สายลมเย็นยังคงกรรโชกมาเป็นระยะๆ แลเห็นผืนป่าสีเขียวระบัดไหว ยามที่ลมขยับใบไม้ กระเพื่อมยวบยาบต่อๆกันไปเป็นทอดๆ บางครั้งหูก็แว่วได้ยินเสียงหวีดหวิวจากราวไพร คล้ายเสียงสัตว์ผสมเสียงลม บางครั้งคล้ายเสียงกรีดร้องของคน สะท้อนกึกก้อง มองไม่เห็น…แต่โหยหวนไปทั้งป่า ราวกับผืนไพรแห่งนั้นมีลมหายใจ
สีเขียวขจีสลับส้มแดงและเหลืองอ่อนของยอดใบที่แตกใหม่ กำลังผลิรับฝนแรกที่พร่างลงมายังผืนป่า ในช่วงรอยต่อของฤดูกาล ยอดใบอ่อนของแมกไม้ที่แตกสะพรั่ง ช่วยยืนยันถึงความสมบูรณ์ของป่าเบญจพรรณ อันเป็นทิวสายต้นน้ำลำธารของลำน้ำสาละวินที่แตกแยกออกเป็นลำแควน้อยใหญ่อีกหลายสาย เอื่อยไหลมาหล่อเลี้ยงชีวิตมากมายที่อาศัยอยู่สองฟากฝั่ง
หญิงสาวสูดลมหายใจแรงลึก เมื่อได้กลิ่นหอมจางๆของดอกไม้ป่าที่พัดมากับสายลมเอื่อยอ่อน สร้างความหอมรื่นชื่นใจไปทั่วบริเวณ
ในวินาทีที่หญิงสาวกำลังเพลินชมธรรมชาติ
จู่ๆ…กังวานเสียงทุ้มกว้างของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นทำลายความเงียบงันรายรอบ
“หนูพริมใช่ไหม…?”
ชายผู้มีผิวขาว ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ร่างท้วมใหญ่ ศีรษะเถิกกว้าง จมูกโด่งพอประมาณ สวมเสื้อสีกากี กางเกงสีกากี รองเท้าคอมแบตสีดำ ดวงตาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังแว่นสายตา ฉายประกายว่าเป็นคนใจดี
เขาปรากฏกายขึ้นเงียบๆ จากทางด้านหลังของเธอ
“ค่ะ…สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวสะดุ้ง รีบหันไปตามเสียงที่เอ่ยทัก
ใบหน้าชดช้อย ประพิมพ์ประพาย ช้อนฝ่ามือขึ้นไหว้ชายวัยกลางคนด้วยท่าทางนอบน้อม อ่อนหวาน
ครั้นแล้วจึงเอ่ยถาม ย้ำให้แน่ใจว่าเป็นเขาคือคนที่เธอกำลังรอคอย
“คุณลุงพิทยาใช่ไหมคะ?”
“ครับ”
คนที่เธอยืนรอ พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับขานรับ ส่งรอยยิ้มอบอุ่นเป็นมิตร ทอดสายตามองดูลูกสาวของเพื่อนรักซึ่งไม่ได้เจอกันนานหลายปีดีดัก
คุณพิทยาเคยเห็นพริมเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก หน้าตาน่ารักน่าชัง เป็นเด็กผู้หญิงที่ฉายแววความสวยมาตั้งแต่เล็กๆ ตอนที่คุณพ่อของเธอยังแข็งแรง เขามักจะพาครอบครัวขึ้นมาพักผ่อนที่เชียงใหม่บ่อยๆ และทุกครั้งที่มา ก็มักจะเลยมาเชียงราย เพื่อเยี่ยมเยือนคุณพิทยาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่รักใคร่ชอบพอกันมาก
หญิงสาวยกมือขึ้นช้อนไรผมบางส่วน ที่แตกออกจากช่อผมสีดำยาวสลวย ขึ้นไปทัดเอาไว้ที่ด้านหลังใบหู จากนั้นจึงเดินไปที่รถของตน เพื่อนำกระเช้าซึ่งบิดาฝากมาให้สหายเก่า มามอบให้กับลุงวิทยา
“คุณพ่อฝากมาให้คุณลุงค่ะ”
กล่าวจบก็ยื่นกระเช้าของฝากให้กับชายวัยกลางคนที่ยืนยิ้มรื่นอยู่ตรงหน้า
ในกระเช้านั้นมีทั้งขนม อาหารแห้ง ผลไม้ ใส่รวมกันเอาไว้จนเต็ม มีโบว์สีแดงผูกเอาไว้ที่ด้านข้างกระเช้า
มือน้อยๆของหญิงสาว แต่ละข้อนิ้วแทบไม่มีริ้วรอยแตกกร้านให้เห็น เพราะในชีวิตแทบไม่เคยได้ทำงานหนัก คุณทรงชัยรักผู้เป็นบิดา รักและหวงแหนลูกสาวคนนี้มาก
แม้พริมจะได้รับการประคบประหงม ตามใจ ถูกเลี้ยงดูมาอย่างคุณหนูของบ้าน แต่ก็ได้รับการอบรมกิริยามารยาทมาจากคุณนายรำเพยผู้เป็นมารดามาเป็นอย่างดี
ครอบครัวของพริมเลี้ยงดูลูกสาวมาอย่างพ่อแม่สมัยใหม่ ให้อิสระเสรีทางความคิดกับลูกๆ ส่งเสียให้ได้รับการศึกษาตามที่ลูกๆอยากเรียน ไม่เคยมีการบังคับ หรือฝืนใจกันแต่อย่างใด จึงไม่แปลกที่แววตาของพริมนั้นเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง
คุณพิทยาเอื้อมมือออกมารับกระเช้า
พร้อมกับกล่าวเบาๆด้วยสีหน้าเกรงใจ
“ไม่ต้องลำบากเอามาฝากลุงก็ได้…แค่รู้ว่าพ่อของหนูยังนึกถึงกัน เพื่อนคนนี้ก็ดีใจแล้ว”
จากนั้นคุณพิทยาก็เดินนำหน้าหญิงสาวไปยังโต๊ะรับแขกซึ่งทำจากไม้ ตั้งอยู่ด้านหน้าของอุทยาน ใต้ร่มเงาเขียวครึ้มของต้นไม้ใหญ่
ครู่สั้นๆจากนั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งก้าวออกมาพร้อมกับแก้วกาแฟหอมกรุ่นที่ถืออยู่ในมือ ใบหน้าของหล่อนสวยเรียบๆ ผิวพรรณขาว สะอาดสะอ้าน ส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับพริม
“กาแฟค่ะ”
เธอกล่าวเบาๆ มีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่ที่มุมปาก
ค่อยๆวางแก้วกาแฟลงช้าๆ จากนั้นก็หันมาหิ้วกระเช้าของฝากกลับเข้าไปในบ้านอย่างรู้หน้าที่ ไม่นานก็ก้าวออกมาอีกครั้งพร้อมกับชาอีกแก้วในมือ ค่อยๆวางลงตรงหน้าคุณพิทยา แล้วก็เดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไร
คุณพิทยาไม่ได้แนะนำว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่พริมเคยได้ยินผู้เป็นพ่อแซวว่าเพื่อนคนนี้เพิ่งได้เมียสาว เป็นลูกสาวของชาวบ้านในละแวกนั้น ภายหลังจากภรรยาเสียชีวิต คุณพิทยาก็ตกพุ่มหม้ายมาหลายปี สุดท้ายก็สละโสดอีกครั้งเพราะทนเหงาไม่ไหว
“เผลอแผลบเดียว ดูสิ! โตเป็นสาวสวยเชียว”
“แผลบเดียวของคุณลุงนี่เกือบสิบปีเลยนะคะ” พริมกล่าวด้วยอารมณ์ขัน
คุณพิทยาได้ยินก็หัวเราะลั่น หรี่ตาครุ่นคิด
จริงสิ!...นับจากครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ก็ผ่านมาเกือบสิบปีจริงๆ
คุณพิทยาอยู่ในวัยใกล้เกษียณ ปัจจุบันเป็นหัวหน้ากองป้องกันรักษาผืนป่าอุทยานแห่งชาติสาละวิน ส่วนคุณทรงชัยบิดาของพริม เคยเป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด ประจำอยู่หลายจังหวัดที่ภาคเหนือตอนบน
ในอดีต ทั้งสองเคยย่ำป่ากันมานักต่อนัก ตั้งแต่สาละวินลงไปถึงเขาหลวงที่สุโขทัย จากทุ่งใหญ่นเรศวรไปจนถึงห้วยขาแข้งที่จังหวัดอุทัยธานี เคยไล่ล่าพวกพรานป่าที่มักจะแอบมาลักลอบล่าสัตว์ เคยปะทะกับพวกลักลอบตัดไม้มาหลายครั้ง ใช้ชีวิตอย่างลูกผู้ชาย โชกโชนมาด้วยกันเมื่อครั้งที่ทั้งคู่ยังหนุ่มแน่น ตามวิถีชีวิตของผู้ชายที่สนใจในเรื่องเดียวกัน ทั้งป่าและปืน ชอบท่องเที่ยวผจญภัย ไม่ค่อยอยู่กับที่ ปฎิเสธความศิวิไลของเมืองใหญ่ หลงใหลชีวิตที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น อันตราย กระหายการผจญภัย โหยหาความท้าทายในชีวิต กระทั่งมาหยุดลงก็ตอนที่ทั้งคู่มีครอบครัว
“นี่ถ้าไม่ได้นัดหมายว่าเป็นหนูพริมที่มาหา ลุงคงจำไม่ได้แน่ๆ”
คนกล่าวพิจารณาใบหน้าสวยสะอางของหญิงสาว ทั้งริมฝีปากและดวงตา ช่างเหมือนกับผู้เป็นบิดาไม่ผิดเพี้ยน
ซึ่งในอดีต คุณทรงชัยจัดเป็นผู้ชายหล่อเหลาเจ้าเสน่ห์และเจ้าชู้ขึ้นชื่อ บรรดาเพื่อนฝูงเก่าๆต่างรู้ถึงกิตติศัพท์เป็นอย่างดีในเรื่องความเป็นนักรักของคุณทรงชัย
เมื่อนึกมาถึงตอนนี้ คุณพิทยาก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงเกลอเก่าขึ้นมาในทันที ด้วยความคิดถึง
“ฝากกลับไปบอกพ่อของหนูด้วยว่าลุงเองก็คิดถึงสหายเก่าเช่นกัน...ลุงไม่เคยลืมเพื่อนรักที่เคยพากันย่ำผืนป่าสาละวินมาด้วยกันเมื่ออดีต ผ่านความยากลำบากด้วยกันมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเมื่อสมัยยังหนุ่มแน่น”
“ขอบคุณค่ะคุณลุง…ถ้าคุณพ่อได้ยินคงดีใจ”
“บอกกับพ่อหนูว่าเอาไว้ลุงมีเวลาเมื่อไร จะแวะไปหาที่กรุงเทพฯ คุณกันทางโทรศัพท์มันไม่เห็นหน้า ไม่เหมือนกับได้นั่งสวนเสเฮอา นึกอยากร่ำสุรากันในวงเหล้าตามประสานผู้ชาย”
คุณพิทยากล่าวจบก็หัวเราะเบาๆ แลเห็นเส้นที่ร่องแก้มหยักลึกลงชัดไปตามวัย
(ฝากอีบุ๊คด้วยนะครับ)
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=53085
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=53085
(ฝากอีบุ๊คเรื่องล่าสุดด้วยนะครับ)
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=52654
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=52654