ธนากร ศิริรัฐกร
รุ่องอนิมา เทิดพิริยะวงค์
รอยสลัก เทิดพิริยะวงค์
'ชินวรณ์ ศิริรัฐกร'
ยามนี้มีหญิงสาวนามว่า ‘รอยสลัก เทิดพิริยะวงค์’ได้แต่นั่งซึ่มที่หน้ากระจกของโต๊ะเครื่องแป้งมาพักใหญ่แล้ว คำถามเดิมๆวนเวียนในหัวของหญิงสาวไปมาว่าทำไมต้องเป็นเธอ?
ทำไม…และทำไม…เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดของชีวิตล฿กผู้หญิงแสนจะธรรมดาคนหนึ่งเช่นเธอจึงต้องมาพานพบเข้ากับสิ่งนี้!
คู่หมั้นของเธอกับน้องสาวในไส้คราญตามกันออกมาแท้ๆกลับแทงข้างหลังเธอชนิดตัดขั้วใจ!....
หากเป็นคนอื่น หากว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนอื่น จะเป็นใครก็ได้ที่หญิงสาวไม่เคยพบเจอไม่เคยรู้จักความเจ็บปวดมันคงไม่มากมายถึงเพียงนี้แต่ทว่านี่มัน…
น้องสาวของเธอเอง!
น้ำตาไม่มีจะไหลหรือจะพูดให้ถูกคือมันไหลย้อนกลับลงไปขังท่วมหัวใจจนหมดสิ้นแล้ว สายตาที่มองตอบเป็นเงาสะท้อนกระมาว่าในกระจกบานนั้นมียายผู้หญิงหน้าโง่คนหนึ่งมองสบสายตากลับมาในดวงตาแดงก่ำดังกับสายเลือดทว่า…
ไม่มีแหม้น้ำตาสักหยด วงหน้ารูปหัวใจเล็กๆมีเครื่องหน้าที่ดูแล้วแสนจะธรรมดาจืดชีดขนาดว่าถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของเครื่องสำอางค์ยี่ย้อดีราคาหลายพันคิ้วเข้มดกหน้าดำสนิทเหมือนผู้เป็นบิดาวันนี้ถูกกันจนเข้ารูปพอให้ดูดีรับกับดวงตากลมโตสีดำดังนิลเนื้อดีรับกันกับจมูกเล็กๆที่เที่ยบไม่ได้เลยกับจมูกโด่งสวยของผู้เป็นน้องสาวริมฝีปากนั่นก็อีกอวบอิ่มจนเธอมองว่ามันหนาเกินไปสำหรับสาวๆสมัยนี้ แต่ทุกครั้งที่เธอเคยพูดหรือบ่นกับคู่หมั่หมั้นหนุ่มเช่น’ธนากร ศิริรัฐกร’ก็จะบอกกับเธอเสมอว่า… ‘ผมชอบที่คุณเป็นคุณนะครับรอยผมไม่ได้สนหรือแคเรื่องรูปร่างหน้าตาของรอยสักหน่อยอย่าไปอะไรคนพวกนั้นนักเลย หรือรอยไม่เชื่อใจพี่หืม...’
แล้ววันนี้เล่า...
วันนี้มันคืออะไร รุ่งอนิมา ออกมาฟูมฟายว่าตนท้อง!...หากนั่นมันคือข่าวที่ว่าเลวร้ายในวันมงคลสมรสในวันนี้แล้วละก็ยัง...
มันยังมีอีก...เพราะไอ้พ่อเด็กในท้องน้องสาวเพียงคนเดียวของเธอก็คือ...เจ้าบ่าวของเธอในวันนี้นั่นเอง...
เจ็บที่ถูกนอกใจก็ว่ามากแล้ว...
ทว่าเจ็บจากคนที่เธอทั้งรักและไว้ใจที่สุดในชีวิตมาหักหลังกัน...มันหมดคำจะบรรยาย...
เอามีดมาเชือดคอเธอให้ตายลงไปช้าๆมังคงเจ็บไม่ได้เศษเสี้ยวธุลีของความเจ็บที่รอยสลักได้รับในวันนี้เอาเสียเลย
ก็อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเป็นทางการมากที่เดียว แน่ละว่ามันต้องเป็นเช่นนั่น...
"เชิญค่ะ"
เสียงแหบแห้งจนรอยสลักเองยังแปลกใจ...นี่เสียงของเราเองหรือ? ฮึ...ก็ต้องเป็นเสียงของเธอสิจะเป็นใครไปได้กันเล่าก็ในเมื่อนี่มันห้องนอนของเธอเองนี่นา สังสัยจะประสาทกลับไปแล้วแน่นอน ก็นะ ถ้าใครเจอแบบที่เธอกำลังเผชิญอยู่ถ้าไม่สติแตกขนบ้าก็คงใกล้เคียงอยูููููู่่่่่แล้ว
"แขกเริ่มทยอยมากันแล้ว คุณท่านให้ผมขึ้นมารับคุณครับ"
เสียงจากร่างสูงในชุดไทยราชปะแตนสีครีมเข้าชุดกับเธอยืนคอยอยู่แค่ตรงหน้าประตูห้องนอนของเธอเองอย่างสงบเรียบร้อยดังที่เธอเคยพบเจอเขาบ้างในยามที่ไปหาว่าที่อดีตเจ้าบ่าวมาดๆของหญิงสาวนั่นเอง
'ชินวรณ์ ศิริรัฐกร'
'เด็ก' ที่พี่'กร'เคยอธิบายสั้นๆบอกเพียงว่าบิดามารดาเขาเก็บมาเลี้ยงเนื่องจากพ่อของชายหนุ่มผู้นี้เคยมีบุญคุณกับสองสามีภรรยาบ้าน'ศิริรัฐกร'มาก่อนนั่นเองเลยต้องรับบุตรชายเพียงคนเดียวของอดีต'เพื่อนเก่า'ผู้วายชนย์มาดูแลสงเสียและหางานให้กับเขาผู้นี้เป็นการ'ตอบแทนบุญคุณ'
รอยสลักรู้จักชายผู้นี้แค่เท่านี้จริงๆ
นอกจากนั้นแม้แต่พูดคุยยังนับครั้งถูก
"เชิญครับ...ทุกคนรอคุณอยู่"
คำว่า'หน้าที่'และ'หน้าตา'ของสังคม มันผลักดันให้รอยสลักหญิงสาววัย25ปีจำต้องสูดลมหายใจเข้าปอดจนสุดกลัั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้ั้นจากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินหน้านิ่งสงบลำคอนั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย จำต้องทิ้งความเจ็บปวดบาดแผลใหม่หมาดและกองเลือดที่ยังคงไม่หยุดไหลเอาไว้เบื่องหลังแล้วค่อยๆก้าวเดินอย่างลูกสาวทหารที่ต้องเข้มแข็งและแกร่งให้ได้จนตราบลมหายใจเฮือกสุดท้าย...
"ไปสิค่ะ ดิฉันพร้อมแล้ว"
มือเรียวเล็กถูกวางลงไปบนอุ้งมือหนาใหญ่กว่าของหญิงสาวเกื่อบเท่าตัว วูบหนึ่ง...เพียงวูบสั้นๆที่ความอุ่นซ่านไหลผ่านมายังมือของรอยสลัก ความอบอุ่นที่เธอไม่เคยพบเจอหรือได้รับจากใครแม้แต่ชายอันเป็นที่รักคนที่หญิงสาวหวังร่วมชีวิตเองงเธอก็ยังไม่เคยรู้สึกได้แบบนี้มาก่อนเลย...
ทว่าความเจ็บ...ความตรอมตรมก็ผลักดันมันออกไปเร็วเสียจนเธอนึกเสียดายอย่างน้อยยามนีี้ ในยามที่เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดของชีวิตรอยสลักผู้เข้มแข็งแกร่งเกินหินผู้นี้ก็อยากได้อ้อมกอดอุ่นๆจากบิดาสักครั้งแต่ทว่า...
เธอก็แค่ฝันเก้อไปคนเดียวเพียงเท่านั่น
........