เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานยังดังอยู่ไม่ขาดสายปนมากับเสียงพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน พลอยพาให้แพรวารู้สึกสนุกขึ้นมาบ้างรอยยิ้มจาง ๆ จึงคลี่ออกเธอก้าวเท้าเดินลงบันไดหน้าบ้านพักก็พบกับร่างสูงใหญ่ยืนมองมาทางเธอไม่ช้าก็ก้าวเท้าเข้ามาหา
“ พี่วี ” ริมฝีปากบางพึมพำชื่อของคนที่กำลังก้าวใกล้เขามาทุกทีด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ
ปวีณ์ก้าวเข้ามาช้า ๆ ดวงตาจับนิ่งอยู่กับผู้หญิงที่เคยเป็นภรรยาจนเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ
“ กำลังจะไปที่ริมหาดเหรอ ” ปวีณ์เอ่ยถามเสียงเรียบๆ
“ ค่ะ คุณกรรออยู่ ” แพรวาตอบ
คำว่า ‘ คุณกรีออยู่ ’ ทำเอาปวีณ์เจ็บจนหายใจไม่ออกแต่ก็ฝืนยิ้ม
“ เดินไปด้วยกันสิ ” พูดจบปวีณ์ก็หันหลังเดินนำแพรวาไป เธอสูดลมหายใจเข้าลึกควบคุมตัวเองให้ไม่แสดงความรู้สึกจริง ๆ ข้างในออกมาก้าวเดินตามหลังปวีณ์ไปแบบเว้นระยะห่างให้เธอสามารถมองเขาได้อย่างเต็มตาเหมือนกำลังบันทึกภาพของปวีณ์เอาไว้ในความทรงจำ
“ พรุ่งนี้คุณกรคงจะไปด้วยใช่ไหม ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
“ ค่ะ ” แพรวาตอบเพียงสั้น ๆ
“ เขาต้องตามแพรไปอยู่แล้ว ไม่รู้จะถามทำไม ” เขาเพียงพูดกับตัวเอง
“ คุณณดาก็คงจะตามพี่วีไปด้วยเหมือนกัน ” แพรวาพดูขึ้นบ้าง
“ เขากลับไปแล้วล่ะ ” ปวีณ์พูด
“ กลับไปแล้ว? ” เธอทำหน้าสงสัย
“ เขามีลูกค้าสำคัญมาจากต่างประเทศเลยต้องกลับไปดูแล ” ปวีณ์ตอบ แพรวาพยักหน้าเข้าใจ
เพียงชั่วครู่ทั้งสองคนก็เดินมาถึงชายหาดที่กำลังมีงานเลี้ยงอย่างสนุกสนาน ทุกคนกำลังสาละวนอยู่กับการกินดื่มและเต้นรำจึงไม่มีใครสนใจอีกสองคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามายกเว้นคิรากรที่มองมาทางแพรวาและปวีณ์
คิรากรลุกขึ้นเดินผ่านปวีณ์ไปจูงมือแพรวาที่เดินตามมาด้านหลัง ปวีณ์กลั่นใจเดินไปข้างหน้าทำเป็นไม่สนใจ
“ ทำไมมาช้านักล่ะครับ ผมรอคุณแพรตั้งนาน ” คิรากรถามเสียงหวาน
“ แพรเพิ่งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเสร็จค่ะ ” แพรวา ตอบเพียงได้ยินกันสองคน
งานเลี้ยงคืนนี้ผ่านไปด้วยความสนุกสนานของใครหลายๆ คนแต่ก็มีอีกสามคนที่ไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับคนอื่น ๆ ด้วย ปวีณ์นั่งดื่มเหล้าเงียบ ๆ อยู่ในกลุ่มทีมงานของกองถ่าย แพรวานั่งเคียงคิรากรอยู่ที่โต๊ะอาหารแต่สายตาของเธอคอยแต่ชำเลืองไปทางปวีณ์เขาเองก็เหมือนจะรับรู้แต่ก็ไม่มองกลับมา มืออบอุ่นของคิรากรเอื้อมมากุมมือของแพรวาเอาไว้เพื่อจะเตือนให้เธอว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้ข้างๆ เธอ
ค่ำคืนนี้จึงผ่านไปด้วยความน่าอึดอัดกระอักกระอ่วนใจของทั้งปวีณ์ แพรวาและคิรากร
งานถ่ายภาพเกาะนอกซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของคิรากรที่เขาเอาไว้สำหรับรับรอบลูกค้าวีไอพีของโรงแรมเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงและผลงานที่ออกมาก็เป็นที่พอใจของทุกคนจึงถือว่างานครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปอย่างสมบูรณ์
เรือสปีดโบ๊ทลำใหญ่แล่นตัดคลื่นน้ำทะเลกลับมาฝั่งด้วยความรวดเร็ว พอมาถึงหาดที่หน้าโรงแรมคิรากรก็ลงจากเรือก่อนแล้วจึงรอรับแพรวาที่กำลังจะก้าวตามลงมาปวีณ์จึงได้แต่มองทั้งสองคนแล้วถอนหายใจ
“ ผมต้องขอบคุณคุณปวีณ์มากนะครับ งานถ่ายภาพของคุณถูกใจผมที่สุดและก็ต้องขอโทษคุณด้วยที่ตอนแรกผมอาจจะพูดจาไม่ดีไปบ้าง ” คิรากรยื่นมืออกมาเพื่อจะจับมือกับปวีณ์ ปวีณ์ก็จับมือเขาเขย่าเบา ๆ
“ ผมยินดีด้วยนะครับเรื่องคุณกับแพร ” เขาพูดด้วยความรู้สึกยินดีอย่างที่พูดจริง ๆ
แพรวาได้แต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรสักคำ เธอมองปวีณ์อย่างทอดอาลัยแล้วหลบตาเขามองทางอื่น
“ ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ จะรีบกลับไปจัดการรูปถ่ายทั้งหมดแล้วจะส่งให้คุณคิรากรโดยเร็วที่สุด ”
“ ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับคุณปวีณ์ ”
“ ขอบคุณครับ ” ปวีณ์เดินไกลออกไปทุกทีจนกระทั่งหายลับตาไป
คิรากรจึงหันมาพูดกับแพรวา “ เรากลับกันเถอะนะ”
“ ค่ะ ” แพรวาพยักหน้ารับแล้วเดินตามคิรากรไปที่รถของเขา
‘ ที่ผ่านมาเธอไม่รู้ว่าเธอไม่เคยจะจากไป
ฝังข้างในจิตใจไม่อาจก้าวไปกับใครสักคน
กลัวว่าใจต้องช้ำอีกครั้ง
รู้ตัวเองไม่เคยเดินออกมา
จากภาพที่เธอจากไปไม่เคยร่ำลาเจ็บปวดเหลือเกิน
เจ็บจนไม่อาจรักใครอีก ’
เสียงเพลงที่ดังมาจากบนเวทีทำให้คนที่นั่งดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์คนเดียวอย่างเหงา ๆ น้ำตารื้นขึ้นมาขังอยู่ที่ขอบตาทั้งสองข้าง ปวีณ์ยกแก้วเหล้าในมือขึ้นมาดื่มจนหมดแก้วแล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ
ผับแห่งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายที่เขาและแพรวาได้สร้างขึ้น เขาเจอเธอครั้งแรกก็ที่นี่ในงานวันเกิดของสุรนันทน์ หลังจากคืนนั้นปวีณ์ก็พยายามติดต่อแพรวาและขอนัดเธอออกมาเจอกันก็เป็นที่นี่อีก พอคบกันได้เกือบสองปีเขาก็ตัดสินใจขอเธอแต่งงานตรงเคาน์เตอร์ที่เขากำลังนั่งดื่มอยู่ตอนนี้ ทั้งที่รู้ดีว่าถ้ากลับมาที่นี่อีกภาพความหลังพวกนั่นมันจะย้อนกลับมาทำร้ายเขาแต่เขาก็ยังอยากมาซึมซับมันเก็บเอาไว้
“ มึงไหวไหมวะ ” สรวิทย์เอ่ยถามขึ้นพลางตบที่บ่าของปวีณ์แล้วจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ
“ กูไม่ได้เป็นอะไร ” ปวีณ์ตอบ
“ ไอ้ปากแข็ง ” สรวิทย์ยกแก้วขึ้นดื่มบาง
“ คืนนี้มึงอยู่กับฉันนะ กูไม่อยากอยู่คนเดียวว่ะ ” ปวีณ์มองหน้าเพื่อนรักด้วยดวงตาเลื่อนลอย
“ เอ่อ กูไม่ทิ้งแกหรอก ” สรวิทย์กอดคอปวีณ์ เขาทั้งสงสารและก็นึกสมน้ำหน้าในเวลาเดียวกัน ปวีณ์ผู้ชายปากแข็ง ผู้ชายที่เคยประกาศกร้าวว่าจะไม่มีวันหวนกลับไปหาผู้หญิงงี่เง่าไร้เหตุผลอย่างแพรวาเป็นอันขาด แต่ในวันนี้ผู้ชายคนนั้นกลับต้องมานั่งดื่มเหล้าน้ำตาคลอเหมือนคนอกหักก็ไม่ปาน
“ แพร... กลับมาเถอะนะ ” เสียงอ้อแอ้ฟังไม่รู้เรื่องรอดผ่านริมฝีปากของคนที่กำลังเมาจนไม่มีสติ
“ ไอ้วี! มึงเดินให้มันดี ๆ หน่อยได้ไหม ” สรวิทย์ที่กำลังประคองร่างกายใหญ่โตของปวีณ์ที่เมาจนเดินเปะปะขาพันกันไปหมดตวาดออกมาอย่างเหลืออด แต่เหมือนปวีณ์จะไม่รับรู้เขายังคงเดินโซเซทิ้งน้ำหนักทั้งหมดใส่ร่างสูงโปร่งของหนุ่มจนทำให้คนที่แบกรับน้ำหนักแทบจะล้มทั้งยืน ปากก็พร่ำเพ้อถึงอดีตภรรยาที่กำลังมีคนใหม่ไปแล้วอย่างอาลัยอาวรณ์
“ ไอ้วี! ” สรวิทย์ตวาดลั่นอีกรอบแต่ก็เปล่าประโยชน์ พอมาถึงรถร่างใหญ่ของปวีณ์ก็ถูกดันเข้าไปในรถอย่างยากลำบาก
“ เฮ้อ! ” สรวิทย์ถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย แล้วรีบวิ่งมาขึ้นรถก่อนจะขับออกไป