“ดอกอะไรคะ…ไม่เคยเห็นมาก่อน” หล่อนพึมพำเบาๆ
“รีบอาบน้ำเถอะ…”
คนที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกล กล่าวเบาๆ ไม่ได้ใส่ใจจะตอบคำถามเรื่องดอกไม้ แต่เร่งเร้าให้เธอรีบอาบน้ำ เพราะนั่นสำคัญกว่า
แม้ความมืดจะเข้าจับจองทุกพื้นที่ แต่ความสวยงามของมวลดอกไม้ป่าและเสียงซ่าจากลำธารสายน้อยที่ระเรื่อยไหลกระทบซอกหินตะปุ่มตะป่ำเบาๆ ก็ทำให้หญิงสาวแทบลืมเวลา ไม่ได้สนใจว่ากำลังจะมืดค่ำ รู้เพียงว่าอยากเดินลงไปสัมผัสกับความเย็นใสของสาย อยากไต่ไปตามก้อนหินตะปุ่มตะป่ำตรงหน้า
บางจังหวะก็หยุด ก้มทักทายดอกหญ้าที่ยื่นออกมาริมลำธาร สูดดมกลิ่นหอมของมันเบาๆ วักน้ำเย็นขึ้นล้างมือช้าๆ ทดสอบความเย็นยะเยียบของสายน้ำจากลำธารสายน้อยที่ทอดผ่านมากลางผืนไพรที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
“ผมว่าคุณรีบๆอาบน้ำเข้าเถอะ”
เปลวเร่งอีกครั้ง เมื่อเห็นหญิงสาวมัวแต่เพลินชมดอกไม้ป่า ตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติจนลืมว่ากำลังจะค่ำลงทุกที
“ก็หันหน้าไปทางอื่นก่อนสิ” เธอบอกเบาๆ
ชายหนุ่มขยับห่างออกจากที่ตรงนั้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันหลัง ยกท่อนแขนกำยำขึ้นกอดอก ทำเป็นไม่สนใจว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นที่ลำธารแห่งนั้น
เปลวทุ่มเทความสนใจไปกับการระแวดระวังภัย เพราะตระหนักดีว่าการที่ตนกับหญิงสาวซึ่งกำลังอยู่ในที่โล่งแจ้ง ตรงลำธารแห่งนั้น ยากที่จะรู้ได้ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่น ที่กำลังซุ่มซ่อนดูอยู่หรือไม่?
กระทั่งชั่วครู่ผ่านไป
“เปลวฆวัจน์” หล่อนเรียกชื่อของเขาออกมาเบาๆ น้ำเสียงนั้นหวานกว่าทุกครั้งที่เขาเคยได้ยิน
ชายหนุ่มหรี่ตา…ไม่ได้เกิดจากอาการฉงนใจ หรือรู้สึกถึงความผิดปกติของผืนป่า แต่รู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของหญิงสาว รู้สึกแปลกๆกับคำว่า ‘เปลวฆวัจน์’ เธอไม่เคยเรียกชื่อเขาออกมาเต็มๆ และชัดเจนเช่นนี้มาก่อน
“หยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้พริมหน่อยสิคะ” หญิงสาวทำน้ำเสียงออดอ้อน
ชายหนุ่มหันมาตามเสียง ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง นอกจากอยากให้เธออาบน้ำเสร็จเร็วๆ
“โอ๊ะโอว…”
เปลวถึงกับอึ้ง อุทานออกมาเบาๆ ไม่คิดว่าจะหันไปเห็นสิ่งที่ทำให้ต้องตะลึงลาน เงอะงะจนทำอะไรไม่ถูก รีบหันกลับไปทันที ราวกับว่าภาพที่เพิ่งปรากฏแก่สายตาเมื่อครู่…ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ขะ…ขะ…ขอโทษครับ” เขารีบชิงกล่าวออกมาก่อน เหมือนคนที่รู้ตัวว่าผิด…ที่เผลอไปมองเรือนร่างเปลือยล่อนของหล่อนเต็มตา ทั้งที่พริมก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ไม่เห็นต้องขอโทษ…ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” พริมกล่าวด้วยอารมณ์ยั่วเย้าอยู่ในน้ำเสียง
เปลวใจสั่น…..
ยังตะลึงกับสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเมื่อครู่ ไม่คิดว่าจะหันมาเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่า กึ่งยองๆกึ่งพับเพียบอยู่กลางลำธารตื้นๆที่ระดับน้ำไม่มากพอจะให้ลงไปลอยคออาบ หน้าขาขาว หนีบเบียดกันมิดชิด มืออีกข้างทำท่าจะเอื้อมรับผ้าเช็ดตัว ขณะที่มืออีกข้างพยายามยกขึ้นอำพรางพุ่มทรวงอวบใหญ่ ปิดปทุมถันที่เปลวเห็นว่ามือน้อยๆของเธอนั้น…ไม่มีทางจะปกปิดมันได้มิด
“หรือว่าจะลงมาอาบน้ำด้วยกัน…” หล่อนแกล้งเขา
น้ำเสียงที่เอ่ยชวน ทำให้ชายหนุ่มขนลุกซู่ หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ไม่อาจสลัดภาพเรือนร่างเย้ายวนของหญิงสาวออกไปจากมโนภาพ ไม่อาจลบภาพที่หล่อนกำลังยองย่อ หย่อนสะโพกกลมกลึงเรี่ยไปกับสายน้ำริมลำธาร
‘บ้าจริง!...รู้ว่าไม่ควร แต่ก็ยังหันไปมอง ไอ้เปลวบ้า!’ ชายหนุ่มตำหนิตัวเองอยู่ในใจ
“ส่งผ้าเช็ดตัวให้พริมหน่อยค่ะ…หนาวจะแย่” หญิงสาวตะโกนบอกเบาๆอีกครั้ง
“ด…ด…เดี๋ยวนะครับ”
เขาตั้งสติ ยกมือขึ้นปิดตา หากก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองลอดรูห่างระหว่างนิ้ว
ก้าวเข้าไปใกล้ ตรงไปยังผ้าเช็ดตัวที่วางเอาไว้ใกล้ๆกับเสื้อผ้าที่เธอถอดกองเอาไว้ ค่อยๆคว้าผ้าขนหนูขึ้นมาช้าๆ เอื้อมส่งให้เธอโดยเร็ว
หารู้ไม่ว่าหญิงสาวกำลังหัวเราะเบาๆกับท่าทางประหม่าเกร็งของเขาที่เห็นได้ชัด
“รับนะครับ” เปลวหันหลัง ยื่นให้ สายตาจับจ้องไปที่ผืนป่า พยายามไม่หันไปมอง แต่ในสมองนั้นเห็นแต่เรือนร่างขาวผ่องของเธอ
“ว่าอะไรนะคะ?” หญิงสาวแกล้งทำเป็นได้ยินไม่ชัด
“ผมบอกว่า…รับนะครับ” เปลวหมายความว่าให้เธอยื่นมือมารับผ้าเช็ดตัว
“อ๋อ!...ตกใจหมด ได้ยินว่ารักนะครับ” เธอแกล้งทำเป็นหูฝาด กล่าวจบก็แอบชำเลืองมองเขา สังเกตอาการของชายหนุ่ม
“เอ่อ!...”
เปลวอึ้ง หน้าแดง มองยิ้มๆ นึกไม่ถึงว่าเธอจะมามุกนี้
(ebook ใจแตก เล่ม3 จบ... มาแล้วครับ)