ดวงตางามมองข้าวของเครื่องใช้น้อยชิ้นถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ที่มุมห้องมีจักรเย็บผ้าที่ใหม่เอี่ยม ห้องนี้เหมือนว่าไม่ใช่ห้องที่มีคนอยู่ประจำ เพราะดูโล่งมาก ๆ ถึงจะดูเหมือนไม่มีคนอยู่ แต่ข้าวของพวกนี้มันก็ชวนให้คิดว่าแท้จริงมีคนเคยอาศัยอยู่
สโรชาเดินไปตรงกระจกบานใหญ่ที่มีกรอบไม้สลักลายสวยงามอ่อนช้อย เมื่อเดินเข้าไปส่องดู ภาพที่เห็นก็ชวนให้ตกใจ ภาพของหญิงสาวที่ใบหน้าละม้ายคล้ายเธอมากราวฝาแฝดเพียงแต่ซีดเซียว ผมสั้นดัดปลายยุ่งเล็กน้อยเพราะไม่ได้จัดทรง เหมือนกับกลุ่มคนที่เธอเห็นตอนที่ฟื้นขึ้นมาในทีแรก และสิ่งที่ชวนตกใจคือเหมือนเธอจริงแต่เป็นเธอตอนที่อายุสักสิบเจ็ดสิบแปดซึ่งก็ห่างจากเธอถึงสิบกว่าปีได้ ร่างกายดูมีน้ำมีนวลกว่าตัวเธอตอนที่อายุเท่านี้จริง ๆ เพราะในตอนนั้นสโรชาผอมมากไม่แปลกที่ตอนแรกตอนตื่นมาเธอถึงรู้สึกได้ว่าร่างกายแปลกไป มือเรียวยกขึ้นจับใบหน้าอิ่มของตัวเอง
“นี่คือฉันเหรอ” เสียงคำถามแผ่วเบา “ไม่! นี่ไม่ใช่ฉัน” สโรชาขยับเข้าไปใกล้กระจกภาพเงาที่สะท้อนก็ขยับตาม มือบางวางที่กระจก ‘นี่คือเธอ’ จิตใต้สำนึกบอกกับตัวเอง ‘ตกลงฉันย้อนเวลาแล้วมาอยู่ในตัวเด็กคนนี้เหรอ’ ไม่ว่าจะคำถามไหนของสโรชาก็ไม่ได้คำตอบ เธอเดินไปที่หน้าต่างมองออกไปก็เห็นลานกว้างมีน้ำพุสวยทุกอย่างข้างล่างนี้ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม เมื่อมองออกไปให้ไกลอีกก็ไม่มีตึกรามบ้านช่อง หรือรถสักคันวิ่งผ่าน
“100 ปีก่อนจริง ๆ เหรอ” คนที่ยังไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะย้อนอดีตมาอย่างกับละครหลังข่าวยังคงมีคำถามมากมายที่เธอกำลังกังวลว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง หากย้อนเวลาจริง ๆ เธอจะใช้ชีวิตอยู่ในร่างของเด็กคนนี้แบบไหน แล้วไอ้หนึ่งร้อยปีที่เธอย้อนมานี่มันเป็นยังไง เธอก็ดันไม่ใช่แบบนางเอกละครไทยที่ส่วนมากเป็นนักโบราณคดี เป็นนักประวัติศาสตร์ที่ย้อนมาแล้วจะได้รู้ข้อมูลทุกอย่าง แม้เธอจะเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบพวกข้าวของโบราณ รถโบราณ บ้านโบราณ แต่บอกตรง ๆ ว่าชอบเพราะความสวยล้วน ๆ ประวัติศาสตร์อะไรฟังแล้วก็เข้าหูซ้ายออกหูขวาไปเสียหมด เอาแค่จำว่ารถและสถาปัตยกรรมเหล่านั้นสร้างขึ้นปีไหนก็เมมโมรี่ความจำเต็มแล้ว
“โอ้ย...เครียดโว้ย....” สโรชาร้องขึ้นเสียงเบาพร้อมสองมือทึงผมไปมาไหนจะความฝันเมื่อครู่นี้อีกที่ฝันเห็นตัวเองนอนตายพร้อมเสียงร้องไห้ดังระงมของพิมพิกาและเพื่อนคนอื่นไม่รู้ว่าตายไปจริง ๆ หรือแค่ฝันแต่มันก็ดันเหมือนจริงมาก ๆ
สโรชาถอนหายใจยาว ‘เอาบัวเป็นตายร้ายดีก็มาลองดูกันสักตั้งจะได้กลับไปหรือไม่ได้กลับก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันตอนนี้ปวดหัว’ เธอพยายามปลุกพลังฮึดสู้ให้ตัวเอง
“เฮ้อ....” แต่มันก็อดที่จะถอนหายใจอีกครั้งไม่ได้อยู่ดี เรื่องแบบนี้ใครจะไปคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองทุกอย่างมันสมจริงแบบไม่มีหลุดนี่คงไม่ใช่การแกล้งกันปกติและคงไม่ใช่ความฝัน
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังสโรชาจึงรีบวิ่งกลับไปนอนที่เตียง เธอแกล้งปิดเปลือกตาลงให้ผู้คนที่เข้ามานั้นเข้าใจว่าเธอหลับเพื่อแอบฟังว่าเขาพูดอะไรกัน เธอรับรู้ได้ว่ามีคนนั่งอยู่บนเตียง ซึ่งไม่ห่างจากเธอนัก
“น้องหญิง” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแลดูอบอุ่นดังส่งให้คนแกล้งหลับอยากจะรีบเปิดเปลือกตาขึ้นมาดูเหลือเกินว่าใคร
“ตั้งแต่ท่านหญิงทรงตื่นขึ้นมาตอนสองโมงเช้าก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่นอีกเลยเพคะ”
“หมอมาตรวจอาการแล้วรึยังคุณท้าวแช่ม”
คุณท้าวนางข้าหลวงคนสนิทของเสด็จที่มีชื่อว่าแช่มส่ายหน้าน้อย ๆ “ยังเลยเพคะท่านชาย เสด็จท่านทรงเห็นว่าท่านหญิงบรรทมอยู่เลยบอกให้หมอรอเพคะ”
“อย่างนั้นรึ” สุรเสียงนุ่มตรัสพร้อมทอดมองหญิงสาวที่นอนหลับอยู่ด้วยสายพระเนตรเอื้ออาทรห่วงใย “น้องหญิง” เขาลองเรียกเธออีกครั้ง ด้วยอยากให้หมอที่รออยู่ได้ตรวจอาการเพราะความเป็นห่วง แต่เมื่อเรียกเท่าไรคนประชวรก็ยังไม่รู้สึกตัวจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แต่ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นแพรขนตางอนขยับ
สโรชาได้ยินทุกอย่างทั้งบทสนทนาทั้งการเรียกเพื่อให้เธอรู้สึกตัวตื่น เธอจึงตัดสินใจที่จะลืมตาขึ้นเพราะความอยากรู้ส่วนตัวว่าชายที่มีน้ำเสียงไพเราะชวนฝันนั้นจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร
เปลือกตาบางพร้อมขนตางอนงามเป็นแพสวยขยับเปิดขึ้นช้า ๆ ภาพของผู้ชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ไม่ห่างแต่ยังคงเป็นภาพที่เลือนลาง เธอค่อย ๆ ปรับโฟกัสสายตาตัวเองให้ชัดขึ้นเพื่อที่จะได้มองเขาให้ชัดเจน และภาพตรงหน้าก็ชัดขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้ชายที่เป็นเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มนั้นรูปร่างหนา เขาสวมใส่ชุดสูทแบบสากล หลังตรงอกผายไหล่ผึ่ง เมื่อเลื่อนสายตาขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะได้เห็นใบหน้าให้ชัดขึ้น เลื่อนขึ้นไปตั้งแต่แนวกรามแกร่ง ริมฝีปากบาง จมูกโด่งเป็นสันแต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้ศัลย์ เรื่อยไปจนได้สบตากับดวงตามคม หัวใจของสโรชานั้นตุกก่อนเต้นรัวเร็วอย่างกับเข้าผับ นี่ขนาดยังไม่เมาดวงตายังพรางพราวขนาดนี้ ในที่สุดก็เจอเนื้อคู่เสียที ที่ปล่อยให้รอถึงสามสิบปีที่แท้เพราะเขาเกิดก่อนเป็นร้อยปีนี่เอง
เขาคือชายหนุ่มในแบบที่เธอหลงใหล ผิวของเขาไม่ได้ขาวจัดแต่ก็ไม่ได้เข้มนัก ออกจะพอดีสำหรับเธอ ใช่สำหรับเธอเพราะเธอชอบเขา เขานั้นหล่อมาก เกิดเป็นคนมาจนอายุ 30 ปี ยังไม่เคยใจสั่นเพราะผู้ชายคนไหนมาก่อน แต่ดันมาใจสั่นกับผู้ชายที่อายุห่างกันเกือบร้อยปี หญิงสาวยังคงเพ้ออีกเมื่อมองเขาแบบภาพรวมทั้งเนื้อทั้งตัว เขาน่าจะสูงราว 180 เซนติเมตรหรือมากกว่าเธอวัดจากสายตาโดยที่ไม่รู้เลยว่ากิริยาของเธอในตอนนี้นั้นประหลาดเหลือเกินในสายตาของคนที่ยืนอยู่
“น้องหญิง” ชายตรงหน้าเรียกอีกครั้ง หลังจากที่เขาเห็นว่าเธอนั้นมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
“เสียงก็เพราะรูปก็หล่อ อยากลงจากคานจัง” สโรชาพร่ำเพ้อออกมาเสียงแผ่วอย่างลืมตัว นัยน์ตาคู่งามมองชายตรงหน้าหวานฉ่ำ
“น้องพูดว่ากระไรรึ พี่ได้ยินไม่ชัด”
คำถามที่เขาส่งมาครานี้ทำให้สโรชาได้สติ พร้อม ๆ กับผู้คนอีกสองสามคนเดินเข้ามาสมทบ เธอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นกลุ่มคนที่เธอได้พบเห็นแล้วตั้งแต่ตอนเช้า ยกเว้นคนหล่อตรงหน้าเธอนี่แหละที่เพิ่งได้เจอกัน
----------
ทักทายค่ะ
ทุกคนขา เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สบายดีกันใช่ไหมเอ่ย ครั้งนี้เรามาพบกันกับนิยายเรื่องใหม่ ของไรท์แล้วนะคะ
พบกันครั้งนี้ทุกอย่างแปลกไปจากเดิมค่อนข้างเยอะเลย แม่แต่หมวดของนิยาย เพราะครั้งนี้ไรท์ได้ลองท้าทายตัวเองอีกครั้ง (ท้าทายทุกเรื่องเลย T^T)
แต่...เรื่องนี้ท้าทายที่สุดเลยค่ะ เป็นนิยายแนวที่ไรท์ชอบมากๆ ตอนที่ยังเป็นแค่นักอ่าน และคิดเสมอว่าเป็นแนวที่ยากมาก เพราะโดยส่วนตัวไม่ใช่คนแม่นเรื่องประวัติศาสตร์เท่าไรนัก การมาลองเขียนนิยายพีเรียดเรื่องนี้จึงกลายเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ แต่ไรท์อยากบอกว่าไรท์ตั้งใจมากๆนะคะ ตั้งใจไม่แพ้เรื่องอื่น ๆ เลย และยังต้องเรียกว่าตั้งใจมากกว่าเรื่องอื่นด้วยเพราะไรท์ตั้งใจศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้นิยายที่มีข้อบกพร่องน้อยที่สุด
ยังไงไรท์ขอฝาก เคียงรัก ด้วยนะคะ เคียงรักเป็นนิยายที่ไรท์คิดว่าน่าจะครบรสเรื่องหนึ่ง มีทั้งรัก โรแมนติก หวาน คอมเมดี้ ดราม่า และ สืบสวน
การเดินเรื่องจะมาในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไปนะคะ เผื่อใครใจร้อนไรท์แนะนำให้เก็บเข้าชั้นไว้ก่อนได้เลย เพราะด้วยความที่ตัวนางเอก เป็นคนยุคใหม่ที่หลงเข้าไปในยุคเก่า และยังไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นชิน ตัวนางเอกก็ไม่ได้มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ที่รู้จักอะไรในยุคนั้นมากนัก ไรท์เลยตั้งใจเขียนให้ช่วงพาร์ทแรกเป็นการเรียนรู้ปรับตัว
ขอฝากด้วยนะคะ ทักทายพูดคุยกันได้นะคะ คอมเมนท์กันได้เช่นเคย รักนักอ่านทุกคนค่ะ
ณกาณฑ์