เหมือนได้เดินทางผ่านมิติคู่ขนานอีกครั้งแต่ทุกอย่างมืดสนิท สักพักก็เหมือนมีแสงที่ปลายอุโมงค์นำพาฉันออกไป ทุกอย่างสว่างจ้าจนฉันต้องหลับตา
แว้บ~ ตุ้บ~
"สะ-สำเร็จแล้ว! พิธีอัญเชิญสำเร็จแล้ว!"
"เอ๊ะ? ทำไมถึงมีสองคนกัน!? ไปตามจอมเวทหลวงมา!"
ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายเมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าฉันอยู่ในโถงใหญ่สไตล์โกธิคที่มีคนรายล้อมอยู่นับร้อยแต่งตัวเสมือนอยู่ยุคกลาง บนพื้นมีวงเวทที่เขียนอย่างสวยงามขนาดใหญ่และเพิ่งสังเกตเห็นว่าข้างๆ ฉันมีเด็กผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่เช่นกัน เธอมีผมสีดำดวงตาสีม่วงอ่อน มองอย่างไม่รู้สึกรู้สากับการอัญเชิญครั้งนี้ แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมถึงมีคนอื่นด้วยล่ะ คุณแม่ก็บอกว่ามีแค่ฉันคนเดียวนี่?
"ท่านจอมเวทหลวงมาแล้ว!"
แล้วก็มีคนแก่ๆคนหนึ่งใส่ชุดผ้าคลุมสีขาวพร้อมไม้เท้ารูปร่างแปลกๆวิ่งปนหอบมาทางฉันและเด็กผู้หญิงอีกคน จากนั้นก็จับมือของฉันไปทาบลูกแก้วกลมๆแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงเปลี่ยนไปให้เด็กสาวอีกคนแตะปรากฏว่าลูกแก้วส่องแสงสีขาวประกายออกมาจนแสบตา
"คนนี้แหละท่านนักบุญคนใหม่ของพวกเรา!!"
เอ๊ะ?
"ตระกูลของข้าจะรับนางไปดูแลเอง"
ชายวัยกลางคนท่าทางดูมีภูมิฐานรีบเดินออกมาพูดกับจอมเวทคนนั้น ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างส่งเสียงฮือฮา
"แหม~ ท่านดยุคลิงซ์ จะไม่น่าเกลียดไปหน่อยเหรอคะ เรื่องแบบนี้องค์จักรพรรดิต้องเป็นคนตัดสินใจสิคะ"
"...ไม่ยักรู้ว่าเจ้าสนใจเรื่องนี้เหมือนกันนะดัชเชสไลแลค บลัดเวิร์ท"
"ทำไมข้าจะไม่รู้ว่าท่านคิดสิ่งใดอยู่ล่ะ...กลิ่นอำนาจมันหอมหวนจริงนะท่านว่าไหม?"
"...หึ"
เหมือนกำลังดูสงครามประสาทของผู้มีอิทธิพลทั้งสองคนอยู่ ฝ่ายชายเหมือนคนปกติทั่วไปผมสีเทาตาสีดำ ฝ่ายหญิงมีเขาที่เหมือนปิศาจ อายุยังดูสาว ผิวขาวผมสีดำที่ยาวจนเกือบถึงพื้นมีแค่ดวงตาที่มีสีแดงก่ำ ฉันสบตากับเธอได้แวบเดียว เธอก็มองไปทางอื่นอย่างไร้เยื่อใย อะไรกัน...คุณพ่อ คุณแม่คะ พวกท่านส่งหนูมาผิดโลกหรือเปล่าคะ~!
"องค์จักรพรรดิเสด็จ!"
สิ้นเสียงของทหารที่เฝ้าประตู ก็มีขบวนเสด็จเดินเข้ามาในโถงแห่งนี้ ผู้คนต่างก้มหัวให้ชายวัยกลางคนผมสีดำขลับตาสีทองประกายที่น่าจะเป็นจักรพรรดิ และกำลังเดินตรงมาทางนี้
"คนไหนคือนักบุญ"
"คนนี้พ่ะย่ะค่ะ"
แล้วเหล่านักเวทก็อุ้มเด็กผู้หญิงข้างๆฉันส่งไปให้จักรพรรดิ ก่อนจะหันมาทางฉัน
"แล้วเด็กคนนี้คือ?"
"เด็กธรรมดาที่ติดมากับการอัญเชิญพ่ะย่ะค่ะ"
"ลูกหลงสินะ...ส่วนนักบุญ ข้าจะฝากให้ตระกูลสี่ดยุคช่วยกันดูแลนาง แต่นางจะอาศัยอยู่ที่วังแห่งนี้ ส่วนเด็กคนนี้ใครจะดูแลตกลงกันเอาเอง"
อ้าว! ไหงงั้นล่ะท่านจักรพรรดิ!?
"หมดธุระข้าแล้ว ขอตัว"
แล้วทุกคนก็ก้มหัวให้จักรพรรดิอะไรนั่นอีกรอบจนเดินออกจากโถงไปพร้อมกับเด็กที่บอกว่านักบุญ ส่วนคนที่เหลือก็ทยอยออกจากห้องโถงไป จะทิ้งฉันไว้แบบนี้ไม่ได้น้าา!
"น่าเบื่อชะมัด นี่ข้าถ่อมาจากทางเหนือเพื่อเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ?"
จู่ๆ ก็มีผู้หญิงผิวเข้มผมสีแดงสด ดวงตาสีเงิน พูดขึ้นและเดินมาทางที่ฉันนั่งแหมะอยู่ เธอมีเขาที่แหลมและใหญ่ มีหูที่ยาวและหางที่ดูแข็งแรง ดูแล้วน่าจะเป็นเผ่ามังกรล่ะ
"แล้วยัยเด็กนี่จะเอาอย่างไรดีล่ะ"
เธอเดินมาหยุดตรงหน้าฉันกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งผมสีชมพูอ่อนดวงตาสีเขียวใส ลักษณะเหมือนมนุษย์ทั่วไป ถ้ามองไม่ผิดเธอมีหูที่แหลม...เอลฟ์หรือเปล่านะ
"ข้าจะขอรับเด็กคนนี้ไปดูแลเอง เจ้ากลับไปเถอะเฟรย่า"
"ฮึ! ถ้าเจ้าไม่รับเลี้ยง ข้าว่าจะเอาไปเป็นอาหารเย็นแก่ลูกๆของข้าสักหน่อย งั้นหมดธุระข้าแล้ว เจอกันใหม่ล่ะ"
พรึ่บ!
แล้วคนที่ชื่อเฟรย่าก็สยายปีกออกมาและบินออกไปด้วยความเร็วสูงจนลมพัดปลิวข้าวของกระจาย แต่เมื่อกี้เธอบอกจะเอาฉันไปเป็นอาหารลูกเธองั้นเหรอ น่ากลั๊ว~!
"สวัสดีหนูน้อย"
ฉันมองจ้องไปที่ผู้หญิงด้านหน้าและลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นที่ชุด
"เธอเข้าใจภาษาของพวกเราไหม?"
"...ค่ะ" รู้ทุกภาษานี่มันสบายชะมัด...
"ฉันขอตรวจดูข้อมูลหน่อยนะ"
พูดจบเธอก็เอามือมากวาดผ่านหน้าฉัน เธอก็ขมวดคิ้วเพราะไม่มีอะไรโผล่ขึ้นมา แหงสิ...ฉันไม่อนุญาตนี่นา
"แปลกจริง ทำไมถึงดูสถานะไม่ได้นะ"
เธอยืนเท้าคางอีกสักพัก จึงล้มเลิกความพยายามและเรียกผู้ติดตามมาอุ้มฉันให้เดินตามออกไป เมื่อเปิดประตูออกไปยังภายนอก เผยให้เห็นเมืองทั้งหมดที่ไกลสุดลูกหูลูกตา เหมือนอยู่ในนิยายแฟนตาซีที่ฉันเคยอ่านตอนอยู่ที่โลกเก่าเลย
จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถม้าที่จอดรอรับอยู่ด้านนอก คนรอบตัวต่างพากันมองฉันและพากันซุบซิบแถมยังมองแปลกๆ ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วนนิดหน่อยเพราะไม่เคยอยู่ท่ามกลางคนเยอะแบบนี้ด้วย
"ท่านเอวาขอรับ" ผู้ติดตามเรียกผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าให้หยุดเธอชื่อเอวานี่เอง
"มีอะไรงั้นหรืออัลเบิร์ต"
"ที่คอของเด็กคนนี้เหมือนจะมีของหายากอยู่ขอรับ"
"หืม? ไหนดูซิ..."
แล้วเธอก็เดินมาหาฉันแล้วจับสร้อยคล้องคอฉันไปดู
"นี่มันคริสทัลเพียร์นี่นา ไม่ปรากฏในโลกแห่งนี้มาเป็นพันๆปีแล้ว...แถมยังมีทั้งสร้อยและแหวนด้วย มีอะไรสลักอยู่ด้วยนี่ Ella...?"
"ข้าชื่อเอลล่าค่ะ"
"เอ๋~ งั้นเหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะเอลล่า ไปคุยกันต่อในรถม้าดีกว่า ข้าจะพาเจ้าไปซื้อของในเมืองด้วยกลับบ้านไปอีธานต้องตกใจแน่ๆเลย อยู่ๆฉันก็รับเด็กไปเลี้ยงเนี่ย ฮะๆๆ~"
เธอหัวเราะคิกคักเหมือนเด็กโดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้างและอุ้มฉันขึ้นรถ จากนั้นเธอก็พาไปซื้อทั้งของใช้สารพัดอย่างและเสื้อผ้าอีกมากมาย
ภายในเมืองมีผู้คนเดินสัญจรกันอย่างขวักไขว่หลายชาติพันธุ์ ฉันทำได้เพียงแค่มองดูเท่านั้นถึงในใจอยากจะลงไปเที่ยวก็เถอะ โลกเวทมนตร์เชียวนะ~ อ๊ะ...รูปปั้นที่น้ำพุใจกลางเมืองนั่นดูคุ้นๆแฮะ...นั่นมันคุณพ่อคุณแม่นี่!
"เอ่อ..." ฉันพูดพลางชี้ไปที่ลานน้ำพุ
"มีอะไรเหรอ? หืม...อ๋อ~ นั่นคือรูปปั้นของเหล่าพระเจ้าและท่านไกอาที่ปกปักรักษาโลกแห่งนี้จ้ะ ไม่มีใครเคยเห็นพวกท่านหรอกนะหน้าตาอย่างนี้จริงหรือเปล่าข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ชาวเมืองก็ยังคงบูชาและเชื่อว่าพวกท่านมีตัวตนอยู่จริงๆ ฉันก็เช่นกัน"
เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนจะกุมมือที่อกเมื่อหันไปมองทางรูปปั้น
"จะว่าไป เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนะ ฉันชื่อเอวา แอชวูดส์ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะเอลล่า"
"หนู...เอลล่าค่ะ มาจากเอ่อ...ที่ไกลแสนไกลค่ะ"
"น่ารักจังเลย~"
แล้วเธอก็ดึงฉันเข้าไปกอดพลางบีบแก้มที่ย้วยๆของฉันอย่างมันเขี้ยว สักพักก็เหมือนจะถึงสถานที่ที่เรียกว่าบ้าน...ไม่สิ นี่น่าจะเป็นปราสาทขนาดย่อมเลยล่ะ ว้าว...
จากนั้นเอวาก็อุ้มฉันลงรถม้าและจูงมือเข้าไปด้านใน
"ยินดีต้อนรับกลับท่านเอวา"
เมื่อเปิดประตูเข้าไปด้านใน เหล่าคนใช้ก็พากันมายืนต้อนรับ จากนั้นเธอก็ให้ผู้ติดตามไปเรียกใครสักคนให้ไปที่ห้องรับแขก เหล่าคนใช้ยังคงทำหน้าสงสัยเกี่ยวกับตัวฉันสักพักก็มีคนเดินเข้ามาในห้องที่พวกฉันนั่งอยู่
"ท่านแม่กลับมาแล้วหรอครับ!"
เด็กผู้ชายผมสีชมพูอ่อนเหมือนกับเอวารีบวิ่งเข้ามาและกระโดดกอดเธอพลางทำสายตาดีใจ
"เอวาทำไมกลับมาช้านักล่ะ หืม? เด็กคนนี้เป็นใครกัน"
"กลับมาแล้วค่ะ เอริคนั่งลงก่อนลูก แม่มีเรื่องสำคัญจะประกาศให้ทุกคนทราบ"
"ยัยตาฟ้า! เธอเป็นใครน่ะ!?"
"เอริค อย่าเสียมารยาทกับน้องสิลูก"
"น้อง?"
"ใช่จ้ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันขอประกาศให้ทุกคนทราบว่า เด็กสาวคนนี้หรือเอลล่าจะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลแอชวูดส์ ขอให้ดูแลเธออย่างที่ควรจะเป็นด้วย"
"ครับ / ค่ะ" เหล่าคนใช้ต่างตอบรับและยังดูตกใจปนงงกันอยู่
"นี่มันเรื่องอะไรกันเอวา"
"เธอคนนี้ถูกอัญเชิญมาพร้อมกันกับนักบุญค่ะอีธาน แต่เธอไม่มีพลังเกี่ยวกับนักบุญเลยเหมือนเป็นความผิดพลาดในการอัญเชิญที่ส่งเธอมาด้วย มิหนำซ้ำยังไม่มีใครรับเธอไปดูแลแม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังผลักไสให้คนอื่น ถ้าหากปล่อยเธอไว้คงไม่ดีแน่ และฉันคงรู้สึกผิดต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยค่ะ"
"...เข้าใจล่ะ ตาแก่นั่น...ขนาดเด็กตัวแค่นี้ยังทำได้ลงคอ แต่นานมากแล้วนะที่ไม่ได้เห็นคนที่มีสีผมเงินยวงและยังตาสีฟ้าใสอย่างนี้ถือว่าหายากมากเลยล่ะ คงจะเป็นที่หมายตาของพวกค้าทาสอย่างแน่นอนต้องเพิ่มคนคุ้มกันให้เธอไว้แล้วล่ะ"
"ใช่ไหมคะ อีกอย่างฉันตรวจดูสถานะของเธอไม่ได้ค่ะ"
"หืม? เป็นไปได้ด้วยเหรอ"
แล้วอีธานก็เดินมาชันเข่าด้านหน้าฉันพร้อมกับปัดมือไปมา
"ข้าก็ดูไม่ได้ แปลกจริง"
"แต่ที่รู้อย่างเดียวตอนนี้คือเธอชื่อเอลล่าค่ะ"
"งั้นเหรอ ยินดีที่ได้รู้จักสาวน้อยข้าชื่อ อีธาน แอชวูดส์ เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดไหม"
"เข้าใจค่ะ"
อีธานทำหน้างงๆว่าทำไมฉันถึงเข้าใจภาษาของโลกนี้ และหันไปหาเอวาที่กำลังง้อลูกชายอยู่ที่โซฟา ฉันจึงลงจากเก้าอี้และโค้งหัวให้ทุกคนอีกที
"สวัสดีทุกท่านค่ะ หนูชื่อเอลล่าขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"
ทุกคนดูตกตะลึง ฉันจึงกวาดมือไปในอากาศปรากฏให้เห็นสถานะที่ฉันปิดบังบางส่วนเอาไว้
l Ella :?? Tribe :?? l
l Level :?? l
l Power :?? l
l [??] l
"เจ้าใช้เวทมนตร์ได้? ยิ่งไปกว่านั้นทำไมสถานะถึงเป็นอย่างนี้กันล่ะ??"
อีธานมองแล้วทำหน้าสงสัยอย่างหนัก คนอื่นๆก็เช่นกัน ขอฉันคิดก่อนนะคะว่าจะแก้เป็นอะไรเดี๋ยววันหลังจะบอกอีกที...
"อาจจะเพราะเอลล่ายังเด็กหรือเปล่านะ หรืออาจจะเพราะมาจากโลกอื่นด้วยสถานะน่าจะยังไม่คงที่ ตอนนี้ฉันฝากจัดการห้องนอนให้เธอทีนะ"
อีธานหันไปพูดกับคนรับใช้ ตอนนี้ในห้องเหลือแค่อีธาน เอวา ฉัน และเอริคที่ยังคงทำหน้าบูดอยู่
"เอริคจ๊ะ"
"..."
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแม่ขอฝากน้องสาวด้วยนะ"
"ไม่เอา..."
"แต่น้องน่าสงสารมากเลยนะ เป็นลูก...ลูกจะทิ้งน้องได้จริงๆงั้นเหรอ"
"ตะ-แต่ ไม่งั้นผมก็โดนแย่งคุณแม่ไปน่ะสิครับ!"
"...แล้วพ่อล่ะลูก" อีธานพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ
ครอบครัวนี้น่ารักจัง...เอริคกอดเอวาแน่นไม่ยอมปล่อย เธอจึงได้แต่หัวเราะและกวักมือเรียกฉันให้เข้าไปหา ฉันจึงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเอริค
"...พี่คะ"
เอริคหยุดการกระทำและค่อยๆหันมาหาฉัน เอาล่ะ...ต้องใช้ลูกอ้อนสินะ ฉันไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตเลยนะลองดูสักตั้ง!
"พี่ชาย...คะ?"
แล้วฉันก็พยายามทำสายตาวิงวอนและเอียงคอนิดหน่อยเหมือนแมวน้อยในจินตนาการ เอริคตกใจหน้าแดงก่อนจะกลับไปซบผู้เป็นแม่อีกรอบ คราวนี้เอวาหัวเราะร่ากับสามีของเธอ
"ฮ่าๆๆ~ ไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย~ ขอบคุณนะจ๊ะเอลล่า ฮะๆๆ~"
"เจ้าลูกชายของข้าออกจะปากเสียและขี้อายไปสักนิด แต่นิสัยดีนะ หวังว่าพวกเจ้าจะเข้ากันได้"
อีธานพูดพลางเอามือมาลูบหัวฉัน
"ตอนนี้เจ้าคือเอลล่า แอชวูดส์แล้วนะ จงภูมิใจเสียเถอะ"
ฉันพยักหน้าให้กับอีธานพลางยิ้มอ่อนๆให้
"แล้วก็...ถ้าข้าจะถามชาติกำเนิดของเจ้าก็คงจะเสียมารยาทไปสักหน่อย อาณาจักรแห่งนี้พาเจ้ามาแต่ไม่สามารถพากลับได้แถมยังทอดทิ้งเจ้าอีก ข้าต้องขอโทษในนามของตระกูลสี่ดยุคด้วย จะขอรับผิดชอบด้วยการเลี้ยงดูเจ้าอย่างดี ส่วนเรื่องเวทมนตร์ของเจ้านั้น ข้าว่าต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอน เจ้าเปิดหน้าต่างสถานะเองได้ กีดขวางการตรวจสอบพลังของพวกข้าได้หากไม่ใช่ว่ามีพลังที่สูงมาก ก็เป็นเพราะเจ้ามาจากต่างโลกที่พวกข้าไม่สามารถตรวจสอบได้ เรื่องเจ้ามีพลังเวทอย่าเพิ่งบอกให้คนภายนอกได้รู้เชียว"
"..."
ฉันนิ่งเงียบและได้แต่ยิ้มให้อีธานที่ยังทำหน้าสงสัยอยู่ คุณพ่อคุณแม่คะ หนูควรทำอย่างไรดี...
"ฉะ-ฉัน!"
หืม?
"ฉันชื่อเอริค แอชวูดส์ ยะ...ยินดีที่ได้รู้จัก!...นะ..."
เอริคที่จู่ๆก็กระโดดลงมาจากโซฟาพลางยื่นมือมาให้ฉันด้วยใบหน้าที่ชมพูระเรื่อและท่าทางที่เขินอาย ฉันจึงเอื้อมมือไปจับมือเอริคและยิ้มให้อย่างสดใส
"ขอบคุณนะคะ...พี่"
"อึก!" และเอริคก็หน้าแดงมากกว่าเดิม
"...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?"
ฉันเอามือไปทาบที่หน้าผากของเอริค ก็ไม่ได้ร้อนนี่นา?
"พะ-พอแล้ว!"
และเอริคก็รีบวิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่น ปล่อยให้ฉันยืนค้างอยู่กับสองสามีภรรยาที่กำลังหัวเราะเป็นหน้าเป็นหลังอยู่ ฉันจึงถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
"เอ่อ...หนู...ทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ?"
"มะ-ไม่ ไม่เลย ต้องขอบคุณเจ้าด้วยซ้ำที่ทำให้เจ้าลูกชายเป็นแบบนี้ได้ ฮะๆๆ"
"ฮะๆๆ โอย~ ข้าปวดท้องไปหมดแล้วค่ะอีธาน อ๊ะ หัวหน้าสาวใช้มาพอดี ห้องของเจ้าน่าจะเรียบร้อยแล้วล่ะ ไปพักผ่อนเสียเถอะ"
"ค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"
ฉันโค้งตัวให้กับทั้งสองที่ยิ้มกันหน้าบานก่อนจะเดินตามหัวหน้าสาวใช้ไปยังด้านบน เมื่อถึงห้องเหล่าสาวใช้ก็พาฉันไปอาบน้ำแต่งตัวและส่งฉันเข้านอน
"พรุ่งนี้นายท่านจะอธิบายเกี่ยวกับโลกใบนี้ให้ฟังอีกทีค่ะ วันนี้เชิญพักผ่อนให้สบายนะคะคุณหนู"
"ขอบคุณค่ะ"
เธอยิ้มและปิดประตูห้องนอนที่หรูหราสุดๆนี้ ยังไงฉันก็ยังไม่ชินอะไรที่ดูสุดยอดแบบนี้ทุกทีตั้งแต่อยู่ที่อณาจักรพระเจ้าแล้ว เอาล่ะพรุ่งนี้มีอะไรให้สำรวจอีกเยอะนอนก่อนดีกว่า...