หลังจากซื้อของเสร็จขวัญก็ได้พายเรือมุ่งหน้ามายังคลองท่อตามคำบอกของหมื่นพลทัต ระหว่างทางตนบังเอิญได้ฟังบทสนทนาของชายชาวหงสาวดีสองคนที่เพิ่งพายเรือผ่านไป ชายผู้นั้นบอกกับสหายว่าจะไปตลาดบ้านจีน สถานที่ตั้งโรงรับชำเราอันเลื่องชื่อลือชา ขวัญใคร่อยากรู้ว่าโรงรับชำเราที่ว่าจะหน้าตาเป็นเยี่ยงไร หารู้ไม่ที่แห่งนั้นคือโรงรับชำเราบุรุษ สวรรค์ของชายผู้ปรารถนาความสัมพันธ์เพียงชั่วยาม
“อยากไปรึ”
“ไปไหนขอรับ”
“โรงรับชำเรา” หมื่นพลทัตสังเกตขวัญตั้งใจฟังชาวหงสาวดีสองคนนั้นเป็นพิเศษ
“อยากไปขอรับ ข้าอยากเห็น”
“สภาพอย่างเจ้าไม่เหมาะดอก ขนาดปีนต้นมะพร้าวยังทำไม่ได้ ข้าชักสงสัยแล้วว่าเจ้าเดินทางไกลมาได้เยี่ยงไร ฤๅจักมีคนช่วยตลอดทาง”
“เกี่ยวกระไรกับปีนต้นมะพร้าว”
“เรี่ยวแรงแลความอดทนเจ้ามีเท่าใดกัน เจอประเดี๋ยวคงวิ่งแจ้นออกมาจากโรง” หมื่นพลทัตนึกขันที่ขวัญไม่ยักเข้าใจคำดูหมิ่นของตน
“เหตุใดต้องวิ่งแจ้น” ขวัญยังคงงุนงงว่าเกี่ยวกระไรกับโรงรับชำเรา คำคำนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่
“โง่”
“หมื่นท่านน่ะสิโง่...” ขวัญขยับปากพูดเบา ๆ
“เจ้าว่าข้า”
“หมื่นท่านว่าข้าก่อน”
“ข้ามิใช่เพื่อนเล่นเจ้า”
“ปล่อย! ไม้พายของข้า!”
หมื่นพลทัตพยายามแย่งไม้พายมาจากคนตัวเล็ก ตนต้องสั่งสอนคนตรงหน้าให้เข็ดหลาบเสียบ้างแล้ว ให้เหมือนคราแรกที่พบกัน ครานั้นบนเรือนร้างอีกฝ่ายกลัวเสียจนเป็นลม ทว่าขวัญเองก็ไม่ยอม ร่างเล็กยื้อไม้พายที่มือขณะเดียวกันก็ไม่สามารถต้านแรงของหมื่นพลทัตได้ พลันร่างก็โน้มเข้าหาอกแกร่ง แนบชิดเสียจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น
ตึกตัก ตึกตัก...
“เล่นกับหมา หมาเลียปาก!” เป็นอีกคราที่หมื่นพลทัตผลักอีกฝ่ายออกจากตัว หากแต่ครานี้ขวัญเกือบหงายหลังตกคลอง โชคดีที่มือน้อยเกาะขอบเรือไว้ทัน
“มิยักรู้ว่าประเดี๋ยวนี้น้องข้ามีสหายเป็นชาวหงสา” เสียงชายแปลกหน้าดังขึ้น เป็นจมื่นพลเลิศที่กำลังชะลอม้าของตนก่อนจะเอ่ยทักน้องชายต่างมารดา
“พี่เลิศ”
“ข้าพลอยคิดมาตลอดว่าเจ้าเกลียดชาวหงสา”
“...” หมื่นพลทัตนั่งนิ่ง เช่นเดียวกับขวัญที่ไม่รู้ว่าคนบนฝั่งคือใคร ตนรู้เพียงพี่ชายของหมื่นพลทัตถูกต้อนไปกรุงหงสาวดีกับมารดา
“ฤๅจักกลืนน้ำลายของตน”
“พายเรือไป” หมื่นพลทัตเอ่ยกับขวัญเสียงนิ่ง
“ไร้มารยาท พ่อแม่ไม่สั่งสอน” จมื่นพลเลิศต่อว่าที่อีกฝ่ายไม่สนใจตน
“พูดจาให้สมกับเป็นจมื่นมิได้ฤๅ ฤๅพ่อแม่ไม่สั่งสอนเหมือนกัน” คำพูดของจมื่นพลเลิศทำให้หมื่นพลทัตหันกลับมามองอีกฝ่าย เจ้าตัวตอบกลับพี่ชายต่างมารดาก่อนจะแย่งไม้พายมาจากมือของขวัญ
“...” ขวัญที่สัมผัสได้ถึงความคุกรุ่นของสองคนนี้ตัดสินใจนั่งเงียบและหันมองผืนน้ำข้าง ๆ แทน
ณ เรือนของพระอเนกศิลป์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่สังกัดกรมโกษาธิบดี กรมที่ดูแลเกี่ยวกับการค้ากับต่างประเทศ แม่หญิงไพลินนั่งรอหมื่นพลทัตพลางร้อยมาลัยอันเป็นงานอดิเรกของเจ้าตัว เรือนแห่งนี้ใหญ่โตสมกับเป็นเรือนขุนนางผู้ร่ำรวย เธอให้บ่าวจัดเตรียมเสี้ยนหมากต้อนรับหมื่นพลทัตตามประเพณี เกือบเดือนแล้วที่ไม่ได้พบหน้าน้องชายคนเล็กที่อายุห่างกันหนึ่งรอบถ้วน
ไม่นานนักแขกคนสำคัญก็ปรากฏกาย ชายหนุ่มร่างใหญ่เดินขึ้นมาบนเรือนพร้อมคนแปลกหน้าที่แม่หญิงไพลินไม่รู้จัก ดูจากการแต่งกายคงไม่ใช่ชาวพระนครเป็นแน่ น้องชายที่เคยดูแลยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมมาตั้งแต่เด็ก บัดนี้โตเป็นหนุ่มรูปงามเสียแล้ว น่าเสียดายที่บิดาของตนไม่มีโอกาสได้เห็นภาพตรงหน้า ใบหน้านั้นถอดแบบมาจากบิดาไม่มีผิดเพี้ยน
“มาช้านัก พี่รอใส่บาตรจนสายก็มิเห็นเจ้า”
“ข้ารู้ว่าพี่ต้องขอพรให้ข้าอยู่ดี” หมื่นพลทัตซบไปที่ตักของพี่สาวที่เปรียบเสมือนที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวในยามนี้ เจ้าตัวออดอ้อนอีกฝ่ายราวได้กลับไปเป็นเด็กอีกครา
“วันคล้ายวันเกิดปีนี้พี่ขอให้เจ้าได้ใช้ชีวิตดั่งใจหวัง ไม่เจ็บไม่ไข้ แลขอให้เจ้าได้พบกับผู้ที่ปรารถนาเสียที”
“ขอบน้ำใจพี่ท่าน หากแต่เรื่องหลังข้าไม่ใคร่สนใจเท่าไรนัก สิ่งที่ข้าขอในยามนี้มีเพียงอย่างเดียว”
“...”
“ชีวิตนี้ข้าอยากพบหน้าแม่กับพี่จักรอีกสักครา”
“โธ่ เจ้าทัต”
น้ำในตาของแม่หญิงไพลินคลออย่างเสียไม่ได้ เธอเองก็คิดถึงมารดาและน้องชายคนกลางไม่ต่างจากอีกฝ่าย หากแต่ตามสืบเท่าใดก็สืบไม่พบเสียที ทั้งยังถูกผู้เป็นสามีดุเรื่องที่เธอพยายามตามหามารดาจนไม่มีเวลามาใส่ใจบุตรสามคนที่เรือน แม่หญิงไพลินจึงต้องละการตามหาครอบครัวชั่วคราว
“พี่ท่านมิต้องเป็นห่วง อีกไม่นานเราจักได้พบแม่กับพี่จักร” หมื่นพลทัตหันไปมองขวัญที่นั่งอยู่ไกล ๆ แล้วจึงเอ่ยแนะนำขวัญให้แม่หญิงไพลินรู้จัก
“ข้าไหว้ขอรับ”
“อีกสองเดือนหน้า ไอ้ขวัญจักพาข้าไปตามหาแม่ที่หงสา”
“เป็นชาวหงสารึ” แม่หญิงเอ่ยถามหนุ่มน้อยหน้าหวาน
“แม่เป็นชาวอยุธยา พ่อเป็นชาวหงสาขอรับ” ขวัญเอ่ยมิเต็มปากเท่าใด ตนกังวลทุกคราที่ต้องปด
“เด็กหนุ่มผู้นี้เคยพบแม่...”
ขวัญนั่งฟังหมื่นพลทัตคุยกับพี่สาวอยู่นานสองนาน หมื่นพลทัตพาตนมาด้วยก็เพราะเหตุนี้ เพราะต้องการให้แม่หญิงไพลินรู้ว่าการตามหาครอบครัวที่พลัดพรากยังคงมีความหวัง ขวัญนึกรู้สึกผิดกับการปดครั้งใหญ่ของตน หากหมื่นพลทัตรู้ว่าตนหลอก ตนคงไม่รอด เพียงคิดขวัญก็รู้สึกขนลุก เจ้าตัวขอลงไปรอข้างล่างระหว่างที่หมื่นพลทัตคุยเรื่องอื่นกับพี่สาวคนเดียว
“ข้าไปด้วย...” แก้ว บุตรชายคนเล็กของแม่หญิงไพลินวิ่งมากอดขาของขวัญ
“เจ้าแก้ว” หมื่นพลทัตดุหลานชาย จะไปกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันเพียงครั้งเดียวได้อย่างไร
“พี่งาม ข้าชอบ” เด็กน้อยไร้เดียงสาเอ่ยและยังคงกอดขาของขวัญแน่น
“ไปเถิด ฝากลูกชายข้าด้วยหนาไอ้ขวัญ”
“งามรึ... เจ้าแก้วมันพูดปดหนาพี่ท่าน” หมื่นพลทัตพูดแทรก
“ข้าก็เห็นว่างาม มองเผิน ๆ นึกว่าแม่หญิงแต่งชายเสียอีก”
หมื่นพลทัตนึกขำกับคำพูดของพี่สาว เว้นแต่ขวัญที่รู้สึกเสียหน้าเมื่อถูกหาว่าเป็นหญิงแต่งชาย หากตนตัวใหญ่กว่านี้ก็คงดี คนอื่นจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิด ขวัญย่อตัวก่อนจะอุ้มแก้วลงจากเรือน
“คุณแก้วโตมาอย่าหน้าเหมือนหมื่นทัตหนาขอรับ”
“น้าทัตรูปงามปานเทวดา”
“ไม่งามขอรับ น่ากลัว เหมือนยักษ์เสียมากกว่า” มือทั้งสองของขวัญกำลังดึงแก้มและแยกเขี้ยวราวกับเป็นยักษ์ให้เด็กน้อยดู แก้วชอบใจและหัวเราะเสียงดัง ดังเสียจนหมื่นพลทัตที่อยู่บนเรือนลอบเดินมาดูทั้งคู่ที่กำลังเล่นกันบนลานโล่ง
ขวัญและแก้วดูจะเข้าขากันจนแม่หญิงไพลินนึกอยากขอให้หมื่นพลทัตยกขวัญมาอยู่ที่เรือนของตน หากแต่ถูกหมื่นพลทัตปฏิเสธในทันที ชายหนุ่มอ้างว่าขวัญยังไว้ใจไม่ได้ อยู่กับตน ตนจะได้เฝ้าดูทุกฝีก้าว หมื่นพลทัตเหล่มองขวัญที่กำลังเดินไปเด็ดดอกจำปาข้างเรือน ร่างเล็กสูดดมดอกจำปาที่หอมชื่นใจก่อนจะนำมันมาเหน็บไว้ที่กระดุมเสื้อ หมื่นพลทัตไม่ทันสังเกตว่าชั่วขณะหนี่ง แววตาของขวัญกำลังสั่นไหวเพราะนึกถึงใครบางคน ใครคนนั้นที่มักเรียกตนว่าเจ้าจำปา
“คุณแก้ว ข้าเด็ดดอกจำปามาฝาก...”
ขวัญหันกลับมาหาเด็กน้อย หากแต่ไม่พบ เมื่อสักครู่เด็กน้อยยังขี่ม้าก้านกล้วยอยู่ตรงนี้ ครานี้กลับมีเพียงก้านกล้วยที่ถูกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี บ่าวไพร่ที่เคยขุดดินอยู่แถวนี้ต่างไปครัวเพื่อหาของกิน เหลือเพียงขวัญที่กำลังกวาดสายตามองหาเจ้าตัวเล็กอย่างหวาดหวั่น
ตู้ม...
เสียงราวกับมีของแข็งตกน้ำดังขึ้น ขวัญหันขวับไปดูต้นตอของเสียง นึกสังหรณ์ไม่อยากให้สิ่งที่คิดเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง ทันใดนั้นเสียงเด็กก็ร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ เป็นแก้วที่แอบขวัญไปวิ่งเล่นแถวท่าน้ำที่อยู่ไม่ไกล เด็กน้อยก้มลงดูปลาตามประสา หากแต่ก้มมากเกินไปจนเสียหลักตกลงไปในคลองน้ำ เสียงร้องค่อย ๆ หายไปคล้ายกับว่ากำลังถูกกระแสน้ำกลืนกิน
“คุณแก้ว!!” ขวัญร้องเสียงหลงก่อนจะกระโดดน้ำไปช่วยบุตรของแม่หญิงไพลินอย่างไม่คิดชีวิต