“ ท่านหญิงเจ้าขา ท่านเจียอี้มาพบท่านหญิงเจ้าค่ะ”
เสียงเจื้อยแจ้วของสาวใช้เด็กเอ่ยกับนายหญิงของตน หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียว นั่งอยู่ท่ามกลางสายลมเอื่อยที่พัดเส้นผมดำขลับของหญิงสาวให้พลิ้วไสวราวกับเส้นไหม เสียงหวานใสเอ่ยกลับสาวใช้คนสนิทของตนอย่างใจเย็น
“ บอกท่านเจียอี้ว่าข้าอยู่ที่สวน เตรียมของว่างกับน้ำชามาด้วยนะซิงเยี่ยน ”
สิ้นเสียงใสของซูเหยาซิงเยี่ยนรีบวิ่งไปเเจ้งขุนนางหนุ่มทันที
กระโดกกระเดกจริงเชียว ซูเหยาคิดพลางหัวเราะ
ธนิมองหญิงสาวเจ้าของเสียงใสที่นั่งหันหลังอยู่ท่ามกลางสวนสไตล์จีนโบราณ ต้นบอนไซและไม้ดอกหลากสีสันถูกประดับตกแต่งอย่างลงตัว
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นธนิพยายามที่จะมองเงาร่างของหญิงสาวที่เห็นนั้นให้ได้ ขณะที่ธนิจะได้เห็นใบหน้าของคุณหนูของบ้าน ทันใดนั้นกลับมีเสียงเเทรกขึ้น
“ซูเหยา ข้ากลับมาแล้ว เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่” เสียงนุ่มทุ้มกล่าวทักทายร่างบางอย่างอารมณ์ดี ธนิมองตามเสียงนั้น พลางเห็นภาพชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว ภายใต้ชุดในแบบฮั่นฟูจีนโบราณสีขาวงามสง่าท่าทีองอาจน่ามองอย่างที่สุด
กริ้งงงง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น
ธนิลืมตาตื่นทันทีด้วยความตกใจ
ไม่ชินกับเสียงนาฬิกาปลุกของตัวเองสักทีนะเรา วันหยุดผ่านไปเร็วจริง ๆ ธนิบ่นกับตัวเองพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูเวลา
“ เเย่เเล้ว สายเเล้ววววววว ”
ร่างบางลุกจากที่นอน ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้เธอไม่อยากไปทำงานด้วยซ้ำ เเต่คำพูดของหัวหน้าที่ดังก้องในหัวทำให้เธอต้องรีบลุกอาบน้ำไปทำงาน มือเล็กหยิบสร้อยหยกมาใส่พลันนึกถึงคำสั่งเสียที่ปู่ทวดมอบไว้
ที่ทำงาน
“ รอด้วยค่าาาา ”
ธนิตะโกนบอกคนในลิฟต์ พร้อมกับรีบวิ่งไปให้ทัน ภาพหญิงสาวร่างเล็กหอบแฟ้มเอกสารขนาดใหญ่รีบวิ่งทุลักทุเลมาทำให้ชนแดนรู้สึกขำในใจ เขากดลิฟท์รอสาวเจ้าอย่างใจเย็น พลางยิ้ม ความรีบร้อนทำให้ธนิไม่ได้มองว่าคนที่เธอเรียกให้รอคือใคร
“ ขอบคุณค่ะ ”
ธนิก้มหน้าเอ่ยพร้อมหันหลังให้อีกฝ่าย ธนิกดลิฟท์ไปที่ชั้น 13 ซึ่งเป็นออฟฟิศของเธอ เสียงใสของธนิเอ่ยขึ้น
“ ไปชั้นไหนคะ? ”
ไม่มีเสียงใครตอบกลับมา ธนิจึงหันไปสบตาเข้ากับชายหนุ่มที่กำลังมองเธออยู่ ชายหนุ่มสวมชุดแปลกตาธนิส่ายหัวไปมา ก่อนจ้องมองไปที่ชายในลิฟท์อีกครั้ง หัวหน้านี่น่า ธนิบอกกับตัวเอง
“ สวัสดีค่ะหัวหน้า เข้าออฟฟิศเเต่เช้าเลยนะคะ แฮะ ๆ ”
ธนิหัวเราะแห้ง เช้าบ้าอะไรยัยนิ เกือบจะเข้างานอยู่เเล้ว ธนิบ่นกับคำพูดเซ่อซ่าของตัวเอง
“ คุณเองก็มาทำงานเเต่เช้าเหมือนกันนะ ถึงมาพร้อมกับผมพอดี ”
ชนแดนยิ้มกริ่ม ธนิหันมองพร้อมกับยิ้มกว้างตาหยี เหมือนประชดประชันเขา ปฏิกิริยาของธนิทำให้ภูธรนึกขำ เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก เอกสารแผ่นหนึ่งหล่นลงจากมือ ธนิก้มหัวผายมือให้ชนแดนเดินไปก่อน เเล้วจึงก้มลงเก็บเอกสาร จู่ๆ เธอกลับรู้สึกเย็นวูบเหมือนถูกมองจากด้านหลัง ธนิไม่สนใจเเละรีบเดินออกจากลิฟท์ไป
วันที่วุ่นวายผ่านไปอีกวันอย่างยากเย็น
“ ยัยนิดูท่าวันนี้ฝนจะตกหนักนะ เมฆครึ้มมาเลย ให้ฉันไปส่งไหม? ”
เพื่อนร่วมงานถามธนิด้วยความเป็นห่วง
“ ไม่เป็นไรบ้านแกกับฉันอยู่คนละทาง เดี๋ยวแกต้องวนรถไกลอีก ”
ธนิตอบกลับพร้อมตบไหล่เพื่อนเบา ๆ ธนิดึงถุงพลาสติกออกมาห่อกระเป๋าเอกสารไว้ พยักหน้ายิ้มกับตัวเองด้วยความภูมิใจในไอเดียของเธอ
ในช่วงเวลาเร่งด่วน ผู้คนมากมายทยอยเดินทางกลับบ้าน ท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมพัดเเรง ฝนค่อย ๆ ตกลงมา ธนิกำลังยืนหลบฝนที่ป้ายรถเมล์ หันมองรถหรูที่เข้ามาจอดด้านหน้าเธอ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงค่อย ๆ ก้าวลงจากรถหรู รองเท้าผ้าใบสีขาว กางเกงขายาวสีดำเเละเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวที่เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ผ่านการดูเเลมาอย่างดี ใต้หมวกที่ปิดบังใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ปากเรียวกลับเม้มปากอย่างไม่สบอารมณ์ ระหว่างที่ธนิมองเขาอยู่นั้นกลับเห็นเงาสีดำแปลกประหลาดจากด้านหลัง ธนิเบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปอีกทาง
“ ฉันต้องบ้าไปแล้วเเน่ ”
ธนิบ่นพึมพัม ก่อนที่จะยกถุงกระเป๋าเอกสารขึ้นบังฝนเเละรีบวิ่งฝ่าสายฝนขึ้นรถไป ความไม่ระวังของเธอทำให้รูปของเธอร่วงจากกระเป๋าปลิวตกลงต่อหน้าชายหนุ่มเขาก้มลงเก็บรูปขึ้นมา
" คุณครับ คุณ!! คุณครับ!! "
เสียงหนักทุ้มของชายคนหนึ่งตะโกนไล่หลังหญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาวิ่งท่ามกลางฝนตกหนัก
“ ไอ้ติณณ์!/ ”
เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้น ชายหนุ่มขยับหมวกให้เข้าที่ก่อนจะโยนรูปนั้นทิ้งแล้วเดินไปหาเจ้าของเสียงนั้น..