ตัวของพวกเราที่กำลังอยู่ใต้ฝาโลง

เรื่องสั้น

ตัวของพวกเราที่กำลังอยู่ใต้ฝาโลง

ตัวของพวกเราที่กำลังอยู่ใต้ฝาโลง

ert.อนันตกาล

เรื่องสั้น

0
ตอน
1.04K
เข้าชม
76
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง

เรื่อง ตัวของพวกเราที่กำลังอยู่ใต้ฝาโลง

กลิ่นดิน กลิ่นอับชื้นลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ ผสมผสานกลิ่นดอกซ่อนกลิ่นจางๆกับกลิ่นไม้ เป็นกลิ่นที่ปลุกให้พวกเธอตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล ที่นีไม่ใช่ที่ที่คุ้นเคยสำหรับพวกเธอ ที่นี่ที่ทั้งคับแคบ อับชื้น และมืดสนิท ท่ามกลางความมืดนั้น พวกเธอได้แต่พยายามมองไปมาในความมืดนั้นด้วยความงุนงง “ที่นี่ที่ไหน” นั้นเป็นคำถามแรกที่ผุดเข้ามาในความคิดของพวกเธอ ในขณะที่พวกเธอกำลังเรียบเรียงความคิดและสติให้เข้าที่นั้นพวกเธอก็ใช้สองมือคลำไปในความมืดอย่างช้าๆ ก่อนที่พวกเธอจะพบว่าตนเองนั้นถูกขังอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมแคบๆใบหนึ่ง

ในตอนนั้นก็ได้เกิดความเงียบระหว่างพวกเธอ ความเงียบที่ทำให้ได้ยินแต่เสียงลมหายใจ นานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้ในความมืดนั้นก็มีคนที่ทนไม่ไหว “พวกเราอยู่ในกล่องอะไรซักอย่างใช่มั้ย”เสียงหวานๆติดแหบนิดพูด ในขณะที่มือของเธอพยายามคลำไปมาระหว่างในกล่องในความคิดของเธออย่างระมัดระวัง “ทำไมเปิดไม่ออก”เธอว่าขณะพยายามออกแรงดันผนังฝังด้านหน้าแล้วก็ด้านข้างของเธอ “พี่มันเปิดไม่ออก!!!”เธอพูดด้วยความตื่นตระหนกขณะความคิดของเธอได้ประมวลผลและประติดประต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว “พวกชาวบ้านพวกนั้น ต้องเป็นพวกนั้นแน่ที่ทำแบบนี้” เธอพูดขณะที่ออกแรงทุบผนังของกล่องที่ปิดผนึกจนแน่นหนา “พี่พูดอะไรบ้างสิ!!”เธอว่าแล้วหันไปพูดกับคนที่อยู่ข้างๆในขณะที่มือข้างซ้ายของเธอยังคงออกแรงดันผนังที่หวังว่ามันจะเปิดออก “พี่!!”เธอว่าเสียงดังก่อนจะหยุดดันผนังแล้วเอามือข้างซ้ายไปเขย่าคนทางด้านขวาอย่างแรง

“เงียบก่อน นิ ”น้ำเสียงหวานเย็นๆติดจะเรียบเฉยพูดขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้อีกคนโวยวายสติแตกมาพักหนึ่ง “ก่อนอื่น ถ้าเราจะออกไปได้ ต้องดูก่อนว่าที่ที่เราอยู่นี่มันเป็นอะไร กล่อง ตู้ หรือ โลงศพ”เธอว่าขณะที่มือขวาของเธอลูบไปตามรอยต่อระหว่างมุมผนังเบาๆก่อนจะออกแรงกดเป็นจุดๆบางครั้ง “แต่จากที่ดูแล้วน่าจะเป็นอย่างหลัง”เธอว่าแล้วเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะสูดหายใจเข้าแรงๆ 2 -3 ครั้ง “และอีกอย่างอากาศในนี้ถึงจะอับไปนิด แต่เราก็ยังหายใจได้อย่างไม่อึดอัดแสดงว่าโลงนี่ต้องมีช่องว่างพอให้อากาศผ่านได้อยู่”

“แล้วมันยังไงล่ะ เราจะออกไปได้มั้ย มัวแต่พูดอยู่นั้นล่ะ รีบช่วยกันดันๆสิ” นิพูดสวนกลับมาทันใด ในขณะที่มือซ้ายของเธอทุบไปที่ผนังรัวๆ “บ้าเอ๊ย อย่าให้รู้นะใครเป็นคนทำ ฉันจะฆ่าให้หมดเลย”

“หยุดโวยวายก่อน”

“ไม่!!! พี่อย่ามัวแต่นิ่งอยู่นั้นล่ะช่วยกันดันสิ” นิว่า

“เฮ้อ..”พี่สาวของนิถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา แล้วตะหวาดสวนขึ้นมาเสียงดังลั่น “นิสา เงียบ!!!”

“...”นิสาแทบจะทันทีนิสาหยุดทั้งการพูดและการกระทำทั้งหมดโดยอัตโนมัติ “แล้ว...พี่ศิตาเราจะทำยังไงกันดีล่ะ”เธอพูดเสียงอ่อย

ศิตาไม่พูดอะไรก่อนที่จะใช้มือขวาลูบไปตามรอยต่อของพนังและดันเบาๆหลายครั้งจนเจอจุดที่เธอคิดว่าถูกปิดไว้ไม่แน่นหนาเท่าจุดอื่น “เจอแล้ว”เธอพูดเบาขณะลองกดย้ำลงที่จุดเดิม 2 – 3 ครั้งเพื่อความมั่นใจ “นิ ยกเท้าถีบแผ่นไม้ตรงด้านหน้าแถวๆปลายเท้าเร็ว”

“ปลายเท้า ?? ตรงหน้า ?? ”นิสาถามด้วยความงุนงง

“ก็แผ่นข้างบน”ศิตาใช้มือเคาะผนังตรงหน้า จนมีเสียงดังขึ้นมา “ตรงหน้า ตรงปลายเท้า”เธอย้ำอีกครั้ง “ทำพร้อมกัน เอาล่ะ หนึ่ง สอง สา..”ศิตานับยังไม่ทันเสร็จก็มีเสียงพูดคุยดังใกล้เข้ามา

“อะไรพี่ทำไมไม่นับต่...”นิสาถามด้วยความสงสัยแต่ไม่ทันพูดจบก็ถูกศิตาเอามือปิดปากของเธอไว้

“ชูว์...”ศิตาทำเสียงบอกให้เงียบก่อนจะตั้งใจฟังเสียงพูดเบาๆที่ดังใกล้เข้ามา

ที่นี่เป็นป่าช้าที่ส่วนหนึ่งของที่นี่ถูกขุดเป็นหลุมหลบภัยขนาดใหญ่ใช้เมื่อยามสงครามโลกซึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อสงครามจบลงที่นี่ก็ถูกทิ้งร้าง แต่ทว่าในยามนี้มันกลับถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง ในจุดประสงค์ที่ต่างไปจากครั้งแรกสร้าง จากที่ที่เป็นสถานที่หลบภัยตอนนี้กลับกลายเป็นที่จัดเตรียมการทำสุสานขนาดใหญ่ “พวกเขา”เหล่าชาวบ้านต้องการที่จะทำพิธีบูชายันต์ เพื่อแก้เคล็ดให้กับหมู่บ้านตามความเชื่อโบราณ ให้หมู่บ้านกลับมาเจริญหมดทุกข์ภัยอีกครั้ง ด้วยการบูชายันต์มนุษย์ ที่มีเครื่องสังเวยคือกาลกิณีที่ฉุดให้หมู่บ้านตกต่ำลง

“พ่อหมอครับทางนี้ ครับ”เสียงห้าวๆที่เต็มไปด้วยความน้อบน้อมดังขึ้น ผสานกับเสียงการเดินของหลายฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา

“...” พ่อหมอ มองหน้าคนถามเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจกับทางเดินตรงหน้าอีกครั้ง ทิ้งให้คนถามยืนเก้ออยู่ตรงนั้น ก่อนจะคนถามจะรีบเร่งตามฝีเท้าพ่อหมอไปอย่างรวดเร็ว

การมาของกลุ่มผู้มาใหม่ทำให้ศิตารู้สึกสะท้านไปทั้งตัว ความรู้สึกอันตรายที่มาจากคนกลุ่มนี้ทำให้เธอไม่อาจทำใจให้เย็นได้อีกต่อไป เธอรู้ดีว่าการปรากฎตัวของคนกลุ่มนี้ทำให้ไฟชีวิตของเธอค่อยดับมืดลง “หวาดกลัว” ตอนนี้เธอรู้สึกแบบนั้น แต่เธอก็รู้ว่าเธอจะแสดงมันออกมาไม่ได้ แต่ถึงแบบนั้นตัวของเธอก็ไม่อาจหยุดความสั่นกลัวได้ ร่างกายของเธอสั่นไม่หยุดแต่ปฏิกิริยานี้ก็ไม่ได้มาจากความคิดของเธอคนเดียวเท่านั้น แต่มันยังมาจากความคิดของน้องสาวของเธอด้วย

นิสาเอื้อมมือซ้ายที่สั่นเทาของตัวเองไปกุมมือขวาของพี่สาวเบาๆ นิสาเธออยากจะกรีดร้อง อยากระเบิดอารมณ์ทุกอย่างออกมาให้เสียรู้แล้วรู้รอด อยากจะทำลายมันให้หมด อยากจะตะโกนถามว่าทำไมตัวเธอและพี่สาวถึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ และอยากถามว่าคนที่จะต้องตายทำไมไม่เป็นพวกเขา แต่เธอก็รู้ว่ามันจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง และมันจะต้องแย่ลงกว่าตอนนี้ สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้คือการเชื่อใจพี่สาวของตัวเอง เพราะแต่ไหนแต่ไรไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรแค่ไหนพี่สาวของเธอก็มักจะเป็นคนที่คอยแก้เงื่อนของปมปัญหาต่างๆได้เสมอ และตัวของเธอที่อยู่ด้วยกันกับพี่สาวก็รู้ดีว่าตัวของพวกเธอนั้นไม่มีทางแยกจากกัน ฉะนั้นทุกอย่างต้องผ่านไปได้ นิสากดข่มอารมณ์ทุกอย่างลง กัดปากตัวเองจนเลือดซึม และบีบมือที่จับกับพี่สาวไว้แน่น

ศิตารู้ว่าตัวเองกำลังสั่นแต่ก็ไม่เท่ากับน้องาสวของเธอที่เอื้อมมือซ้ายมาจับมือขวาที่อยูในการควบคุมของเธอ มือของนิสานั้นกำมือของเธอแน่นจนรู้สึกเจ็บ แต่เธอก็รู้ว่าน้องสาวของตัวเองนั้นกลัวมากและตัวเธอเองนั้นก็กลัวเช่นกัน แต่เพื่อความสบายใจของนิสาแล้วศิตาจึงบีบมือของนิสากลับเบาๆ “ไม่เป็นไรนะ เราจะต้องออกไปได้”

ภายในห้องสุสานถึงจะกล่าวบรรยายอย่างไรก็คือห้องโล่งมืดๆทึมๆที่มีเพียงแสงไฟจากเทียนจุดให้ความสว่าง ที่ตรงกลางห้องมีเพียงหลุมขนาดใหญ่ที่พอจะยัดโลงลงไปได้ กับ โลงไม้เก่าๆอันหนึ่งและ โต๊ะเครื่องมือที่เอาไว้ทำพิธี อยู่เท่านั้นเหมือนทุกสิ่งที่นี่ถูกจัดเตรียมมาอย่างลวกๆฉุกละฮุก

เสียงฝีเท้าและเสียงกระซิบที่เงียบลงกับการมาถึงสถานที่จุดหมายปลายทางของเหล่าชาวบ้านและพ่อหมอ คนทั้งหมดยืนล้อมรอบโลงไม้เก่าที่ทำแบบลวกๆแต่ค่อนข้างจะแข็งแรง คนทั้งหมดยืนเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนที่คนที่เป็นพ่อหมอจะสั่งให้คนที่อยู่ใกล้โลงยกโลงลงหลุม ก่อนที่คนเป็นพ่อหมอจะเดินไปประจำที่โต๊ะพิธี

เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้นทันทีที่มีการขยับโลง นิสาร้องด้วยความตกใจก่อนจะก้นด่าคนด้านนอกดังลั่น มือของเธอทุบลงบนฝาโลงรัวๆด้วยความโกรธแค้น จนมือของเธอแตกจนเลือดอาบจนศิตาต้องจับมือข้างซ้ายของนิสาไว้ ศิตากระซิบปลอบนิสาอย่างแผ่วเบา ย้ำซ้ำๆว่า “พวกเธอต้องรอดไปด้วยกัน” จนนิสาได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้

เสียงกรีดร้องและสะอื้นไห้ จากโลงไม่ได้มีผลต่อความเห็นใจต่อผู้ทำพิธีแต่อย่างใด พ่อหมอของช้าวบ้านได้เริ่มพิธีโดยการสวดเป็นภาษาประหลาดที่ไม่อาจฟังได้ใจความขณะที่ในมือของเพ่อหมอก็ทำการโปรยดอกไม้ และเครื่องหอมลงไป ก่อนจะทำการจบพีธีโดยการราดเลือดสดๆลงไปไปอีกรอบ แล้วทำการกลบฝังหลุม

เสียงจากข้างใต้เงียบไปแล้ว ชาวบ้านหลายคนถอนหายใจเมื่อพิธีจบลง ก่อนจะช่วยกันเก็บกวาดโต๊ะทำพิธี แล้วพากันเดินจากไป ก่อนไปชาวบ้านหลายคนก็ได้แต่มองหลุมศพที่ถูกกลบฝักอย่างดีด้วยสายตารู้สึกผิด แต่ก็ไม่ทำอะไรไปมากว่านั้น สุดท้ายแล้วเมื่อชาวบ้านคนสุดท้ายออกมาจากอดีตหลุมหลบภัยที่ตอนนี้กลายเป็นสุสาน พ่อหมอก็สั่งให้ชาวบ้านทั้งหมดทำการนำหินและดินมากลบปากหลุมจนหมดสิ้น ก่อนที่พ่อหมอจะทำพิธีปิดผนึกประตูตามความเชื่อโบราณแล้วพากันแยกย้ายกันจากไป

ในหลุมฝังสองพี่น้องศิตาและนิสา ร้องไห้กันเสียงเงียบอย่างแผ่วเบา จนคนเป็นพี่รู้สึกว่าเสียงจากภายนอกนั้นเงียบไปนานแล้ว รวมถึงอากาศที่เบาบางลงทำให้เธอตัดสินใจออกไปจากที่นี่ “นิสา เตรียมตัวเร็ว เราจะออกไปจากที่นี่แล้ว”เธอบอกกับน้องก่อนจะใช้เท้าแตะส่วนฝาโลงแรงๆจนตรงส่วนที่ถูกเตะส่งเสียงออกมาเบาๆ

“จะออกไปยังไง พวกมันฝังเราแล้วนะพี่ศิ”นิสาพูดเสียงอ่อนราวกับยอมแพ้

“ฝังแล้วยังไง เราต้องรอดออกไปให้ได้ พี่รู้แค่นั้น”ศิตาพูดก่อนจะหยุดไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ต่อให้เราต้องขุดหรือต้องมุดออกไปอย่างหมาเราก็ต้องทำ ถ้าเรายังไม่อยากตาย เข้าใจใช่มั้ย”

“อืม เราจะต้องรอดออกไป”นิสาพูด เธอนึกภาพตัวที่อยู่ภายนอกไว้ในใจ แล้วนึกภาพชาวบ้านพวกนั้นก่อนจะเอ่ยต่อ “ฉันออกไปให้ได้แล้วไปเอาคืนพวกมันให้หมด คอยดู”

“นั่นและดีแล้ว”

หลังจากนั้นศิตาและนิสาก็ช่วยกันถีบไม้ฝาโลงจนตะปูที่ตอกปิดไว้หลุดออก ก่อนจะช่วยกันดันฝาโลงกับดินที่ทับถมอยู่บนฝาโลงออกพร้อมกันจนหลุดออกมาได้ แล้วก็เอาตัวเองขึ้นมาจากหลุมได้ โชคดีที่หลุมนั้นถึงแม้จะถูกกลบฝังจนแน่นแต่ก่อนจะทำการกลบนั้นได้มีการราดของเหลวลงมาก่อนกลบทำให้ดินส่วนหนึ่งกลายเป็นโคลนเหลวๆ ทำให้ทั้งสองสามารถดันออกมาได้ง่าย

ศิตามองหน้านิสาที่อยู่ติดกันก่อนจะยกมือขวาที่อยู่ในการควบคุบของเธอลูบหัวของนิสาอย่างอ่อนโยนแล้วพึมพำว่า เราออกมาได้แล้วไม่หยุดราวกับปลอบใจ ก่อนเธอจะบอกให้นิสาลูกขึ้นเพื่อพากันออกไปสู่ด้านนอก ส่วนในใจของศิตาได้แต่นึกถึงว่าอนาคตจะทำอย่างไร ในเมื่อในหมู่บ้านที่อยู่มาแต่จำความได้ไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป ศิตาถอนหายใจออกมาช้า ก่อนจะจึงถึงเรื่องราวที่ทำให้เธอมาเจอเหตุการณ์นี้

ศิตาได้แต่บอกตัวเองว่ามันไม่ยุติธรรม ทุกสิ่งอย่างเพราะตั้งแต่ที่เธอกับน้องเกิดมาทุกคนก็มองตัวเธอกับน้องสาวราวกับตัวประหลาด “ทำไม”เธอได้แต่ถามตัวเองแบบนั้น ว่าทำไมแค่ตัวเธอที่เกิดมาผิดแปลกจึงต้องถูกรังเกียจถูกกล่าวหา เพียงแค่เกิดมาหนึ่งตัวสองหัวมันผิดมากหรือยังไงเธอได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆแต่สุดท้ายแล้วตัวเธอก็ไม่อาจให้คำตอบนี้แก่ตัวเองได้ ศิตาตัวเธอที่เกิดมาพร้อมความผิดปกตินั้นก็อยากได้การยอมรับ เธอจึงคิดขึ้นมาว่าถ้าเธอเป็นคนดีที่ช่วยเหลือคนอื่น เธอก็จะเป็นที่รักและทุกคนก็จะมองข้ามความแตกต่างนั้นไปเอง ซึ่งเมื่อเธอได้ทำทุกสิ่งก็ดีขึ้นจริงๆไม่นานเสียงที่ว่ากล่าวว่าเธอเป็นตัวประหลาดก็ค่อยๆเลือนหายไป แต่ถึงแม้จะมีอยู่บ้างที่ถูกว่ากล่าวด้วยคำนั้นแต่มันก็น้อยลง

จนกระทั่งในวันหนึ่งหมู่บ้านก็ประสบภัยแล้งอย่างหนัก ก่อนจะถูกโรคระบาดและสงครามคุกคาม ชาวบ้านที่ไม่อาจหาทางระบายความทุกข์ใจนั้นก็เริ่มโทษดินโทษฟ้า ก่อนที่ความคิดนั้นจะลุกลามกลายมาเป็นว่าตัวเธอและน้องสาวนั้นคือสาเหตุของเภทภัย ในตอนแรกนั้นยังไม่ค่อยมีคนเห็นด้วยแต่ไม่นานเสียงลือเสียงเล่าอ้างก็เข้าความคุมความเชื่อของพวกเขาจนหมดหัวใจ พวกเขาเชื่อจนไม่อาจพังข้อแก้ตัวใดจากตัวเธอและน้องสาวอีกต่อไป

ศิตาเธอไม่คิดที่จะเอาผิดหรือแก้แค้นใด แต่ที่เธอทำคือการเฝ้าแต่กลุ่นคิดหาเหตุผลของการกระทำนี้ของเหล่าชาวบ้านซ้ำๆเท่านั้น ซึ่งก็ได้เพียงเหตุผลเดียวที่เธอคิดว่ามันเป็นเพราะแบบนั้น เหตุผลที่ว่า มนุษย์นั้นเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวที่จะให้ใครก็ได้เป็นแพะที่จะรองรับความทุกข์ของตัวเอง มนุษย์ที่เห็นแก่ตัวที่ยินดีให้คนอื่นตายเพื่อความสบายใจของตัวเอง ศิตาให้เหตุผลถึงการกระทำของชาวบ้านแค่นั้นเท่านั้นจริง

นิสาเธอหลับตารับสัมผัสอ่อนโยนของพี่สาวที่ค่อยๆใช้มือบรรจงลูบหัวปลอบประโลมเธออย่างแผ่วเบา และพูดปลอบเธอซ้ำๆด้วยคำว่า “ออกมาได้แล้ว” และ “ไม่เป็นไร” เธอรักพี่สาวเท่ากับรักตัวเองเพราะพวกเธอคือคนเดียวกัน แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่ค่อยชอบพวกชาวบ้านนัก โดยเฉพาะพวกเด็กในหมู่บ้านที่มักจะว่ากล่าวว่าเธอเป็นตัวประหลาดเสมอ เธอไม่พอใจและเกลียดคนพวกนั้นมาก แต่พี่สาวของเธอกลับคิดต่างกันและทำดีกับคนพวกนั้น ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร

ซึ่งจากการกระทำของพี่สาว การปฏิบัติตัวของชาวบ้านต่อพวกเธอก็ดีขึ้น แต่มันก็เป็นแค่สิ่งจอมปลอม ซึ่งเธอรู้ดี นิสาเธอไม่เคยไว้ใจคนพวกนั้น ไม่เคยคิดจะทำดีด้วย เพราะเธอจำได้ดีกับสายตาของคนพวกนั้นที่มองมาที่พวกเธอตั้งแต่จำความได้ สายตาที่รังเกียจ และ น่าขยักแขยง จนน่าจะทำให้หายไปให้หมด

 

แต่นั้นก็เป็นแค่ความคิด ที่เมื่อตอนนี้ตัวเธอและพี่สาวถูกคนพวกนั้นทำแบบนี้ เธอก็ไม่อาจเก็บงำความเกลียดแค้นของตัวเองได้อีกต่อไป เธอเกลียดคนเหล่านั้น และจะทำให้พวกมันหายไป เธอจะไม่มีวันให้อภัยในสิ่งที่คนพวกนั้นทำ ไม่มีวัน นิสาเธอไม่เคยคิดถึงเหตุผลที่คนพวกนั้นทำ ไม่เคยคิดจะรับรู้ถึงสาเหตุที่คนพวกนั้นเลือกเธอเป็นเหยื่อ ในความคิดของเธอมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการทำลายคนพวกนั้นให้หมดสิ้นไป

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว