บทที่ 24
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
เสียงเล็กร้องเห่าดังขึ้นออกมาไม่หยุดตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา แน่นอนว่าต้นแบบที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเอาตัวมุดผ้าห่มหนี ยิ่งเห็นเธอมีความสุขที่ได้เห่าหอนก็รู้สึกอับอายตัวเองเหลือเกิน
“พอทีเถอะครับ คุณจะล้อผมเรื่องเมื่อคืนไปถึงไหนกัน” เขาเอ่ยถามออกมา พร้อมกับความเขินอายที่กำลังประดับอยู่ไม่หาย
“ล้ออะไรกันคะ ฉันชอบที่รักเมื่อคืนมากเลยนะ” ฉันตอบกลับ ก่อนจะพยายามยื้อแย่งผ้าห่มของเขาที่ปิดหน้าออก แต่แล้วเขาก็ขัดขืนและไม่ยอมอยู่ท่าเดียว “แถมฟาดก้นฉันแดงเต็มไปหมดเลยด้วย”
พอเห็นว่าเขานั้นกำลังเขินอายอยู่มีหรือที่จะไม่กลั่นแกล้งเพิ่มขึ้น เพียงแต่ตอนนี้มันก็ใกล้จะเลยเวลานัดของไกด์แล้ว ฉันเลยต้องลากพาเขาออกจากเตียงไปจัดการธุระของตนเอง เพราะฉันนั้นได้ตื่นก่อนเขาและจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เมื่อคืนผมทำแรงไปหรือเปล่าครับ” ต้นแบบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าตรงคอของเธอนั้นมีรอยแดงจากฝีมือของเขาเต็มไปหมด
“ไม่เลย เพราะไม่ว่าคุณจะทำกับฉันแบบไหนฉันก็ชอบหมดแหละ”
แถมเมื่อคืนเขานั้นแซ่บเร้าใจฉันสุดๆ ไม่คิดเลยว่าตัวฉันจะได้พบเห็นเขาในเวอร์ชันซาดิสม์ขยี้ใจได้ นานทีมีหนฉันต้องชอบมันอยู่แล้วสิ
“ผมคิดว่าถ้าเปลี่ยนรสชาติเรื่องบนเตียงบ้างคุณจะได้ไม่เบื่อ แต่ถ้าผมทำแรงไปก็ขอโทษด้วยนะครับ”
เพราะรู้ตัวเองว่าเป็นคนจืดน่าเบื่อขนาดไหน เขาเลยอยากหาสีสันชีวิตให้เธอบ้าง แต่ยังไงเรื่องที่เขาทำลงไปนั้นมันก็แอบรุนแรงอยู่ หรือถ้าจะเอาตามความจริงเขาแค่หมั่นไส้ที่เธอชอบล้อเล่นกับความอยากของเขา เลยอยากจะลงมือสั่งสอนก็เท่านั้น
“แรงอะไรกันคะ ฉันชอบที่ที่รักทำแบบนั้นมากจริงๆนะ ยิ่งตอนที่คุณจิกหัวแล้วดุฉันมันเป็นอะไรที่ฟินสุดๆ ไปเลยล่ะ”
ฉันว่ากล่าวด้วยท่าทางเหม่อลอยเพ้อฝัน ตอนที่หน้าตาน่ารักของเขาคิ้วขมวดโมโหนั้น มันช่างรัญจวนใจเซ็กซี่เสียเหลือเกิน ในใจก็หวังให้เขากลายร่างเป็นแบบนั้นจัง แต่อย่างไรขอแค่เป็นเขาฉันก็ได้หมดแหละ
“หยุดพูดเถอะครับ ผมไม่อยากนึกถึงมันอีกแล้ว”
“แต่ฉันอยากให้คุณนึกถึงมันนะคะ เพราะฉันเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ของคุณไง โฮ่ง!”
ฉันเห่าร้องออกมาอย่างดัง จนเขาถึงกับต้องรีบเอามือมาปิดปาก และชักจูงฉันออกจากห้องไปยังที่หมายนัดกันไว้ในทันควัน
“ว้าว สวยจังเลย”
เสียงร้องตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง เพราะภาพเบื้องหน้าที่ได้เห็นนั้นมันสวยงามเสียจนละสายตาไม่ได้เลยทีเดียว
ท่ามกลางหมอกขาวทึบที่กระจายไปทั่ว มีภูเขาน้อยใหญ่ตั้งตระหง่านเรียงรายกันหลากหลายลูก บรรยากาศมันช่างเยือกเย็นขาวโพลน ให้อารมณ์ถึงความสงบสุขที่ชวนให้ดำดิ่งล้ำลึก
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างก็ใจจดใจจ่อกับการถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ เพราะตอนนี้พระอาทิตย์ยามเช้าใกล้จะขึ้นโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว
“สวยจังเลยนะคะ ดีจริงๆ ที่ได้มา” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับจับมือหนาของเขาไปด้วย ถึงมันจะสากและหยาบโลนแต่มันก็อบอุ่นจนฉันไม่อยากจะปล่อย
“โลกใบนี้ยังมีที่เที่ยวอีกเยอะเลยครับ รอผมประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณไปทั่วทุกที่ที่คุณอยากไปเลยดีไหม” ต้นแบบเห็นคนที่รักมีความสุขก็พลอยมีความสุขไปด้วยอย่างห้ามไม่อยู่
รอยยิ้มกว้างสว่างแบบนี้เขาอยากจ้องมองมันตลอดไปเหลือเกิน เพราะภาพตอนที่เธอร้องไห้ออกมานั้นมันเป็นอะไรที่บีบหัวใจของเขาสุดๆ ดังนั้นเขาจะทำทุกวิถีทางให้เธอมีความสุขและรอยยิ้ม และจะไม่ทำให้เธอผิดหวังที่ได้เขาคนนี้เป็นสามี
“ฉันไม่อยากเที่ยวมากหรอกค่ะ” ฉันตอบออกไป แน่นอนว่าทำเอาคนที่ได้ยินก็ถึงกับตกใจไปไม่เป็น
“ทำไมล่ะครับ”
“แทนที่จะพาฉันไปเที่ยว ไม่สู้ช่วยทำให้ฉันมีลูกไม่ดีกว่าหรือไงกัน”
“พูดเรื่องนี้อีกแล้วนะ ผมบอกแล้วไงว่ารอให้ทุกอย่างเข้าที่ก่อนแล้วค่อยมีก็ได้”
ตามจริงเราสองคนนั้นโตพอที่อยากจะมีลูกแล้ว เพียงแต่ทุกอย่างยังไม่เอื้ออำนวยเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาของแม่หรือค่าเล่าเรียนของเขา มันยังจัดวางแบบแผนไม่ดีพอ ถ้าเกิดมีลูกขึ้นมาครั้นกลัวว่าจะทำให้ลูกลำบากเปล่าๆ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะให้เรียนจบมีงานการที่ดีก่อน เมื่อถึงเวลานั้นเธออยากได้ลูกกี่คนเขาย่อมต้องจัดให้ได้อยู่แล้ว
“ก็ฉันอยากเลี้ยงเด็กอะ เห็นหลานป้าใจน่ารักน่าหยิกขนาดนั้นมันอดที่จะอยากมีไม่ได้จริงๆ” ฉันทำแก้มป่องพูดออกมา
ถ้าฉันกับเขามีลูกด้วยกันมันคงดีมากจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้ยังคงไม่ได้นั่นแหละ ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงไม่เข้าที่เข้าทางเท่าที่ควร แต่ฉันคิดว่าอีกไม่นานหรอกที่บ้านเราจะมีเด็กน้อยมาวิ่งเล่น
“ผมเข้าใจครับว่าคุณอยากได้ แต่อดใจหน่อยนะครับ” เขาเอ่ยปลอบ เพราะดูแล้วเธอน่าจะอยากมีลูกมาก
“ถ้าถึงเวลานั้นฉันขอมีสักสามคนนะคะ”
จะเอาสองคนก็ดูน้อยไปคิดว่าสามคนน่าจะพอดีแล้ว แต่ถ้าในใจก็อยากได้สักครึ่งโหลก็ได้ เพราะว่าฉันนั้นชอบและเอ็นดูเด็กมาก
ดังนั้นยิ่งมีเยอะยิ่งดี…
“คุณเลี้ยงไหวหรอครับ” เขาคิดถึงเด็กเล็กสามคนวิ่งรอบบ้านก็ชวนให้ปวดหัวแล้ว
“ไหวสิค่ะ ขอแค่เป็นลูกของคุณฉันเลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
ขอแค่เป็นลูกของเราสองคนต่อให้มียกโหลฉันก็เลี้ยงไหว
“พูดอะไรออกมากัน ไม่กลัวคนจะได้ยินหรือไงครับ” ต้นแบบเก็บความอายไม่ไหว ก่อนจะใช้สายตาจ้องมองรอบๆว่ามีใครสนใจพวกเราอยู่หรือไม่
ท่ามกลางธรรมชาติที่แสนงดงามในเช้าวันใหม่ สองสามีภรรยาได้ยืนชมและพูดคุยกันอย่างอบอุ่น ทั้งสองนั้นแผ่ความหวานออกมาจนผู้คนรอบข้างอดที่จะมองตามเสียไม่ได้ แต่กระนั้นท่ามกลางความรักก็ยังมีความอิจฉาเจือปนอยู่
“นี่ก็สายแล้ว ผมได้เตรียมอาหารเช้ารองรับทุกคนแล้วนะครับ เชิญตามมาทางนี้เลย” ไกด์หนุ่มเอ่ยแทรกขึ้น พร้อมกับนำทางพวกเราไปยังโรงอาหารที่ทางรีสอร์ตได้ทำขึ้นจัดเตรียมรองรับแขก
“น่าเสียดายที่บ่อแช่แยกชายหญิง ฉันตั้งใจจะแช่น้ำกับแฟนสักหน่อย” ใบหม่อนพูดขึ้นอย่างเสียดาย เพราะไม่คิดเลยว่าบ่อน้ำพุร้อนที่นี่นั้นมีแต่บ่อแยกไม่มีบ่อรวม
ซึ่งแน่นอนว่าฉันก็เสียดายเช่นกัน
“อีกสักสองชั่วโมงเราค่อยออกมาเจอกันตรงนี้นะครับ”
การแช่บ่อน้ำร้อนคราวนี้มันสนุกมากจริงๆ ได้นั่งพูดคุยกันสนุกสนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่เป็นความฝันที่ฉันอยากให้มันเป็นมานานแล้ว แต่ก่อนกว่าฉันจะออกจากบ้านไปเล่นกับเพื่อนนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะต้องอยู่คอยทำงานรับใช้เจ้านายตลอด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว… ฉันมีอิสระจะทำอะไรก็ได้ โดยที่ไม่มีใครมาคอยห้ามและสั่งฉันอีก
“แต่ไกด์คนนั้นดูจะจ้องมาที่ดอกหญ้ากับต้นแบบตลอดเลยนะ รู้สึกไม่ดีตามไปด้วยจริงๆ”
กล้วยหอมเห็นด้วยทันที เมื่อได้พูดถึงเรื่องของฉันกับสามีและไกด์หนุ่ม เพราะตลอดที่เดินทางมาถึงที่แห่งนี้นั้น ไกด์คนนั้นดูเหมือนจะมองมาที่ฉันกับสามีไม่หยุด เรียกได้ว่าแทบจะไม่วางตาเลยทีเดียว
“หรือว่าหนุ่มคนนั้นชอบหนูดอกหญ้า” ป้าเนียนที่นั่งแช่ในบ่อด้วยก็เอ่ยแทรกขึ้น เพราะนี่ก็เป็นเหตุผลเดียวที่จะเป็นไปได้
หลังจากที่ได้พูดคุยแช่น้ำจนอิ่ม ทั้งฉันและสามีก็ดูเริ่มแปลกขึ้น เขาตามติดเกาะฉันแจซึ่งฉันก็เดินคู่ไม่ห่างเขาด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าติดยิ่งกว่าปาท่องโก๋ไม่ห่างสักครึ่งเซนติเมตร
แน่นอนการกระทำของเราสองคนนั้น ต่างก็ตั้งข้อสงสัยด้วยกันเองตลอด ว่าทำไมถึงต้องทำตัวติดกันขนาดนี้ แต่พอยามที่ไกด์คนนั้นเข้ามาทักทายและใกล้ชิด ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทั้งสองนั้นหวงและห่วงกันอย่างมาก
“ขอบคุณที่มาเที่ยวที่นี่นะครับ ขอให้ทุกคนเดินทางโดยสวัสดิภาพ”
ถึงวันสุดท้ายของการเที่ยวแล้ว พวกเราทั้งหมดได้ทำการเก็บของขึ้นรถโดยมีไกด์หนุ่มตามมาโบกมือลา แน่นอนว่าการท่องเที่ยวครั้งนี้มันสนุกมาก เว้นแต่ถ้าไม่มีไกด์หนุ่มคนนั้นพยายามเข้ามาทักทายพูดคุยก็เถอะ เพราะทุกครั้งที่คุยกันนั้นสายตาคมจ้องมองสื่อเรื่องความใคร่ไม่ห่าง
“ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ” ฉันโบกมือลาตามมารยาท แต่สามีกลับรีบเก็บมือของฉันเข้ากระเป๋าเสื้อของเขาในทันที และจับจูงขึ้นรถอย่างหน้าตาเฉย แถมสีหน้านั้นไม่โอเคฉายชัดถึงความหวงชัดเจน
“หึ” ไกด์หนุ่มเผยยิ้มออกมาอย่างชอบใจ กับความหึงของทั้งสอง
แต่ขอโทษนะ… เขานะไม่ได้ชอบคนที่ชื่อดอกหญ้าอะไรนั่นหรอก เพราะคนที่เขาชอบเป็น‘สามี’ของเธอต่างหาก
ประโยคสุดท้ายเป็นอะไรที่แบบ....
5555555555
ผัวเธอน่ากินจังเลย แต่เธอก็ดูจะหวงเกินที่จะกล้าไปอ่อยเหยื่อได้อะนะ
ลั่นไม่ไหว 555555
เหนือความคาดหมายนิดหน่อยก็เอานาทีนี้