“มึงว่าใช่มะ แต่กูว่าใช่ว่ะ”
กนกพลออกความคิดเห็นพลางหลิ่วตามองอีกสองคนเป็นเชิงถาม
“เออ แม่งเอ้ย กูพลาดอีกละ”
ชานนท์ทำหน้าเซ็ง พึงพำบ่นอุบซึ่งมีแต่กนกพลเท่านั้นที่รู้ว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไร ขณะที่กรกนกนั้นคิดว่าคนพูดหวังจะเคลมเพื่อนสาวจึงฟาดกำปั้นเข้าใส่
“อย่าแม้แต่จะคิด! ถ้าคนนี้หญ้ายอมให้แค่พี่กริชเท่านั้น”
“โถ่ หึงพี่ก็ไม่บอก”
“โทษนะพี่กาย ตื่นค่ะตื่น!”
กรกนกทำหน้าเอือมระอา อยากจะประเคนกำปั้นให้อีกชุดแต่พอเห็นสายตาที่เป้านินทามองมาทั้งสามจึงสะดุ้ง รีบผละออกจากกันแล้วทำทีเป็นพูดคุยเรื่องอื่นกลบเกลื่อน
ถึงจะเอะใจที่ทุกสายตาพุ่งมาหาอย่างชัดเจนแต่ดาริกาก็เลือกที่จะเงียบแล้วทำทีเป็นมองไม่เห็น เพราะเดาได้ว่ายัยเพื่อนตัวดีน่าจะแอบเผาเรื่องของเธออยู่ ทางที่ดีคือแกล้งตีเนียนเพื่อจะได้ไม่ต้องโดนล้อเลียนจะดีกว่า
แตกต่างจากเวฬุที่แววตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ กระหยิ่มยิ้มย่องกับการเปลี่ยนแปลงของเหล่านักท่องราตรีที่เอาแต่เมียงมองเด็กสาวในเสี้ยววินาที ฮึ ให้มันรู้หน่อยว่านี่ใคร
ความจริงแล้วใต้ที่นั่งของโต๊ะประจำของวงจะมีผ้าห่มซ่อนอยู่ แต่เหตุที่เขายอมสละเสื้อให้เด็กสาวด้วยตัวเองนั้น
นอกจากจะเพราะสงสารกึ่งเอ็นดูคนขี้หนาวแล้ว อีกนัยของผลพลอยได้ก็สามารถกำจัดคู่แข่งจากทั้งร้านได้โดยไม่ต้องพูดอะไรมาก
เพราะการที่บนร่างของเธอมีเสื้อของเขาคลุมอยู่ นั่นเท่ากับเป็นการประกาศกลาย ๆ แล้วว่า ‘ผู้หญิงคนนี้มีเจ้าของแล้ว ใครก็ห้ามมายุ่ง ห้ามมาจีบทั้งนั้น’
“อะ ชน ๆ ๆ”
“หมดแก้ววว~”
เนื่องจากกรกนกเป็นสายเอนเตอร์เทนและสนิทสนมกับกลุ่มเพื่อนของพี่ชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ไม่นานในโต๊ะก็มีแต่เสียงหัวเราะหยอกล้อ ดังแทรกคำสบถหยาบโลนตามประสาผู้ชายเป็นระยะ ๆ เมื่อแอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์พร้อมกับทลายกำแพงบางอย่างลงไปในเวลาเดียวกัน
ดวงตาหยาดเยิ้มหันมองคนนั้นที คนนี้ที นั่งหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งขณะที่มือก็คอยลูบต้นแขนในส่วนที่โผล่พ้นขอบเสื้อหนัง หวังใช้ความอุ่นของฝ่ามือช่วยบรรเทาอาการหนาวสั่นไปด้วย
แต่ดูเหมือนจุดที่สายตาเธอไปตกซะส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเสี้ยวหน้าคมคร้ามของชายผิวแทนที่นั่งเบียดอยู่ใกล้ชิด ชนิดได้กลิ่นน้ำหอมสะอาดสดชื่นระคนกลิ่นเหงื่อของเพศชายอบอวลอยู่ใต้จมูกตลอดเวลา
เขาหล่อชะมัด หล่อและมีอะไรบางอย่างที่คอยดึงดูดให้เธอไม่อาจละสายตาไปไหนได้นาน โดยเฉพาะตอนที่มุมปากนั้นยกยิ้ม เปล่งเสียงแค่นหัวเราะเบา ๆ ดาริกาก็คล้ายตาพร่า หัวใจเต้นรัวเร็วแข่งกับเสียงเพลง
ฉับพลันคนเมาที่ไม่รู้ตัวว่าเมาแล้วก็สะดุ้งโหยง เมื่อจู่ ๆ คนข้างกายเอี้ยวตัวเข้ามาใกล้ สอดท่อนแขนเข้ารวบเอวแล้วรั้งเธอเข้าหาจนช่องว่างระหว่างสองคนลดลงเป็นศูนย์ หากแต่สายตากลับมองพนักงานพร้อมพยักหน้าเรียก
"น้ำแข็งหนึ่ง โซดาสาม โค้กด้วยอีกหนึ่ง"
เขาสั่งของเพิ่ม สีหน้าปกติราวกับใต้เสื้อหนังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างจากเธอที่หน้าร้อนวูบวาบ พวงแก้มที่แดงเป็นทุนเดิมยิ่งแดงกว่าเก่าเพราะสัมผัสใกล้ชิด
ยิ่งในตอนที่เขาอาศัยจังหวะยามทุกคนหันไปสนใจกับของที่เพิ่งมาเสิร์ฟ โน้มใบหน้าเข้ามากระซิบถามประชิดใบหูหัวใจก็แทบกระดอนออกมานอกอก
“ถ้าแบบนี้ อุ่นขึ้นไหม?”
อุ่นสิ! แถมยังอุ่นจนร้อนระอุแล้วด้วย! แต่หากถามว่ารู้สึกดีกว่าได้รับไออุ่นจากเสื้อคลุมเพียงอย่างเดียวไหม เธอตอบได้เลยว่ามาก!
ดังนั้นเมื่อชำเลืองมองสีหน้าของผู้ร่วมโต๊ะแต่ละคนแล้วไม่มีใครสังเกตเห็นว่าภายใต้เสื้อคลุมที่ปิดบังจนถึงคอนั้นมีใครบางคนกำลังโอบเอวเธออยู่
คนขี้หนาวจึงแสร้งดิ้นขลุกขลัก หยิกสีข้างเขาพอเป็นพิธีให้ไม่ถูกปรามาสว่าง่าย ก่อนจะยอมรับไออุ่นผ่านอ้อมกอดแข็งแรงของเขาแต่โดยดี
*****************
เนี้ยยย ดูอิพี่มันอ้อยดิ ลำพังแค่นั่งยิ้ม ๆ น้องมันก็ตกหลุมไปครึ่งตัวแล้วนะ แบบนี้น้องมันจะปีนขึ้นมายังไงไหว