บทที่10
คุณลุงคนนั้น
วันนี้เป็นวันที่เด็กหญิงรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ที่ปะปิ๊ยืมตัวปะป๊าเทียนไปหนึ่งวัน
" พี่ลู่ลู่พี่ว่าปะป๊าเทียนจะเป็นยังไงบ้างอ่า หนูเป็นห่วงจัง "
หนิงหนิงเอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดของตัวเองที่กำลังเล่นเกมอย่างสนุกสนานอยู่ เธอรู้สึกกังวลใจมากว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเยว่ซวีเทียนบ้าง หากไป๋เล่ย รังแกป๊ะป๊าเทียนของเธอจะทำอย่างไรดี เพราะตัวเธอเองแท้ๆ ที่หลุดพูดคำว่าปะป๊าเทียนออกไปต่อหน้า ไป๋เล่ย จึงทำให้เขาเกิดอาการเหมือนจะไม่พอใจ
" ไม่ต้องคิดมากน่าน้องลองคิดดูสิ เราอยากให้ปะป๊ากับปาปิ๊รักกันไม่ใช่เหรอ แบบนี้น่ะดีแล้วล่ะบางทีความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจพัฒนาไปไกลแล้วก็ได้ "
เด็กชายวางจอยเกมลงแล้วเดินมาจุ๊บหน้าผากน้องสาวหนึ่งทีเพื่อให้เธอคลายกังวล แต่ถึงกระนั้นเด็กหญิงวัยหกขวบก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่พี่ชายฝาแฝดของตนพูดอยู่ดีแม้จะเป็นอัจฉริยะเหมือนกันแต่ระดับของเธอยังห่างจากพี่ชายอยู่มาก
" งั้นเดี๋ยวหนูขอไปดูก่อนนะ ว่าปะป๊ายังสบายดีหรือเปล่าพี่ลู่ลู่จะไปด้วยมั้ย "
หนิงหนิงถามพี่ชายตาแป๋วประมาณว่า ' ไปกับหนูเถอะนะคะ'
" อึก ตอนนี้พี่ต้องไปจัดการบอสน่ะน้องไปก่อนเลยนะเดี๋ยวพี่ตามไป "
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กชายปฏิเสธผู้เป็นน้องสาว เพราะว่าบอสลับดันโผล่มาแถมยังจำกัดเวลาในการทำเควสอีก ได้ยินดังนั้นหนิงหนิงจึงเกิดอาการหงอยจับที่พี่ชายไม่ยอมไปด้วย
" หนูไปเองก็ได้ รีบๆ ตามมานะคะ "
" ได้สิพี่จะรีบจัดการบอสแล้วตามไปนะ " เพื่อจะเป็นที่หนึ่งของเซิฟลู่ลู่จำเป็นต้องกำจัดบอสให้ได้ก่อนใคร
บ้านพักรับลองไป๋เล่ย
เด็กหญิงเดินมาตามทางเรื่อยๆ ด้วยอาการนอยเล็กน้อยจนมาถึงบ้านพักรับรอง แต่ทำไมกลับไม่มีใครอยู่สักคนทั้งพ่อบ้านและพวกเมด เธอเดินเข้ามาในตัวบ้านก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากห้องของไป๋เล่ยจึงรีบขึ้นไปดูทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ตึกๆ แอ๊ด!!
สองขาเล็กวิ่งขึ้นบันไดอย่างเร็วรี่ก่อนที่มือน้อยๆ จะเอื้อมไปบิดลูกบิดแล้วค่อยๆ แง้มประตูออกช้าๆ แต่ทันใดที่ประตูเปิดออกเพียงเล็กน้อยเธอก็เห็นว่าปะปิ๊ของเธอกำลังคร่อมอยู่บนตัวของปะป๊า แถมปะป๊ายังมีท่าทีขัดขืนอีกทำให้หนิงหนิงรู้สึกโกรธและเสียใจมากที่ไป๋เล่ยไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอว่าจะไม่รังแกเยว่ซีเทียนเด็ดขาด 'บอกว่าขอยืมหนึ่งวันแต่กลับทำร้ายปะป๊าเทียนของหนูแบบนี้เกลียดที่สุดเลย ' เด้กหญิงคิดในใจก่อนตะโกนออกไปสุดเสียง
" ปะปิ๊รังแกปะป๊าทำไม หยุดเดี๋ยวนี้นะหนิงๆ เกลียดปะปิ๊ที่สุด!!! "
หนิงหนิงวิ่งออกจากบ้านไปทั้งน้ำตาสิ่งแรกที่เธอเกลียดที่สุดคือคนที่ไม่รักษาสัญญา เธอวิ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้นจนกระทั่งสองขาเล็กพาเธอมาหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งเธอจึงรู้ตัวว่าได้วิ่งออกจากบ้านมาไกลมากแล้ว และตอนนี้แสงอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เพราะเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว
" แงง พี่ชายอยู่ไหน แงง " เด็กหญิงยืนร้องไห้โฮอยู่ที่ทางเดินเข้าสนามเด็กเล่นเธอไม่รู้เลยว่าต้องกลับทางไหนเพราะตอนวิ่งออกมาไม่ได้สนใจมองทางเลยแม้แต่น้อย คิดแค่ว่าอยากวิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ อากาศเริ่มเย็นตัวลงทุกขณะรวมถึงแสงแดดที่เริ่มจะหายลับไปแล้ว ตอนนี้หนิงหนิงทำได้เพียงยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้น
" ฮึกๆ ไม่มีใครตามหาหนูเลย ไม่รักหนิงหนิงแล้วเหรอคะ แงง " พูดกับตัวเองจบเธอก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
ทันใดนั้นก็มีเงาดำ ปรากฎขึ้น มันเริ่มเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ จนทำให้เด็กหญิงรู้สึกกลัว
" ยะ อย่าเข้ามานะ ฮึก หนูขอโทษหนูจะเป็นเด็กดีไม่หนีออกจากบ้านอีกแล้ว ฮึก " เธอร่นถอยไปข้างหลัง เพราะความกลัวทว่าเหมือนกับฟ้ากลั่นแกล้งเท้าน้อยๆ ดันไปสะดุดกับก้อนหินจนทำให้เธอล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น
' ทำยังไงดี จะหนีก็ไม่ทันแล้วใครก็ได้ช่วยหนูด้วย '
หนิงหนิง กำมือแน่นหลับตาปี๋ ร่างเล็กนั้นสั่นเทาด้วยความกลัวและยังอากาศที่เรื่อมเย็นลงเรื่อยๆ อีกทั้งในหัวของเธอคิดอะไรเยอะแยะไปหมด แต่ทันใดนั้น
พรึบ
มีบางอย่างเข้ามาคลุมตัวเธอเอาไว้มันทำให้เด็กหญิงสั่นน้อยลงเพราะความอบอุ่นแต่ความกลัวก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน
" มายืนร้องไห้ตากหมอกตอนกลางคืนแบบนี้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดเอาหรอก "
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นทำให้หนิงหนิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก็เห็นว่าชายคนหนึ่งแต่งตัวแปลกๆ มายืนอยู่ตรงหน้าของเธอและสิ่งที่มาคลุมตัวเธอเอาไว้ก็คือเสื้อคลุมลายเสือดาวของเขานั่นเอง
" คุณลุงเป็นใครกันคะ? " เด็กหญิงหยุดร้องไห้ทันทีก่อนเอ่ยถามออกไปพลางมือทั้งสองก็ปาดน้ำตาออกให้หมด เพราะเธอนั้นถือคติว่าจะไม่ร้องไห้ให้คนแปลกหน้าเห็นเด็ดขาด เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำว่าลุง ก็เหมือนกับถูกมีดจ้วงที่ท้องอย่างแรง 'ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะ คงต้องไปฉีดฟิลเลอร์เพิ่มแล้วล่ะเด็กทักซะขนาดนี้ '
" เรียกพี่ได้มั้ย เดี๋ยวพี่จะให้เงินกินขนมห้าพัน " เขาย่อตัวนั่งลงให้อยู่ในระดับเดียวกันกับเด็กหญิง
" ไม่ค่ะบ้านหนูรวย ขอบคุณนะคะคุณลุงสำหรับน้ำใจ " คำสั้นๆแต่เจ็บไปถึงกระดองใจเขาไม่ได้ตอบอะไรออกไปได้เพียงแต่ยิ้มกว้างให้เด็กหญิงก่อนจะชวนเธอไปนั่งในศาลา
" เข้าไปนั่งในศาลกันมั้ย หมอกเริ่มหนาแล้วเดี๋ยวเป็นหวัดเอานะ^__^ "
" ไม่ค่ะถึงลุงจะหล่อ แต่ยังไงก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี " หนิงหนิงตอบออกไปทันควัน ' ยัยเด็กนี่ จะชมทั้งทีให้ดีกว่านี้ไม่ได้หรือไงหน้าตาดีขนาดนี้ไม่น่าไว้ใจตรงไหนเอาปากกามาวงซิ ฮึ่ย '
" เอาเป็นว่าหนูไปนั่งในศาลาส่วนพี่จะนั่งอยู่ที่ชิงช้าด้านนอกก็แล้วกันโอเคมั้ย เด็กน่ะถ้าเป็นหวัดจะต้องไปโรงพยาบาลนะ "
" แต่ที่บ้านหนูมีคุณหมอนะคะ บ้านลุงไม่มีเหรอคะ " เธอเอียงคอถามชายแปลกหน้า
" เอาล่ะบ้านพี่ไม่มีหมอหรอก งั้นไปอยู่ในศาลาได้แล้วเดี๋ยวจะนั่งเป็นเพื่อน "
เขาพูดห้วนๆ ใส่เด็กหญิงก่อนจะอุ้มเธอไปวางไว้ในศาลาแล้วเดินออกมานั่งที่ชิงช้า เขารับรู้ได้ทันทีว่าทำไมรุ่นน้องที่น่ารักของเขาถึงได้ทำตัวแปลกไปขนาดนั้นก็คงจะเป็นเพราะความแสบใช่ย่อยของเธอสินะ ขนาดเขาเองยังถูกคำพูดที่แสนบริสุทธิ์นั่นเสียดแทงไปตั้งหลายรอบแล้วนับประสาอะไรกับคนที่ต้องคลุกคลีอยู่ด้วยทุกวัน น่าสงสารจริงๆ
" แล้วพ่อกับแม่ของหนูล่ะไปไหน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวถ้าโดนจับตัวไปจะทำยังไง "
อันนี้เขาพูดด้วยความเป็นห่วงจริงๆพวกผู้ปกครองมัวทำอะไรกันอยู่นะจนป่านนี้ยังไม่โผล่หน้ามาอีก
" หนูวิ่งออกมา ฮึก แต่ว่า ฮึก ไม่มีใครตามหนูมาเลยแงง " หนิงหนิงร้องไห้โฮอีกครั้งแม้จะไม่อยากร้องไห้คนแปลกหน้าเห็นก็ตามแต่พอคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เธอไม่สามารถกลัดกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกเพราะตั้งแต่เกิดมานอกจากแกล้งคนแล้วก็ไม่เคยปลอบใครเลยเช่นกัน
" โอ๋ๆ อย่าร้องเลยนะเดี๋ยวพวกเขาคงจะมาแล้วล่ะ พี่จะอยู่เป็นเพื่อนเอง "
" จริงนะคะ "
" อื้ม จริงสิจ๊ะ งั้นเรามาเล่นเกมกันดีมั้ยถ้าใครเป่ายิ้งฉุบแพ้จะต้องเล่าความลับของตัวเอง "
" ได้สิคะ " หนิงๆ ตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยินเพราะเธอชอบการเป่ายิ้งฉุบมาก ไม่เคยมีใครเอาชนะเธอในเกมเป่ายิ้งฉุบพระราชามาก่อน และครั้งนี้ก็เช่นกัน ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาชนะเด็กหญิงได้เลย ราวกับว่าเธอรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าจะออกเครื่องหมายอะไร ' ไม่ได้การล่ะ' เขาคิดในใจถ้าแพ้ต่อไปคงจะต้องเล่าออกไปจนหมดแน่แม้ทุกอย่างจะเป็นเรื่องจริงบ้างเรื่องโกหกบ้างก็ตาม
" เป่ายิ้งฉุบ "
" ไอเลิฟยูชนะทุกอย่าง " เขางัดท่าไม้ตายออกมาใช้แม้มันจะดูปัญญาอ่อนและขี้โกงก็ตาม
" เดี๋ยวสิคะ มันมีด้วยเหรอคะลุง " หนิงหนิงยืนขึ้นทันทีที่เล่นเสร็จ
" มีสิแม่หนูคงไม่เคยมีเพื่อนล่ะสิท่า เนี่ยท่านี้เขาใช้กันทั่วเลยนะแต่สามารถใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น " (โกหก)
" แบบนี้นี่เอง เอาล่ะในเมื่อลุงชนะหนูจะเล่าความลับของหนูให้ฟัง "
ในที่สุดสิ่งที่เขาพยายามมาทั้งหมดก็สำเร็จสักที
" หนูน่ะไม่มีแม่หรอกค่ะ พ่อก็ด้วย "
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
" หนูรู้แค่ว่าพ่อและแม่ของหนูเค้าทิ้งหนูไปอยู่บนท้องฟ้า "
หนิงหนิงชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิทมีเพียงแสงดาวเท่านั้นที่ยังเปล่งประกายวิบวับ ก่อนเธอจะเริ่มพูดต่อ
" พวกเขาทิ้งหนูและพี่ชายฝาแฝดเอาไว้ที่นี่แล้วหนีไปอยู่ด้วยกันบนท้องฟ้า แต่หนูก็ไม่เป็นไรหรอกนะคะเพราะหนูยังมีคุณอาที่รักหนูมากๆ มากจนหนูอยากให้เขากลายเป็นพ่อของพวกเราเลยล่ะและตอนนี้หนูก็กำลังหาแฟนให้คุณอาของหนูอยู่แต่ว่านะ พวกเขาดูเหมือนกะเกลียดกันวะแล้วล่ะคะเพราะเมื่อตอนเย็นหนูเห็นปะปิ๊ทำร้ายปะป๊าและหนูเสียใจมาก ก็เลยวิ่งออกมาแบบไม่รู้ตัวแล้วมาหยุดอยู่ที่นี่แหละค่ะ " ทันทีที่พูดจบเธอก็มีท่าทีสลดลงอีกครั้ง เพียงเท่านี้เขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับรุ่นน้องของเขาบ้าง แต่เขาไม่ยอมให้ใครมาโขมยคนของเขาไปง่ายๆ หรอกนะ
" ไม่เป็นไรหรอกหนูคงทำดีที่สุดแล้วล่ะเอางี้มั้ยในเมื่อเขาไม่ชอบกันหนูก็ต้องขัดขวางไม่ให้คุณอาของหนูรังแกเขาสิ "
" ไม่ให้ปะปิ๊เข้าใกล้ปะป๊าเหรอคะ? "
" อื้ม แล้วก็อีกอย่างนะพ่อกับแม่ของหนูเขาคงมีเหตุจำเป็นที่ต้องไปอยู่ในที่ไกลๆ แหละ ไม่มีใครอยากจากคนที่เรารักไปโดยไม่ได้ล่ำลาหรอกนะดังนั้นหนูอย่าพูดแบบนั้นเลย คนเราน่ะชีวิตสั้นยาวไม่เท่ากันการพบกันน่ะคือพรหมลิขิตแต่การจากลาคือโชคชะตาที่เราต้องพบกันทุกคน "
เขาเดินมาลูบหัวเด็กน้อยก่อนจะเดินจากไป จู่ๆ ก็โผล่มาแล้วก็จากไป หนิงหนิงไม่เข้าใจเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่แต่ทันใดนั้นเสียงของคนที่เธอรอคอยก็ดังขึ้น
" หนิงหนิงอยู่ไหนลูก "
" คุณหนูครับอยู่ไหน "
เสียงไป๋เล่ยและเมฆาดังขึ้นทำให้เด็กหญิงรู้สึกดีใจมากก่อนจะวิ่งไปหาพวกเขา แต่ภาพตรงหน้าทำให้หนิงหนิงหยุดชะงักทันที
" ปะปิ๊กับปะป๊าคะทำไมแต่ตัวน่าอายแบบนี้>< "
เธอเอามือน้อยๆ ขึ้นมาปิดหน้าของตัวเอง คนหนึ่งก็ใส่แค่กางเกงชั้นในส่วนอีกคนก็ไม่ใส่เสื้อน่าอายมาก ทันทีที่ได้ยินเสียงลูกสาวพูดไป๋เล่ยก็ก้มมองตัวเองอย่างได้สติก่อนจะอุทานออกมา
" เชี่ย!! " ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าหนิงหนิงได้นิสัยมาจากใคร แต่เมฆากลับกำลังกลั้นหัวเราะอยู่เมื่อเห็นอีกคนรู้ตัว
สมน้ำหน้าตะโกนบอกตั้งหลายรอบไม่รู้จักฟัง คิกคิก
" ปะปิ๊เอานี่ไปคลุมนะคะ " เธอยื่นเสื้อคลุมของชายแปลกหน้าให้กับไป๋เล่ย
" ไปเอามาจากไหนคะ " ไปเล่ยถามด้วยความสงวัย เขาก็นึกไว้แล้วว่าทำไมลูกสาวของเขาถึงไม่ร้องไห้เลยทั้งๆ ที่เธอไมไม่ชอบการอยู่คนเดียว
" คุณลุงคนนั้นเขาให้มาค่ะ " เธอยิ้มแล้วชี้ไปที่ศาลาที่มีเพียงความเงียบงันและว่างเปล่า แต่เมื่อเมฆามองไปยังเสื้อตัวนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของเสื้อตัวนี้ ' อาหลางนายมาทำอะไรที่นี่กันนะ '
" ไม่ล่ะปะปิ๊ไม่ใส่ของคนแปลกหน้า ฮะ ฮัดชิ่ว " พูดจบเขาก็จามออกมาทันทีเมฆาจึงจับเสื้อจากหนิงหนิงแล้วมาคลุมให้อย่างเบามือ
" คลุมๆ ไปเถอะน่า ครับเดี๋ยวเป็นหวัดมาใครจะดูแล " เมฆาพูดอย่างปัดๆ เป็นถึงคนดังทำตัวไม่สมถานะซะเลยไม่รุ้ว่ามีใครมาตามถ่ายไปทำข่าวรึเปล่าก้ไม่รู้
" นายสั่งใครมิทราบ " ไป๋เล่ยตวาดใส่เมฆาอย่างแรง
" ปะปิ๊คะไม่น่ารักเลยทำไมต้องรังแกปะป๊าด้วยกอดคืนดีกันเดี๋ยวนี้เลยนะคะ " หนิงหนิงกอดอกทำหน้างอนตุ้บป่อง
เมฆาและไป๋เล่ยมองหน้ากันอย่างเลิกลั่น แต่กลับถูกคนตัวเล็กตวาดใส่อีกครั้ง
" เดี๋ยวนี้ค่ะ ไม่งั้นหนูจะหนีไปให้ไกลกว่าเดิม " เด็กหญิงขู่เสียงเข้ม
ทั้งสองคนกลืนน้ำลายเหนียวลงคอก่อนจะเดินมากอดกันแต่ก็ยังไม่วายเบ้ปากใส่กันอยู่อย่างนั้น
" ฉันเกลียดนาย " ไป๋เล่ยกระซิบข้างหูของเมฆาเบาๆเพื่อไม่ให้หนิงหนิงได้ยิน
" เกลียดอะไรเขาว่าได้อย่างนั้นนะครับ " ฉันก็เกลียดแกเหมือนกันแหละ แม้ปากจะพูดหยอกออกไปแต่ภายในใจเขาคิดตรงกันข้ามต่างหาก ชาตินี้ทั้งชาตเขาไม่มีทางมาชอบคนอย่างไป๋เล่ยหรอกเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องของเขาเป็นประกัน
" โอเคค่ะกลับกันเถอะปะป๊ากับปาปิ๊ของหนู " เมื่อเธอเห็นว่าทั้งสองคนรักใคร่กันดีจึงยอมให้ทั้งสองผละออกจากกัน ก่อนที่จะไปอ้อนให้ไป๋เล่ยอุ้มเธอแล้วทั้งสามก็เดินกลับบ้านด้วยกัน ' ขอโทษนะคะคุณลุงแต่ว่าปะป๊าของหนูต้องเป็นคนนี้เท่านั้น อิอิ'
#แจ้งล่วงหน้าการติดเหร๊ยญจร้า หากไรท์อัพตอนที่11แล้วจะเริ่มติดเหรีญตอนที่6-7ในวันนั้นนะคะหากใครที่ติดตามอ่านทุกตอนตั้งแต่ต้นก็จะสามารถอ่านฟรีได้เรื่อยๆจนจบจร้า ดังนั้นสามารถชวนเพื่อนๆของรี้ดมาอ่านได้ก่อนจะเริ่มติดเหรีญนะคะ
จึงเรียนมาเพื่อทราบจร้าขอบคุณรี้ดที่น่ารักทุกคนที่คอยสนับสนุนเป็นกำลังใจให้ไรท์ตัวน้อยๆคนนี้นะคะ