกไม่ได้นะนิราเมื่อไหร่แกจะเจอคนดีๆ แบบฉันสักที” มิรากุมมือนิรมนแน่น 

“ไม่ต้องเป็นห่วงแค่ฉันเห็นแกมีใครที่รักจริงฉันก็พอใจแล้วของฉันมีเป็นกุรุส555” ทั้งสองหัวเราะด้วยความสุข มิราคิดว่าอย่างไรเสียนิรมนก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งทีเดียว 

ภัตตาคารหรูบนเรือลำใหญ่ในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้องจองโต๊ะล่วงหน้าสำหรับบุคคลอื่นแต่สำหรับปัณภัทรเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว มิรานั่งมองพระอาทิตย์อัสดงสีหมากสุก สวยไม่ร้อนแรงหากอ่อนแสงลงในยามสนธยา 

สายตาคมบนใบหน้าหล่อเหลาของปัณภัทร ที่คอยเหลือบมองทุกอากัปกิริยาของนิรมน ไม่ต่างจากชายอื่นยามที่มองนิรมน อาหารถูกนำเสิรฟจนครบ ปัณภัทรคลี่ผ้ากันเปื้อนคลุมหน้าขาให้มิราอย่างเอาใจ 

“ขอบคุณค่ะพี่ปัณ” มิราสบตาคม 

“นิราเรียก..พี่ปัณ..เหมือนที่มิราเรียกก็ได้นะ” มิราเม้มริมฝีปากแต่ก็คลายมันออกมาเป็นรอยยิ้มเพราะไม่ได้คิดอะไร 

“จริงฉันเห็นด้วย ดีกว่าเรียกคุณปัณภัทรมันดูอย่างไงพิกล” นิรมนยิ้มหวานหยดตามแบบฉบับของเธอ 

“คือพี่ปัณเขาชวนฉันไปเที่ยวญี่ปุ่นปลายเดือนนี้ แกว่างไหมนิรา” นิราเลิกคิ้วฉีกยิ้ม รอยยิ้มหวาน แววตาขี้เล่นน่ามอง 

“ฉันไม่อยากไปเป็นก.ข.ค” น้ำเสียงทีเล่นทีจริงหากแต่จะค่อนไปทางเล่นมากว่าจริง 

“ก็สิ้นปีนี้แกไม่มีนัดกับใครไม่ใช่เหรอ เที่ยวคนเดียวสนุกตายล่ะ” ปัณภัทรมองสบตานิรมนอย่างเปิดเผย 

“นิราอยู่คนเดียวหรือครับไม่น่าเชื่อ” นิรมนทำตากลมยิ่งทำให้กิริยาของเธอน่ารัก 

“เชื่อเถอะค่ะพี่ปัณนิราเขายังไม่มีใครยังไม่เจอคนที่ถูกใจ” ปัณภัทรยิ้มพึงใจสบตานิรมนนิ่งเหมือนจะค้นหาความจริง 

นิรมนแก้มแดงด้วยความเขินอาย 

ปัณภัทรเลือกตักของที่มิราชอบใส่จานให้มิราก่อนจะเอื้อมมือตักของที่ตัวเองชอบใสจานให้นิรมน นิรมนย่อตัวแสดงความขอบคุณเนินอกเนียนขาวไหวขึ้นลงชวนมอง 

อะไรกันนี่คือการดูตัวหรืออย่างไรและมีมิราทำหน้าที่เป็นแม่สื่อ มิราพยายามบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก 

เช้าที่อากาศไม่เป็นใจ บรรยากาศขมุกขมัวคล้ายกับว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้น้ำตาฟ้าจะกระหน่ำลงมาทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาว 

มิราใช้กระบอกฉีดน้ำฉีดน้ำใส่ดอกไม้สดในร้านอย่างสบายอารมณ์อีกไม่กี่วันเธอจะเดินทางไปท่องเที่ยวกับปัณภัทรอย่างมีความสุขเป็นอีกหนึ่งโครงการก่อนที่จะแต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึง 

ปัณภัทรในเสื้อสูทอย่างที่มิราคุ้นเคยเขาเป็นคนที่ต้องทำตัวให้ดูดีอยู่เสมอ นี่เองที่บรรดาเพื่อนๆ ของปัณภัทรพากันสงสัยว่าทำไมปัณภัทรถึงมาชอบผู้หญิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างมิราได้ 

“มิรา พี่จะแต่งงาน” ปัณภัทรกุมมือมิราไว้ มิรารู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดของปัณภัทรก้มหน้าหลบตาคม ที่จ้องมอง 

ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มิราคิดว่าอีกประเดี๋ยวปัณภัทรต้องล้วงเอาแหวนออกมา แกล้งเสมองทางอื่นเพื่อรับมุข 

แต่ตั้งนานมิราก็ยังไม่เห็นว่าปัณภัทรจะหยิบแหวนออกมา ปัณภัทรกับอึกอักอยู่ตรงนั้นสีหน้านักใจที่มิราเห็นว่าเขาไม่ได้แกล้งทำแต่อย่างใด 

“มิรา... พี่ๆ ...คือพี่...ขอโทษด้วย” สุดท้ายก็หลุดคำพูดขอโทษออกมา 

“ขอโทษเรื่องอะไรคะพี่ปัณ” แววตาฉงนในคำพูดที่แผ่วเบา ดั่งกับละอองนุ่นที่พร้อมจะหลุดลอย 

“พี่...พี่ กำลังจะแต่งงานกับ....นิ..รา....” มิราเผลอดึงมือออกจากมือของปัณภัทรอย่างแรงไม่มีคำพูดใดใดหลุดออกมาดวงตาร้อนผ่าวกลืนก้อนแข็งๆ ลงคออย่างยากเย็นอยู่ๆ น้ำตาก็เอ่อล้นออกมา 

“ทำไมคะ ไหนพี่เคยบอกว่าอยากใช้ชีวิตร่วมกับมิรา” ไม่แม้แต่จะมองหน้าของปัณภัทร ความเสียใจน้อยใจแล่นขึ้นมาจุกที่อก 

“มิราพี่ขอโทษ อย่าโกรธพี่เลยนะ เราสองคนรักกัน” แล้วความรักของมิราเล่า ข้างนอกร้านขายดอกไม้ของมิราฝนตกกระหน่ำลงมาหยาดฝนไหลรินตรงประตูกระจกคล้ายกับเศร้าเสียใจไปกับมิรา ดอกไม้สวยสดในร้านกับดูจืดชืดหม่นหมอง 

“มิราเข้าใจ พี่ปัณกลับไปเถอะค่ะ มิราไม่อยากเจอพี่อีกเดี๋ยวนิราเขาจะเข้าใจผิด” พูดไปทั้งหมดเพียงเพื่ออยากได้ยินปัณภัทร บอกว่าไม่เป็นไรพี่จะอยู่ต่อพี่แคร์มิรา 

“พี่รู้มิราพูดไปอย่างนั้นมิราโกรธเราสองคน นิราเขาไม่อยากให้มิราโกรธเขา พี่ก็เช่นกัน” ข้างนอกนั่นความมืดจากพายุฝนเข้าปกคุลมไปทั่วบริเวณเหมือนความมืดมนในใจของมิราในขณะนี้ 

“มิรา....ไม่โกรธถ้าจะโกรธใครสักคนคงเป็นตัวมิราเอง ที่ไม่ดีพอสำหรับพี่ปัณ” สะอื้นไห้จนตัวโยนน้ำตาไหลรินเหมือนหยาดฝนที่สาดซัดเข้าใส่กระจกใสจนพร่ามัว 

“เราตกลงกันว่าพี่จะเป็นคนบอกเรื่องของเรากับมิราเอง นิราเขาไม่กล้าเขากลัวมิราโกรธ” เรื่องของเราช่างพูดได้เต็มปากเต็มคำ คำว่าเราเสียดแทงจิตใจของมิราเหลือเกิน ความจริงหากเป็นนิรมนมาบอกเธอเองเธออาจให้อภัยได้ แต่ก็ไม่แน่มิราไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น 

มิราใช้มือดันหลังของปัณให้ออกไปนอกร้านทั้งๆ ที่ฝนกำลังตก 

“มิราฟังพี่ก่อน มิรา...มิรา” บิดกุญแจปิดประตูจากด้านในหันหลังพิงประตูน้ำตาไหลรินไม่หยุด ปัณภัทรทุบประตูเรียกมิราสักพัก มิราปล่อยให้ตัวเองสะอื้นไห้อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะเศร้าเสียใจเรื่องอะไรได้ขนาดนั้น ปัณภัทรยังเรียกมิราอยู่อย่างนั้นสักพักนิรมนก็ถือร่มกันฝนคันโตมารับปัณภัทรเดินจากไปพร้อมกัน 

มิราทรุดตัวลงกับพื้นปาดน้ำตาที่ไหลรินพยายามสะกดกั้นอารมณ์เศร้าโดยหาเหตุผลต่างๆ มาหักล้างกันให้คลายความเศร้าโศกแต่ก็ไม่เป็นผล 

บิดกุญแจกระชากประตูเปิดออกอย่างแรง เดินออกไปข้างนอกเพื่อที่จะตะโกนถามคนทั้งคู่ว่าทำไมทำกับเธอแบบนี้ด้วยอารมณ์เศร้าโศกที่เปลี่ยนเป็นอารมณ์โกรธ 

แต่ทว่าไม่มีแม้แต่เงา เหลือบตามองเป็นการ์ดเชิญสีชมพูถูกเสียบไว้ที่ตู้ไปรษณีย์หน้าร้าน 

ซองสีชมพูหวานมิราดึงการ์ดข้างในออกมาดู รูปบนการ์ดที่ถ่ายแบบฟรีเวดดิ้งสวยงามสะดุดตา 

ปัณภัทรโอบกอดนิรมน ชุดแต่งงานราคาแพงสุดสวยบ่งบอกถึงฐานะของเจ้าบ่าวที่ทุ่มเงินเพื่องานนี้โดยเฉพาะ 

ด้านหลังซองเขียนด้วยลายมือของนิรมนที่มิราจำได้ดี 

แกต้องไปนะถ้าหากแกอภัยให้ฉัน 

เรารักกันและพี่ปัณเขายืนยันว่ารักฉัน 

ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังแกก็รู้ 

แต่เราทั้งคู่อยากให้แกมาจริงๆ  

มิรายกมือขึ้นปิดปากปล่อยให้น้ำตาไหลรินอยู่อย่างนั้นน้ำตากับหยาดฝนปนเปกันไปเมื่อหยาดฝนสาดซัดทั้งตัวและหัวใจของมิราจนเปียกปอน 

สวนสาธารณะแห่งหนึ่งร่มครึ้มไปด้วยแมกไม้สีเขียวสบายตา มิรายืนนิ่งอยู่ตรงศาลพระพรหมกลางสวนสาธารณะ ปล่อยน้ำตาไหลริน ความจริงมิรายังไม่สามารถหยุดความเศร้าทั้งหมดที่มีในเวลาที่ผ่านมาได้ต่างหาก 

“ทำไมต้องเล่นตลกกับลูกด้วยพระพรหมเจ้าขา” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีจริงมิรารู้ดี เพียงแค่มิราต้องการกล่าวโทษใครสักคนเท่านั้นหากไม่มีใครให้กล่าวโทษนอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่เป็นที่ระบาย 

สะอื้นจนนึกสงสารตัวเอง 

“ท่านทำไมไม่ให้โอกาสลูกบ้าง” เพียงได้พร่ำรำพันหรือได้ระบายเสียบ้างก็ยังดี 

อยู่ๆ ก็มียายแก่คนหนึ่งเดินตรงมาหามิราที่นั่งอยู่หน้าศาลพระพรหม 

“หนูยายไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว ขอเงินยายหน่อยได้ไหม” มิราล้วงกระเป๋าหยิบเงินจำนวนหนึ่งส่งให้ยายแก่ร่างกายซูบผอมปาดน้ำตาที่ไหลริน 

“ขอบใจนะหนู” 

“หนูเป็นอะไร” 

“เปล่าค่ะเพียงแต่หนูคิดว่าพระพรหมท่านช่างลำเอียงเสียจริง ลิขิตให้หนูเกิดมาหน้าตาขี้เหร่แล้วยังไม่ให้มีสิทธิ์เลือกได้เหมือนคนอื่นเขาอีก” 

“ท่านอาจยังไม่เห็นหนู ว่าหนูต้องเจอกับอะไรบ้าง พระพรหมท่านต้องทำงานหนักเพราะคนบนโลกนี้มีตั้งหลายคนอาจดูแลไม่ทั่วถึงหนูลองขอพรดูสิ” มิรานิ่งคิดที่ผ่านมาเธอไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ 

“ลองดูนะ ไม่เสียหายอย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจ ความหวังเท่านั้นที่ทำให้เราสุขใจ” 

มิรายิ้มบางๆ แทนคำตอบ 

“ยายขอให้หนูสมหวังในสิ่งที่ต้องการมีความสุขสมบูรณ์สมปรารถนา” มิราเพียงแต่พยักหน้า ยายเดินหายลับไปจากตรงนั้น มิรานั่งลงช้าๆ ยกมือขึ้นประนมลองขอพรดูหน่อยเป็นไรอย่างน้อยอาจทำให้สบายใจขึ้นบ้างอย่างที่ยายคนนั้นบอก 

ยายแก่แอบมองอยู่ไม่ไกล 

มิราพนมมือต่อหน้าพระพรหม 

“ท่านเป็นเทพแห่งความเมตตา ลิขิตชะตาชีวิตคน ลูกขอคนที่มีรักจริง และต้องการใช้ชีวิตร่วมกันกับลูกตลอดไป ด้วยเถิด” ดอกบัวในมือของพระพรหมสว่างวาบขึ้นทันใดมิราไม่ทันเห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้ายายแก่ยิ้มที่มุมปาก 

มิราเธอจะรู้หรือเปล่าว่าพระพรหมท่านคือ "พรหม" หมายถึง "ความเจริญ, ความกว้างขวาง, ความขยายตัว หรือความเบิกบาน” 

มิราในชุดราตรียาวสีฟ้าใสตัดกับผิวคล้ำแต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีชมพูกลีบดอกบัว ที่มิราชอบเธอผิวคล้ำไม่เหมาะกับสีฟ้าและชมพูแต่มิราชอบทั้งสองสี เกล้าผมสูงเผยให้เห็นลำคอระหงหากแต่ทรวดทรงองค์เอวที่ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งทำเอาชุดที่สวมอยู่เหมือนถูกสวมโดยท่อนซุงไม่ได้สวยสะดุดตาอย่างที่มิราตั้งใจให้เป็น 

ตัวก็ดำงามขำ...คล้ำยิ่งนัก 

สุดจะหักดวงจิตคิดเป็นอื่น 

จะขี้เหร่เกินไปไหม..แม่ขวัญยืน 

สุดจะฝืนใจให้รักปักอุรา 

หญิงสาวหลายคนมุงอยู่หน้าเวทีที่นิรมนกำลังจะโยนช่อดอกไม้เสี่ยงทายสำหรับคนที่อยากมีคู่ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว